“กุหลาบดำ” ลั่น นัดประเดิมศึก ONE จะเอาความมันไปฝากคนดูที่เวียดนาม
เจ้าของฉายา “ซ้ายอุกกาบาต” กุหลาบดำ ส.จ.เปี๊ยกอุทัย เขาคือขวัญใจแฟนมวยเบอร์ต้นๆ แม้จะมีทั้งคนรักคนชัง ตามประสาคนดังย่อมมีคนหมั่นไส้ แต่หาก กุหลาบดำ ขึ้นสังเวียนครั้งใด รับรองได้ว่าวิกแตก
ยอดมวยเมืองสุรินทร์ วัย 20 ปี เซ็นสัญญาเข้าสังกัด วัน แชมเปียนชิพ มาเนิ่นนาน รอเคลียร์คิวว่างจากสนามมวยมาตรฐานบ้านเรา ก่อนจะมาลงตัวในครั้งนี้ มีโอกาสได้สู้ศึกใหญ่ วัน แชมเปียนชิพ จะไปเปิดสนามบุกเวียดนามเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
กุหลาบดำ เริ่มชกมวยไทยตั้งแต่ยังเล็กเช่นเดียวกับนักมวยไทยส่วนใหญ่ ด้วยฐานะทางบ้านยากจน พ่อชอบดูมวยและเคยขึ้นสังเวียนมาแล้วครั้งหนึ่ง จึงอาศัยครูพักลักจำเก็บมาถ่ายทอดให้ลูกชายวัย 7 ขวบ
หลังฝึกมวยได้เพียงเดือนเศษ กุหลาบดำ ก็ได้ขึ้นสังเวียนลูกผู้ชายในงานวัดแถวบ้าน ไฟต์แรกเขาชนะคะแนนได้ค่าตัว 150 บาท พอช่วยพ่อแม่เป็นค่าขนมให้น้องชาย 1 คนและน้องสาวอีก 3 คนได้
“ตอนนั้นผมคิดว่าต่อยมวยแล้วได้ตังค์ ผมก็ชอบด้วย รู้สึกว่ามันสนุกดี จึงขอพ่อต่อยมาเรื่อยๆ พ่อก็พาผมไปเปรียบมวยตามงานวัด ก่อนจะย้ายไปซ้อมในค่ายแถวบ้านช่วงปิดเทอมสมัยชั้น ป.5-ป.6 แต่แล้วก็ต้องกลับมาซ้อมที่บ้าน เพราะผมเรียนหนังสือไปด้วย”
สมัยแรก กุหลาบดำ ใช้ชื่อชกว่า “เขียวมรกต” สังกัดค่าย “ส.กัลยาณี” ซึ่งพ่อตั้งให้ บางครั้งก็ใช้ “จอมพระการพิมพ์” ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็น “กุหลาบดำ ส.จ.เปี๊ยกอุทัย” อย่างทุกวันนี้
“ตอนผมจบ ม.3 มีคนเห็นแววว่าผมต่อยเก่ง หาตัวจับยาก เลยพาเข้ากรุงเทพฯ มาฝากซ้อมกับ สมรักษ์ คำสิงห์ แกก็แนะนำให้ไปอยู่กับ ส.จ.เปี๊ยก ซึ่งขณะนั้นกำลังทำค่ายใหม่ที่จังหวัดอุทัยธานี ผมไม่ค่อยชอบบรรยากาศที่กรุงเทพฯ อยู่แล้ว จึงตัดสินใจไปซ้อมที่นั่น”
“ทีแรก ส.จ.เปี๊ยก ถามผมว่าใช้ชื่อชกอะไร ผมบอกว่า เขียวมรกต แกบอกไม่เอาจึงเปลี่ยนใหม่ให้เป็น กุหลาบดำ ซึ่งผมใช้มาจนทุกวันนี้”
เมื่อใส่สีเสื้อใหม่ กุหลาบดำ จึงได้โอกาสขึ้นชกในสังเวียนมาตรฐานของประเทศไทยอย่าง สนามมวยเวทีลุมพินี เป็นครั้งแรกในชีวิต ไฟต์แรกในรุ่น 119 ปอนด์เขาก็ชนะน็อกทันที
ก่อนจะสั่งสมประสบการณ์มาเรื่อย จนได้เสื้อสามารถของสนามมวยเวทีช่อง 7 สีการันตีฝีมือ ตามด้วยรางวัลเกียรติยศมากมาย อาทิ แชมป์ประเทศไทย 135 ปอนด์, แชมป์สนามมวยเวทีลุมพินี 135 ปอนด์ และนักชกยอดเยี่ยมถ้วยพระราชทานฯ ปี 2560 หรือที่ชาวมวยเรียกกันว่า “ยอดมวย” นั่นเอง
“ผมมีชื่อเสียงขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่ถูกประกบคู่กับนักมวยตัวแข็งๆ ที่มีคนทายว่ายังไงผมก็คงโดนน็อก แต่พอต่อยจริงๆ ผมกลับพลิกชนะน็อกเขาได้”
“ยิ่งมีคนดูถูก มันยิ่งเป็นแรงผลักดัน มันเป็นเรื่องปกติที่จะต้องมีทั้งคนรักและคนเกลียดอยู่แล้วครับ”
กุหลาบดำ ใฝ่ฝันมาเสมอว่าอยากชกในต่างประเทศ หลังจากที่เขาเคยชิมลางทั้งจีนและญี่ปุ่นมาแล้ว จนกระทั่งได้มาเซ็นสัญญากับ วัน แชมเปียนชิพ
ไฟต์เปิดตัวบนสังเวียนระดับโลกในศึก ONE: IMMORTAL TRIUMPH เขาจะได้เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้สุดแกร่งชาวฝรั่งเศสอย่าง “The Panther” โบโบ แซกโก วัย 31 ปี อดีตแชมป์ WPMF มวยไทยที่ผ่านสังเวียนมาแล้วถึง 78 ไฟต์ และเอาชนะนักมวยเก่งๆ อย่าง เลียม แฮร์ริสัน, ราฟฟี่ โบฮิค (สิงห์ป่าตอง) และนักชกเจ้าของเข็มขัดแชมป์มากที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์วงการมวยไทยอย่าง เพชรบุญชู เอฟ.เอ.กรุ๊ป
“ผมเคยไปต่อยต่างประเทศ รู้ว่าบรรยากาศมันต่างจากชกในเมืองไทย ไม่ต้องกดดัน และไม่เกร็ง”
“การชกครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกของผมใน วัน แชมเปียนชิพ ผมรู้สึกตื่นเต้นเพราะเป็นรายการใหญ่ แต่ผมเชื่อว่าผมจะต่อยให้มัน ให้สนุก และยิ่งมีเสียงเชียร์เยอะด้วย ผมยิ่งชอบ”
“สำหรับคู่ชกในครั้งนี้ ผมอาจเสียเปรียบเขานิดหน่อยในเรื่องความสูง เท่าที่ดูจากคลิปเขามีลูกเตะ และลูกรัดตีเข่า ซึ่งเอาจริงๆ ผมไม่กลัวนะ ผมเข้าค่ายเตรียมตัวมาเดือนกว่าแล้ว ถึงตอนนี้ร่างกายเกือบเต็มร้อยครับ”
อย่างไรก็ตามสำหรับ กุหลาบดำ ผู้มีอาวุธเด็ด เตะขา ต่อยหมัด จะได้สัมผัสกับนวมเล็กขนาด 4 ออนซ์แบบเดียวกับที่ใช้ในกีฬาศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) ซึ่งพลังปะทะจะยิ่งหนักหน่วงขึ้นกว่าเดิม จนอาจทำให้แฟนๆ ที่สนามฝูเถาะ อินดอร์ สเตเดียม เมืองโฮจิมินห์ รู้สึกเร้าใจไปตามๆ กัน
“มีคนบอกว่าสไตล์แบบผมถูกตลาดคนดูรายการ วัน แชมเปียนชิพ ซึ่งผมเชื่ออย่างนั้น แล้ววันที่ 6 กันยายนนี้ ผมจะทำให้แฟนๆ สนุกที่ได้ดูผมชกอย่างแน่นอน”