ความรัก…ที่ต้องปิดเป็นความลับของ “พงษ์ศิริ มิตรสาธิต”
สิ่งที่เกิดขึ้นกับ “นักฆ่าหน้าเปื้อนยิ้ม” พงษ์ศิริ มิตรสาธิต ในวันนี้ มันมาไกลจากความฝันในอดีตแบบหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะเมื่อครั้งที่นักสู้หนุ่มจากจังหวัดเชียงใหม่เริ่มต้นชกมวยไทย เขาต้องแอบซ่อนเรื่องนี้จากครอบครัวที่ไม่อนุญาตให้เขาเดินทางสายนี้
แต่ด้วยความสามารถและความมุ่งมั่น ทำให้เขาได้พิสูจน์ตัวเองจนทุกคนใจอ่อน และปัจจุบันเขากลายเป็นหนึ่งในนักกีฬาศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานชั้นแนวหน้าของประเทศ ซึ่งกำลังจะเผชิญหน้ากับศึกใหญ่ที่สุดในชีวิตกับ “Nobita” โยชิตากะ ไนโตะ ในศึก ONE: MASTERS OF FATE วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายนนี้
พงษ์ศิริ ยังแปลกใจที่สมัยเขาเด็กๆ มวยไทยเป็นกีฬาที่คนในบ้านชอบดูกันนัก แต่กลับไม่ต้องชะตากับเขาเท่าไหร่ จนเขาได้มีโอกาสทดลองฝึก แล้วถึงกับหลงใหลได้ปลื้มจนอยากจะหันมาเอาจริงเอาจังในทางนี้ ขณะที่พ่อของเขาซะอีกที่เป็นคนสั่งห้าม ทั้งๆ ที่พ่อชอบดูมวยเป็นชีวิตจิตใจ
“สมัยก่อนพ่อผมชอบดูมวยไทยช่อง 7 สีเป็นประจำ แต่ผมไม่สนเลย แต่หลังจากที่ผมได้มาซ้อมมวย ผมก็ชอบมันตั้งแต่นั้น ผมเคยถามพ่อว่าขอขึ้นชกได้ไหม พ่อตอบว่าไม่ เขาไม่อยากเห็นผมเจ็บ เขาต้องการให้ผมโฟกัสกับอย่างอื่นมากกว่า”
การแอบซ่อนชีวิตนักมวยจากสายตาพ่อแม่ไม่ใช่เรื่องยากเท่าไหร่นัก เพราะ พงษ์ศิริ ออกจากบ้านมาอาศัยอยู่ที่วัดเพื่อเรียนหนังสือตั้งแต่ยังเด็ก
- “พงษ์ศิริ” ขอปลดล็อก ประกาศล้างอาถรรพณ์บนแดนตากาล็อก
- “แสงมณี” ลั่น ผมภูมิใจในความสำเร็จ แต่ผมต้องการมากกว่านี้
- เก็งผล ONE FANTASY ของ 5 ขุนศึกไทยในศึก ONE: MASTERS OF FATE
เมื่อความลับไม่มีในโลก เรื่องของ พงษ์ศิริ ก็เช่นกัน สุดท้ายพ่อแม่ของเขาก็รู้เรื่องที่ปิดบังไว้ และตัดสินใจมาดูให้เห็นอีกมุมหนึ่งของลูกชาย ซึ่งพวกเขาไม่ปลื้ม
“ผมมีโปรแกรมขึ้นชกแถวบ้าน พ่อแม่ของผมก็มาดูด้วย จำได้เลยว่าคู่ชกวันนั้นน้ำหนักมากกว่าผมประมาณ 10 กิโล พอพ่อเห็นคู่ชกเท่านั้นแหละ เขาต่อว่าผมใหญ่เลยว่าทำไมถึงสู้กับคนตัวใหญ่กว่าตั้งเยอะ และสั่งห้ามผมขึ้นเวที”
“ผมบอกเขาว่าไม่ต้องเป็นห่วง และสุดท้ายผมชนะคะแนนไฟต์นั้น ซึ่งยอมรับว่าผมซ้อมหนักมาก”
ความทุ่มเททำให้เจ้าของฉายา “นักฆ่าหน้าเปื้อนยิ้ม” ประสบความสำเร็จในเวทีบ้านเกิด โดยคว้าแชมป์มวยไทยภาคเหนือมาครอง ซึ่งเป็นการพิสูจน์ให้พ่อแม่ได้เห็นว่าเขาไม่มาเพื่อเล่นๆ หรือแค่สนุกไปวันๆ เมื่อพ่อแม่เห็นอย่างนั้นก็เต็มใจยอมรับและพร้อมที่จะสนับสนุนในสิ่งที่ลูกรัก
“ผมเดินสายชกไปเรื่อยๆ พ่อแม่เห็นความตั้งใจของผมที่ต้องมีสมาธิและฝึกหนัก ไม่ต้องมีใครมาบอกให้ผมทำอะไร ไปวิ่งหรือไปซ้อม ผมทำด้วยตัวผมเอง”
“ในที่สุดพ่อของผมก็เปิดใจ ส่วนแม่ก็คอยสนับสนุน ถึงขั้นบอกว่าถ้าผมรักทางนี้จริงๆ ก็เดินหน้าสู้ให้เต็มที่ ตอนนี้ทั้งพ่อแม่ก็เข้าใจงานและหน้าที่การเป็นนักสู้ของผมแล้วครับ”
หลังสร้างสถิติบนสังเวียนผืนผ้าใบ ชนะ 72 แพ้ 17 ครั้ง พงษ์ศิริ ก็ตัดสินใจเบนเข็มสู่กีฬาศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน เพื่อโอกาสที่ดีกว่าทั้งในเรื่องอนาคตเส้นทางอาชีพและรายได้ เขาต้องการทำให้ครอบครัวหลุดพ้นจากความยากจน และมีชีวิตที่ดีขึ้น
พงษ์ศิริ เดินทางจากเหนือสู่ใต้เพื่อไปซ้อมที่ ค่ายไทเกอร์มวยไทย อันโด่งดังที่จังหวัดภูเก็ต เขามีชีวิตใหม่กับกีฬาใหม่ โดยคว้าชัยชนะด้วยการน็อกเอาต์หลังจากอายุครบ 18 ปีเพียง 4 วัน ก่อนจะต่อยอดสู่ชัยชนะ 10 ครั้ง ซึ่ง 9 ครั้งเป็นการจบแบบไม่ครบยก
นักสู้วัย 23 ปีเริ่มมีชื่อเสียงในฐานะหนึ่งในนักกีฬารุ่นบุกเบิกศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานในประเทศไทย แต่เขายังไปไม่ถึงจุดหมายที่ฝันไว้
แต่ทุกอย่างอาจเปลี่ยนไป หากเขากำราบยอดฝีมือระดับตำนานชาวญี่ปุ่น อดีตแชมป์โลก ONE รุ่นสตรอว์เวตอย่าง “โยชิตากะ ไนโตะ” ได้ เส้นทางล่าฝันก็จะสดใสและเปิดทางสู่ความยิ่งใหญ่แน่นอน
“พ่อแม่ของผมท่านสนับสนุนผมนะ แต่ไม่ได้เข้ามามีส่วนร่วมเท่าไหร่”
“ตั้งแต่ผมเริ่มแข่งกีฬาศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน พ่อแม่ยังไม่เคยดูผมแข่งสดๆ สักที วันไหนที่ผมได้ขึ้นชิงแชมป์โลก ผมจะพาพวกท่านมาดูให้เห็นกับตาเลย”
อ่านเพิ่มเติม: ย้อนชม 5 สุดยอดน็อกเอาต์ของนักสู้ในศึก ONE: MASTERS OF FATE