Spotlight Sunday: “เหงียน ตรัน ดุย งัด” การต่อสู้อยู่ในสายเลือดมา 4 ชั่วอายุคน
“No.1” เหงียน ตรัน ดุย งัด คือหนึ่งในนักสู้มากพรสวรรค์ที่สุดของเวียดนาม ตั้งแต่เขาก้าวเท้าเข้ามาใน วัน แชมเปียนชิพ สองไฟต์แรก ก็สร้างผลงานสุดประทับใจกับการน็อกคู่ต่อสู้ และทำให้คู่แข่งในรุ่นต่างพากันจับจ้องมองมาที่เขา กับฝีมือเฉียบขาดที่อาจเป็นตัวอันตรายในอนาคต
ที่สำคัญ เขาคนนี้คือผู้ที่อาจหาญอยากเผชิญหน้ากับฮีโร่ชาวไทยอย่าง “รถถัง จิตรเมืองนนท์” ซึ่งตราบใดที่ทั้งคู่ยังอยู่ในรุ่นฟลายเวต ของ ONE เชื่อเถอะว่าคู่นี้ไม่แคล้วกันแน่นอน
เติบโตกับศิลปะการต่อสู้
เหงียน ตรัน ดุย งัด เมื่ออายุ 14 ปี
เหงียน ตรัน ดุย งัด เกิดที่เมืองแงแจง (Nha Trang) ก่อนย้ายมาโตที่เมืองลำเดา (Lam Dong) กับพี่สาวและน้องชายอีก 2 คน
เขาสืบเชื้อสายของปรมาจารย์ศิลปะการต่อสู้ชาวเวียดนามผู้คิดค้นวิชา ตัง แซ ควิน (Tan Gia Quyen) จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าการต่อสู้ได้ซึมซับเข้ามาอยู่ในสายเลือดเป็นที่เรียบร้อย
“ศิลปะการต่อสู้สืบทอดในตระกูลเรามา 4 ชั่วอายุคน ส่วนผมเริ่มฝึก ตัง แซ ควิน ตั้งแต่อายุ 3 ขวบ และมันทำให้ผมมีวินัยมากกว่าเด็กชายในวัยเดียวกัน”
“เรามีโดโจ (สถานที่ฝึกศิลปะการต่อสู้) เองที่บ้าน และผมตั้งใจทุ่มเทชีวิตให้กับศิลปะการต่อสู้เช่นเดียวกับบรรพบุรุษ โดยผมเริ่มลงแข่งขันครั้งแรกเมื่ออายุ 14 ปี”
รู้จักมวยไทยจากภาพยนตร์
ในปี 2550 เมื่อเขาอายุ 18 ปี เหงียน ตรัน ดุย งัด ได้ย้ายมาเรียนต่อที่กรุงโฮจิมินห์ และนั่นทำให้เขารู้จักมวยไทย แม้จะดูนอกกรอบจากมรดกของครอบครัวอยู่บ้าง แต่พ่อแม่ของเขาก็ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่
“ผมรู้จักมวยไทยครั้งแรกจากภาพยนตร์ องค์บาก ซึ่ง โทนี จา แสดงนำ”
“ผมรู้สึกว่ามวยไทยมันคล้ายกับศิลปะการต่อสู้ที่บรรพบุรุษของผมสืบทอดมา ผมจึงตัดสินใจเริ่มฝึกตั้งแต่นั้น อีกอย่างครอบครัวเราอยู่กับศิลปะการต่อสู้มาอย่างยาวนาน พวกท่านจึงเข้าใจและให้การสนับสนุนผมเต็มที่”
ในฐานะตัวแทนของ โฮจิมินห์ซิตี มวยไทย เขาสามารถคว้าเหรียญเงินในการแข่งขัน เอเชียน อินดอร์ แอนด์ มาร์เชียล อาร์ตส์ เกมส์ 2009 ที่ประเทศไทย
อีกทั้งยังคว้าเหรียญรางวัลในกีฬาซีเกมส์ปี 2009 และ 2013 รวมถึงแชมป์โลก WMF 5 สมัย ทำให้เขากลายเป็นลูกรักขวัญใจคอกีฬาการต่อสู้ชาวเวียดนามไปโดยปริยาย
เป็นทั้งนักกีฬาและเทรนเนอร์
ชีวิตบนสังเวียนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เหงียน ตรัน ดุย งัด ยอมรับว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ เขาต้องเจอกับอะไรที่หนักหนาไม่น้อย
“การเป็นนักกีฬาการต่อสู้นั้นต้องทำงานหนักมาก บางครั้งผมก็ต้องลดน้ำหนักเยอะๆ ในช่วงเวลาสั้นๆ บางครั้งก็ต้องเพิ่มน้ำหนักขึ้น ยังไม่รวมถึงเรื่องอาการบาดเจ็บที่ต้องเจออย่างต่อเนื่องด้วย”
หนึ่งในอาการบาดเจ็บที่หนักที่สุดของเขาเกิดขึ้นในปี 2555 กับอาการข้อศอกแตก ทำให้เขาต้องร้างสังเวียนไประยะหนึ่งเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม นักมวยชาวเวียดนาม วัย 30 ปี ไม่ยอมให้สิ่งใดมาหยุดรั้งเขาได้ แทนที่จะใช้เวลาพักฟื้น เขากลับรับทำหน้าโค้ช ด้วยแรงปรารถนาที่จะถ่ายทอดวิชาความรู้สู่นักกีฬารุ่นใหม่ และเขาก็เริ่มคิดถึงอนาคตกับวิชาชีพนี้บ้างแล้ว
“ผมจะผันตัวเป็นโค้ชในสักวันหนึ่งที่สังขารไม่เอื้ออำนวย ผมต้องการค้นหาดาวรุ่งที่มีความสามารถ และปั้นให้พวกเขาเป็นนักสู้ระดับโลกคนต่อไป”
ความฝันบนเวทีแห่งศักดิ์ศรี
คู่ต่อสู้ที่แกร่งที่สุดคือตัวเอง ศัตรูที่อันตรายที่สุดคือความขี้เกียจ
ความสำเร็จที่ผ่านมาทำให้ เหงียน ตรัน ดุย งัด กลายเป็นขวัญใจของชาวเวียดนาม และได้ก้าวขึ้นสู่เวทีระดับโลก วัน แชมเปียนชิพ
“ไอดอลของผมคือ “จอร์จิโอ เปโตรเซียน” ผมภูมิใจนะที่ได้สู้บนเวทีเดียวกันกับนักกีฬาระดับโลกมากมาย ผมอยากชกใน วัน แชมเปียนชิพ เพราะที่นี่มีแต่นักสู้มากพรสวรรค์ และผมอยากจะทดสอบฝีมือกับพวกเขา”
“ที่สำคัญ วัน แชมเปียนชิพ ยังดูแลนักกีฬาเป็นอย่างดี นักกีฬาที่แข่งในเวทีนี้แทบไม่ต้องกังวลกับอะไรเลย”
ครอบครัวที่อบอุ่น พ่อ แม่ ลูก
เหงียน ตรัน ดุย งัด มองอนาคตที่ยิ่งใหญ่บนเวทีระดับโลกแห่งนี้ ในฐานะตัวแทนของประเทศเวียดนามผู้เปิดประตูให้นักสู้เพื่อนร่วมชาติได้มีโอกาสเฉิดฉายบนเวทีเดียวกัน
นอกจากนั้นแล้ว เขายังต้องการเป็นสามีที่ประสบความสำเร็จ และคุณพ่อที่แข็งแกร่งเป็นแบบอย่างให้กับลูกๆ ทั้งสองของเขาได้เมื่อพวกเขาเติบโตขึ้น
“ไม่ว่าจะการแข่งขันครั้งนั้นจะเล็กหรือใหญ่ ผมจะทำให้ดีที่สุดเสมอในฐานะตัวแทนของเวียดนาม ผมจะนำชัยชนะมาให้คนทั้งชาติได้ชื่นชมครับ”
อ่านเพิ่มเติม: