จิตวิญญาณนักสู้ของ “ทัตสึมิตสึ วาดะ” ผู้ไม่เคยยอมแพ้

ตลอดเส้นทางการเป็นนักสู้ของ “The Sweeper” ทัตสึมิตสึ วาดะ ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขาเป็นผู้ที่ไม่รู้จักคำว่ายอมแพ้

ยอดฝีมือรุ่นฟลายเวตจากแดนอาทิตย์อุทัย เตรียมโคจรพบกับจอมเก๋าอย่าง “Mighty Mouse” ดิมิเทรียส จอห์นสัน ในวันศุกร์ที่ 2 สิงหาคมนี้ ถือว่าเป็นบทพิสูจน์ครั้งสำคัญของเขากับการที่ต้องเจอคู่ต่อสู้ที่ใครๆ ได้ยินชื่อแล้วเป็นอันต้องขวัญผวา แต่นั่นไม่อาจหยุด วาดะ ได้

ด้วยประสบการณ์และความสำเร็จกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ทำให้เขามีโอกาสที่จะสร้างประวัติศาสตร์ในการแข่งขัน ONE เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รอบรองชนะเเลิศ ในศึก ONE: DAWN OF HEROES

แต่ก่อนที่จะได้เห็นเขาบนสังเวียน มอลล์ ออฟ เอเชีย อารีน่า ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เราไปดูกันว่านักสู้วัย 30 ปีรายนี้ สามารถเอาชนะอุปสรรคต่างๆ ที่สุดแสนจะยากลำบากได้อย่างไร

การเผชิญหน้าสู่โลกภายนอก

วาดะ ยอมรับว่าตอนสมัยเด็กๆ เขาค่อนข้างเงียบและเก็บตัว ซึ่งความเป็นคนขี้อายนั้นยังคงมีหลงเหลืออยู่ ในยามที่เขาต้องพบเจอกับคนแปลกหน้าในครั้งแรก แต่เขาเริ่มกล้าแสดงออกมากขึ้นหลังจากที่เริ่มฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ ก่อนจะผันเป็นอาชีพ

“ผมเริ่มต้นฝึกศิลปะการป้องกันตัวแบบผสมผสาน เพราะพ่อผมเป็นนักคาราเต้ และผมก็ฝึก เคียวคุชิน คาราเต้ ก็เพราะพ่ออีกเช่นกัน”

“จากนั้นผมฝึกยูโดสมัยเรียนมัธยมปลาย ซึ่งหลังจากที่ผมรู้จักศิลปะการต่อสู้ ผมรู้สึกมีความมั่นใจในตัวเองและค่อยๆ กลายเป็นเด็กที่สดใสมากขึ้น”

จุดเริ่มต้นของเส้นทางการเป็นนักสู้

เมื่อเริ่มโตขึ้น เขาจึงต้องการอะไรที่มากกว่าแค่การฝึกฝน สมัยเรียนมัธยมปลายปีสุดท้าย เขาจึงได้ปรึกษาเรื่องการเรียนต่อมหาวิทยาลัยและทางเลือกในวิชาชีพกับฝ่ายแนะแนวของโรงเรียน สิ่งแรกที่อยู่ในหัวของเขาคือศิลปะการต่อสู้ นั่นจึงทำให้เขาตัดสินใจที่จะเป็นนักสู้อาชีพ

ทันทีที่เรียนจบมัธยม วาดะ ได้ย้ายไปอยู่โตเกียวโดยฝึกในยิมที่มีชื่อเสียงอย่าง Yoshida Dojo และหลังจากขึ้นสังเวียนสมัครเล่นหลายครั้ง เขาก็เทิร์นโปร

การไต่อันดับของ วาดะ ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนอย่างที่คิด เขาลงแข่งในทัวร์นาเมนต์ระดับภาคและได้รับชัยชนะ ก่อนจะก้าวสู่สังเวียนระดับนานาชาติและพบกับความพ่ายแพ้ในไฟต์แรก แต่โชคดีที่ฟอร์มการแข่งขันครั้งนั้นฉายแววอนาคตนักสู้ผู้โด่งดัง เขาจึงได้เดินหน้าต่อจนมาถึงจุดนี้

จิตวิญญาณนักสู้

วาดะ รู้ทันทีว่าชีวิตของการเป็นนักสู้อาชีพไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อปี 2008 เขาผ่านการแข่งขันมากมายในรายการ DEEP แต่เนื่องจากในรายการนี้ไม่มีการแข่งขันในรุ่นฟลายเวต ทำให้เขาต้องแข่งในรุ่นแบนตัมเวตในช่วง 18 ไฟต์แรก และไม่น่าแปลกใจที่เขาพ่ายให้กับคู่ต่อสู้ 5 คนแรกที่มีสถิติรวมกัน 33-13-9 ซึ่งถือว่ามากเอาเรื่องเลยทีเดียว

“ผมไม่ได้สนใจว่าคู่ต่อสู่นั้นตัวใหญ่กว่าผม  ผมรู้แค่ขึ้นไปสู้ และแม้ผมจะแพ้ใน 5 ไฟต์แรก ผมยังมองโลกในแง่ดีอยู่ ความคิดล้มเลิกไม่มีอยู่ในหัว เพราะเหนือสิ่งอื่นใด ผมมีแรงปรารถนาและความสุขกับสิ่งที่ผมทำ”

“ถึงแม้ผมจะแพ้หลายครั้งในการแข่งขันรุ่นแบนตัมเวต ไม่ว่าคู่ต่อสู้กี่คนที่ชนะผม ผมคิดแค่ว่าไว้เอาคืนครั้งหน้า แล้วผมก็ตั้งหน้าตั้งตาฝึกฝนต่อไป”

การเผชิญกับคู่ต่อสู้ที่ตัวใหญ่กว่า ทำให้เขาต้องโฟกัสในเรื่องเทคนิค และมันคุ้มค่าเมื่อเขาฝ่าด่านมาจนถึงการได้ชิงแชมป์โลก DEEP รุ่นแบนตัมเวต

แม้ไม่ประสบความสำเร็จในความท้าทายครั้งนั้น แต่หลังจากที่มีโอกาสลงมาแข่งขันในรุ่นฟลายเวต เขาประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการคว้าชัยชนะ 11-1 และขึ้นแท่นแชมป์ของรุ่น ก่อนที่จะป้องกันตำแหน่งได้สองครั้ง ซึ่งเป็นใบเบิกทางให้เขาเข้ามาสู่บ้านหลังใหม่อย่าง วันแชมเปียนชิพ

ก้าวต่อไปอีกขั้น

ด้วยประสบการณ์ด้านศิลปะการต่อสู้ที่สั่งสมมานาน ทำให้นักสู้วัย 30 ปีจากโตเกียว มีอาชีพที่สามารถเลี้ยงดูลูกสาวที่เพิ่งเกิดได้เพียงไม่กี่วันหลังจากการแข่งขันไฟต์ล่าสุดเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา และยังให้บทเรียนอันมีคุณค่าแก่ชีวิตกับอย่างมากมาย

“ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานและคาราเต้โดโจสอนให้ผมรู้จักเคารพยำเกรงผู้ที่อาวุโสกว่า ไม่ว่าจะเป็นโค้ชหรือครู ซึ่งมันมีผลดีกับการใช้ชีวิตนอกวงการศิลปะการต่อสู้ด้วย”

“จริงๆ แล้วผมไม่แน่ใจว่ามีอะไรเปลี่ยนไปในตัวผม แต่ด้วยการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน ทำให้ผมเรียนรู้ว่าสิ่งสำคัญคือการทำในสิ่งที่รักอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ผมสามารถเติบโตและเรียนรู้ได้เร็ว และที่มาถึงจุดนี้ก็เพราะความต่อเนื่องนั่นเอง”

ก้าวต่อไปของเขาคือการขึ้นสังเวียนดวลกับเจ้าตำนานของศิลปะการต่อสู้แขนงนี้ “ดิมิเทรียส จอห์นสัน” ท่ามกลางสายตาผู้ชมที่กรุงมะนิลา ในวันศุกร์นี้

ชัยชนะในรอบรองชนะเลิศของการแข่งขัน ONE เวิลด์ กรังปรีซ์ รุ่นฟลายเวต จะพาเขาเข้าสู่รอบชิงในศึก ONE: CENTURY ที่โตเกียว อันเป็นบ้านเกิดของเขา และยังมีโอกาสที่จะได้นั่งบัลลังก์เบอร์หนึ่งของรุ่น แต่วินาทีนี้เขาโฟกัสกับสิ่งที่กำลังรออยู่ตรงหน้า

“ผมคงภูมิใจมาก ถ้าเอาชนะ ดิมิเทรียส จอห์นสัน ได้ นั่นคือเป้าหมายสำคัญของผมตอนนี้ แล้วจึงคิดถึงไฟต์ต่อไป การชิงแชมป์โลกมันสำคัญกับผมมาก และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจเข้ามาร่วมงานกับ ONE ผมต้องการเป็นแชมป์โลก แต่ผมจะรู้สึกถึงคุณค่าของตัวเองมากขึ้นหากเอาชนะ จอห์นสัน ได้”