ครั้งหนึ่งในชีวิต “รถถัง จิตรเมืองนนท์” เคยคิดเลิกชกมวย
พูดไปใครจะเชื่อว่า “Iron Man” รถถัง จิตรเมืองนนท์ นักชกจอมกระชากเรตติง และมีค่าตัวสูงสุดคนหนึ่งของวงการวงมวยไทย เคยคิดจะหันหลังให้สังเวียนผืนผ้าใบตั้งแต่ยังหนุ่มแน่น
พื้นเพเดิมของ รถถัง เป็นคนใต้ เกิดและเติบโตที่จังหวัดพัทลุง หลังเดินสายชกมวยในท้องถิ่นจนเป็นที่เตะตาแมวมองจากค่ายจิตรเมืองนนท์ตั้งแต่สมัยวัยรุ่น เขาจึงได้รับการชักชวนให้เข้าสู่เมืองหลวงเพื่อหาความก้าวหน้าในวิชาชีพ จึงตัดสินใจตีตั๋วเดินทางเที่ยวเดียวออกจากบ้านมายังค่ายมวยจิตรเมืองนนท์ ที่จังหวัดนนทบุรี
รถถัง ขึ้นเวทีโดยใช้สีเสื้อจิตรเมืองนนท์นับแต่นั้น ส่วนใหญ่วนเวียนชกอยู่ที่สนามมวยช่อง 7 สี แต่ฝีมือยังไม่เป็นที่โดดเด่น ทำให้ “อ้วน เมืองนนท์” สุระเนตร ด่านประภา หัวหน้าค่ายจิตรเมืองนนท์ผู้ล่วงลับ ส่งเขาไปหาประสบการณ์และสั่งสมกระดูกมวยที่ภาคอีสาน อันเป็นแหล่งผลิตยอดมวยไทยฝีมือดีมากมาย จะพูดว่ามากกว่าภาคไหนๆ ในประเทศก็ไม่น่าจะผิด เพราะรู้ดีว่านักมวยหนุ่มคนนี้มีของดี เพียงแต่เขายังไม่สามารถดึงศักยภาพของตัวเองออกมาได้อย่างที่ตั้งใจ
ที่ภาคอีสาน นอกจากจะเป็นถิ่นที่อยู่ใหม่ของ รถถัง เด็กหนุ่มผู้ไม่เคยจากบ้านแล้ว เขายังต้องเผชิญกับความลำบากและดิ้นรนบนเส้นทางนักสู้ กับการขึ้นนั่งท้ายรถกระบะไปแข่งขันทั่วภาคอีสาน มันเป็นความทรหดอดทนและความสนุกสนานที่ได้นั่งรถไปกับเพื่อนๆ นักมวยด้วยกัน เป็นภาพจำติดตาที่เจ้าตัวไม่เคยลืม
รายได้จากการชกมวยของ รถถัง นอกจากจะมาจากค่าตัวแล้ว เมื่อรวมกับทิปที่บรรดาเซียนมวยมอบให้เขา ก็มากเพียงพอที่จะดูแลครอบครัวได้ แต่จะมากขนาดไหน เดาจากฉายาในเวลานั้นว่า “พระเอกเงินล้าน” ก็น่าจะพอรู้
แต่ รถถัง ยังมีสิ่งที่ปรารถนามากกว่าเงินทอง นั่นคือการยอมรับในฐานะ “แชมป์” ที่พิสูจน์ฝีมือว่าเก่งกาจที่สุดของวงการในรุ่นนี้
ในปี 2559 รถถัง มีคิวขึ้นชกเกือบทุกเดือนและแพ้เพียงครั้งเดียว “อ้วน เมืองนนท์” จึงเรียกตัวเขากลับไปที่ค่ายจิตรเมืองนนท์ และเริ่มเดินหน้าขึ้นสังเวียนชั้นนำในกรุงเทพฯ แต่ชีวิตในเมืองใหญ่ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาหวังไว้ รถถัง พกความมั่นใจที่มีจากภาคอีสานขึ้นสังเวียนเมืองกรุง 3 ไฟต์ เขาแพ้รวด!
ปัญหาใหญ่ของ รถถัง มาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม การกิน อยู่ หลับนอน ที่ๆ เขาจากมากับที่ๆ เขาอยู่ในปัจจุบัน มันเป็นเรื่องยากสำหรับเด็กหนุ่มซึ่งเกิดในชนบทอันแร้นแค้น ต้องจากบ้าน จากครอบครัว มาอยู่ตามลำพังเพียงคนเดียวในเมืองใหญ่ นี่ยังไม่รวมถึงเรื่องการฝึกซ้อม ฝีมือของคู่ต่อสู้ และความกดดันต่างๆ ในเวที
“มันแตกต่างกันมาก หลายเรื่อง ตั้งแต่การชั่งน้ำหนักในตอนเช้าก่อนแข่งขันช่วงเย็น เพราะที่อีสานเราไม่ทำอย่างนั้น ทำให้ผมต้องปรับตัวใหม่หมด”
“ตอนนั้นผมเหนื่อยและท้อมาก ผมไม่อยากไปต่อแล้ว จนถึงขั้นคิดจะเลิกชกมวย แต่ก็ไม่รู้จะไปไหน หรือทำอะไร เพราะชีวิตนี้ผมรู้จักอย่างเดียวคือการชกมวยหาเงิน”
อ้วน เมืองนนท์ คือคนที่เตือนสติ รถถัง และอยู่เคียงข้างคอยให้กำลังใจ ปลุกสร้างความเชื่อมั่นในตัวเขาเองให้กลับคืนมา ด้วยความเชื่อว่า รถถัง ทำได้ เขาให้ความช่วยเหลือ เพื่อให้เด็กนักมวยคนนี้ผ่านอุปสรรคไปให้ได้ โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีการซ้อมหรืออะไร แค่ขยันซ้อมให้มากๆ ก็พอ
หลังจากความคิดที่เกือบจะปลดทิ้งความฝันอันยิ่งใหญ่ กลับกลายเป็นว่า รถถัง เดินหน้าสร้างความดุเด็ดเผ็ดมันบนสังเวียน และโชว์ฟอร์มสุดโดดเด่นเป็นที่ชื่นชอบของแฟนหมัดมวย ก่อนจะได้พิสูจน์ตัวเองอย่างแท้จริงด้วยการคว้าแชมป์แม็กซ์มวยไทย รุ่น 125 ป. แชมป์เวทีมวยสยามอ้อมน้อย รุ่น 130 ป. และรางวัลคู่ดุเดือดแห่งปีของสนามมวยเวทีราชดำเนิน
ด้วยลีลาการชกบู๊ดุดัน บวกจิตวิญญาณนักรบสู้ไม่ถอย และความมีน้ำใจนักกีฬา ทำให้เข้าตา วัน แชมเปียนชิพ ติดต่อให้เข้าร่วมสังกัดในฐานะนักกีฬาชุด วัน ซูเปอร์ ซีรีส์
เพียงไฟต์แรกเขาก็เปิดตัวอย่างสวยงามและสร้างความตื่นตาตื่นใจแก่ผู้ชม และกลายเป็นที่กล่าวถึงของบรรดาแฟนผู้รักการต่อสู้ทั่วโลกในชั่วข้ามคืน
ไม่น่าเชื่อว่าจากวันนั้นถึงวันนี้ ภายในช่วงเวลาเพียงปีเศษภายใต้ชายคา วัน แชมเปียนชิพ รถถัง ขึ้นสังเวียนมาแล้วทั้งสิ้น 7 ไฟต์ และรักษาสถิติไร้พ่ายอย่างต่อเนื่อง
ที่สำคัญเขาคือผู้ครองบัลลังก์ แชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นฟลายเวต และกำลังขึ้นป้องกันตำแหน่งเป็นครั้งที่ 3 ในวันที่ 31 กรกฎาคมนี้ ในศึก ONE: NO SURRENDER กับคู่ปรับเก่าที่เคยผลัดแพ้ชนะกันมาก่อนอย่าง “เพชรดำ เพชรยินดีอะคาเดมี”
“ไฟต์นี้จะเป็นอีกครั้งที่ผมฝึกซ้อมอย่างเต็มที่กว่าครั้งไหนๆ เข็มขัดเส้นนี้ผมจะเก็บรักษาไว้ให้นานที่สุด และผมยังมีเป้าหมายที่จะเป็น แชมป์โลกคิกบ็อกซิ่ง ให้ได้อีกด้วย”
อ่านเพิ่มเติม: