การต่อสู้บนสังเวียนชีวิตจริงของ “เซนโซ อิเคดะ”
หนทางสู่ความยิ่งใหญ่ไม่เคยเรียบง่ายสำหรับแชมป์โลก Pancrase รุ่นฟลายเวต “เซนโซ อิเคดะ” ผู้มีประสบการณ์อันโชกโชน ก่อนเบนเข็มสู่เส้นทางใหม่ในองค์กรศิลปะการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด วัน แชมเปียนชิพ
เขาเติบโตขึ้นอย่างไม่มีต้นทุนชีวิต และชีวิตในโรงเรียนก็ทำให้เขาขาดความมั่นใจ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็สามารถหาเป้าหมาย และกลายเป็นนักกีฬาที่เก่งที่สุดของญี่ปุ่นได้
เขาเป็นนักสู้ที่มีลีลาสุดตื่นเต้น และแฟนๆ ก็เฝ้ารอที่จะได้ชมการกลับมาของเขาในศึก ONE: CENTURY PART I ซึ่งจะจัดขึ้นในบ้านเกิด โดยพบกับคู่แข่งขันอย่าง “ลิโต อาดิวัง”
ก่อนไฟต์แห่งประวัติศาสตร์ที่กรุงโตเกียวจะมาถึง นักสู้แดนอาทิตย์อุทัยวัย 37 ปี ได้เผยถึงอุปสรรคในชีวิตที่ผ่านมา ก่อนที่เขาจะได้พบกับแสงสว่างในบ้านแห่งศิลปะการต่อสู้แห่งนี้
คบเพื่อนผิด
อิเคดะ เกิดในเมืองเซนได ภายในครอบครัวที่มีลูกคนเดียว บ่อยครั้งที่เขาต้องดูแลตัวเองเพียงลำพัง ด้วยเหตุที่พ่อแม่ต้องทำงานทั้งวันเพื่อหารายได้เลี้ยงครอบครัว
เขารู้สึกอึดอัดกับการไปโรงเรียน และเกิดความแปลกแยกช่วงเริ่มต้นของการเข้าเรียนใหม่ เพราะเขาเรียนไม่ทันเพื่อน
“พ่อแม่ของผมต่างยุ่งกับงาน และไม่ค่อยอยู่บ้าน ผมเลยไม่ค่อยไปโรงเรียน ผมรู้สึกว่าครอบครัวของเราแตกต่างจากบ้านอื่น”
“ผมทำการบ้านไม่ได้ และบ่อยครั้งที่ผมไม่สนใจ”
อิเคดะ ขาดสมาธิในการเล่นกีฬาเช่นกัน เขาเล่นเบสบอลในช่วงเรียนประถม และเรียนฟุตบอลในสมัยมัธยมต้น แต่เขาไม่สนใจมันเท่าที่ควร สุดท้ายก็เลิกไปโดยปริยาย
“ผมออกจากโรงเรียนตั้งแต่ชั้นมัธยมต้น และไม่มีอะไรทำ ผมเริ่มชกมวยตอนอายุ 16 และคิดว่ากีฬานี้อาจทำให้ผมแข็งแรงได้”
“ตอนนั้นผมเดินทางผิด คบเพื่อนที่ไม่ดีจนเกิดปัญหา ผมตระหนักได้ว่าผมต้องเปลี่ยนตัวเอง ผมมีสภาพจิตใจที่อ่อนแอ ไม่สามารถหักห้ามใจได้สักเท่าไหร่”
“สองปีแรก ผมยอมแพ้ และกลับไปเส้นทางเดิมหลายครั้ง การฝึกซ้อมค่อนข้างเข้มงวด และไม่ค่อยประสบความสำเร็จอะไรเลย”
การชกมวยสร้างจิตใจให้แข็งแกร่ง
อิเคดะ เดินหน้าเปลี่ยนแปลงตัวเอง โดยใช้มวยสากลเป็นเครื่องมือ เขาสมัครเข้าร่วมกับ Dream boxing Gym ตอนอายุ 19 อันเป็นจุดตั้งต้นแรก
หลังจากการฝึกซ้อมอย่างหนักนาน 18 เดือน เขาขึ้นสู้ในสังเวียนอาชีพ ซึ่งทำให้เขามองเห็นศักยภาพที่แท้จริงของตัวเอง
“ผมมั่นใจมากเกินไปเมื่อครั้งขึ้นชกอาชีพครั้งแรก ผมกระวนกระวาย และคิดว่าการเอาชนะเป็นเรื่องง่าย แต่เมื่อการแข่งขันเริ่มขึ้น ผมโดนหมัดของคู่ต่อสู้อย่างจัง และเพิ่งสำนึกได้ว่ามันโคตรเจ็บเลย”
“มันแรงเหมือนถูกตีด้วยไม้เบสบอล และผมคิดว่า หมอนี่เจ๋งแฮะ มันทำให้ผมต้องตื่นตัว มิเช่นนั้นเขาเล่นผมหนักแน่”
“ผมก็ถูกต่อยร่วงในช่วง 10 วินาทีสุดท้ายของยกแรก ตอนนั้นผมงงไปหมด โชคดีระฆังช่วยไว้ทัน แต่ผมจำอะไรไม่ได้ พอกลับขึ้นไปชกก็สู้ไม่ถอย จนเอาชนะได้ในยกที่สี่”
อิเคดะ สั่งสมสถิติไร้พ่าย 8-0 และคว้าเข็มขัดแชมป์ระดับภาคได้สองเส้น แต่ก็เกิดปัญหาติดขัดเรื่องการหาคู่ชก จนเขาต้องเลิกไปโดยปริยาย
ความท้าทายใหม่
เพื่อนชักชวน อิเคดะ ให้ลองฝึกศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน เขาจึงลองเข้าไปดูการฝึกซ้อมที่ Freedom@Oz Gym ภายใต้การดูแลของหัวหน้าโค้ช “เซจิ โอซูกะ” และทำให้เขาตกหลุมรักกีฬาชนิดนี้ทันที
แม้ว่าเขาจะเคยมีพื้นฐานการเป็นนักมวยอาชีพที่มีความสามารถโดดเด่น แต่การเริ่มต้นกับกีฬาชนิดใหม่ในวัย 30 ปี ทำให้เขาพบว่าการฝึกปล้ำจับล็อกนั้นเป็นอะไรที่สาหัสยิ่ง
อิเคดะ ค่อยๆ จับทางและเรียนรู้เทคนิคการต่อสู้ โดยฝึกกับคู่ซ้อม จนสามารถนำมาผสมผสานกับทักษะการชกมวยที่มีอยู่เดิมได้เป็นอย่างดี
“ตอนฝึกใหม่ๆ พวกเขาเล่นงานผมซะยับ ผมถูกรวบลงพื้นและซับมิชชันอย่างรวดเร็ว”
“ผมรู้ว่าสภาพจิตใจตัวเองอ่อนแอ แต่ความรู้สึกที่ไม่อยากสูญเสียตัวตนยังแข็งแรง ผมเลิกชกมวยแล้ว แต่ผมจำเป็นต้องทำให้ตัวตนที่เคยอ่อนแอแข็งแกร่งขึ้น ผมต้องเอาชนะความอ่อนแอและเปลี่ยนตัวเองให้ได้”
“ผมเริ่มคิดถึงเรื่องการเคลื่อนไหว และนำทักษะมวยสากลมาใช้ ในศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน เทคนิคและความเป็นไปได้นั้นมีไม่รู้จบ บางคนอาจคิดว่าอายุ 37 แก่เกินจะเป็นนักสู้ แต่เสน่ห์ของกีฬาประเภทนี้คือการที่คุณสามารถเรียนรู้และแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ อายุจึงไม่สำคัญเท่าไหร่”
จาก Pancrase สู่ ONE
บทพิสูจน์ของความไม่ย่อท้อของ อิเคดะ ปรากฏอย่างชัดเจนเมื่อเขาก้าวขึ้นเป็นแชมป์โลกรุ่นฟลายเวตของ Pancrase
เขาเจอปัญหาสภาพร่างกาย แต่สุดท้ายเมื่อโอกาสมาถึงในการท้าชิงกับคู่แข่งระดับตำนานญี่ปุ่น อดีตเจ้าของเข็มขัดแชมป์โลก Shooto “มาโมรุ ยามากูชิ” ในไฟต์รีแมตช์เมื่อเดือนสิงหาคม 2017
อิเคดะ ต่อสู้อย่างหนัก และชนะใจผู้ชมในวันนั้น หลังปฏิเสธที่จะยอมแพ้ และเดินหน้ากดดันคู่ต่อสู้อย่างดุดัน ด้วยลีลาสุดตื่นเต้น เร้าใจ และคว้าชัยชนะหลังครบห้ายก
เขาเชื่อมั่นในตัวเอง เชื่อว่าเขาจะกลายมาเป็นนักสู้รุ่นฟลายเวตที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น และเขาก็ยืนยันสถานะนั้นเมื่อเอาชนะ “Little Piranha”ยูยะ วากามัตสึ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2018
นั่นคือการแข่งขันครั้งสุดท้ายในประเทศบ้านเกิด ก่อนที่เขาจะกลายเป็นนักสู้สังเวียนระดับโลก ขณะนี้เขาได้มีโอกาสร่วมงานกับค่าย The Paraestra Matsudo เมื่อเดือนธันวาคม 2018 เพื่อฝึกซ้อมกับนักกีฬาชั้นยอดของญี่ปุ่นอย่าง “Nobita” โยชิตากะ นาอิโตะ โดยตั้งใจจะทำให้แฟนๆ ประทับใจกับการแข่งขันของเขาในรุ่นสตรอว์เวต
“ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดของผม คือ การคว้าแชมป์โลก ONE รุ่นสตรอว์เวต ซึ่ง โจชัว พาซิโอ ครอบครองบัลลังก์อยู่ และผมต้องการที่จะกรุยทางไปสู่การชิงแชมป์โลกกับเขาให้ได้”
โตเกียว | 13 ตุลาคม | ONE: CENTURY | ศึกนัดที่ 100 ของ วัน แชมเปียนชิพ | บัตรเข้าชม: http://bit.ly/onecentury19
ONE: CENTURY คือศึกชิงแชมป์โลกศิลปะการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ซึ่งมีแชมป์โลก 28 คนจากหลากหลายศิลปะการต่อสู้ขึ้นเวที ไม่มีองค์กรใดที่เคยจัดอีเวนต์ชิงแชมป์โลกแบบเต็มสเกลถึง 2 ศึกในวันเดียวกันมาก่อนในประวัติศาสตร์
วัน แชมเปียนชิพ เตรียมสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ด้วยการชิงแชมป์โลกมากมาย รอบชิงชนะเลิศทัวร์นาเมนต์ เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ 3 คู่ และแชมป์โลกปะทะแชมป์โลกอีกมากมาย ในสังเวียน เรียวโงกุ โกกุงิกัง กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น วันที่ 13 ตุลาคมนี้