“ทรอย เวิร์ทเธน” กับการเปลี่ยนแปลงชีวิตจากอเมริกาสู่แดนสิงโต
“Pretty Boy” ทรอย เวิร์ทเธน ละทิ้งทุกอย่างรวมถึงทุกคนไว้เบื้องหลังในสหรัฐอเมริกาเพื่อไล่ตามความฝันของตัวเอง และหลังจากที่เริ่มต้นอย่างวิบากในสิงคโปร์ เขาได้พบบ้านหลังใหม่ที่เหมาะสมทั้งในกับชีวิตส่วนตัวและศิลปะการต่อสู้
นักสู้ชาวอเมริกันที่กำลังจะได้โชว์ฟอร์มในบ้านหลังที่สองของเขากับ “Tyson” มาร์ค แฟร์เท็กซ์ อาเบลาร์โด ในศึก ONE: KING OF THE JUNGLE วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ g-kจากบ้านเกิดในเลคแลนด์ รัฐฟลอริดาไปเมื่อปีก่อน เพื่อเข้าร่วมทีมอีโวลฟ์ในแดนสิงโต
แม้ว่าเขาจะโดดลงไปสู่ดินแดนที่ไม่รู้จัก แต่เขาก็ยอมรับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต และตอนนี้ดูเหมือนเขาจะวางรากฐานอาชีพได้สวยสวยงามใน “บ้านแห่งศิลปะการต่อสู้” วัน แชมเปียนชิพ
ทวีปเอเชียไม่ได้อยู่ในแผนการของ ทรอย หลังจากที่เขาจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเซ็นทรัล ฟลอริดา ในสาขาวิทยาศาสตร์การกีฬาและการออกกำลังกาย พร้อมควบตำแหน่งแชมป์มวยปล้ำจาก NCWA
แผนของเขาคือ การสร้างสถิติการแข่งขันศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน และทำงานร่วมกับทีมใหญ่ๆ ในชุมชนท้องถิ่น แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่ตั้งใจ
“ผมเคยมีช่วงที่ลำบากซึ่งต้องรับมือกับความวุ่นวายหลายเรื่องสมัยที่อยู่อเมริกา ผมเกิดอาการบาดเจ็บในช่วงที่กำลังได้รับข้อเสนองานดีๆ หลายแห่ง อีกทั้งมีที่ดีๆ ให้ผมรับช่วงต่อเพื่อเปิดยิมเป็นของตัวเอง แต่โอกาสเหล่านั้นทำให้ผมต้องทิ้งห่างศิลปะการต่อสู้ออกไป”
จนกระทั่ง ทรอย ได้สะดุดตากับประกาศคัดเลือกสมาชิกทีมอีโวล์ฟจากทั่วโลก
- “ทรอย เวิร์ทเธน” เผยสองชื่อที่หมายตาในปี 2020
- “มาร์ค แฟร์เท็กซ์” โวกดดันเก่ง “ทรอย” จะรับมือไหวเหรอ
- “หวู เฉี่ยว เฉิน” พร้อมพิสูจน์ความเป็นดอกไม้ในสังเวียนเดือด
แม้ความสำเร็จที่ผ่านมาสามารถสร้างจุดเริ่มต้นที่ดีให้กับการเป็นนักสู้ในกีฬาใหม่ได้ แต่ความลังเลใจเกือบทำให้เขาล้มเลิกความคิด
“ตอนผมเห็นประกาศครั้งแรกผมคิดว่าเจ๋งเลย โอกาสมาถึงแล้ว แต่ผมกลับไม่เชื่อตัวเองว่าจะมีโอกาสได้รับคัดเลือก คนสมัครน่าจะมีเป็นล้าน แล้วมันจะมีโอกาสแค่ไหนเชียวที่เขาจะเอาเด็กอเมริกันไปร่วมทีมอีโวลฟ์ และลงแข่งขันใน วัน แชมเปียนชิพ”
โชคดีที่เพื่อนร่วมทีมที่มีศรัทธาในความสามารถของเขาช่วยกันหว่านล้อมให้เขาสมัคร
“ผมไม่มีอะไรจะเสีย ถ้ามันจะเกิด มันก็ต้องเกิด ผมรู้ว่าผมรักกีฬาชนิดนี้ และถ้าผมไม่ลองก็จะไม่มีทางรู้ แต่ถ้าผมได้รับเลือกขึ้นมา ผมจะมีโอกาสพิสูจน์ตัวเองในสิงคโปร์ ผมรู้ว่าผมก็เจ๋งที่สุดคนหนึ่งเหมือนกัน แต่แค่สงสัยว่าพวกเขาจะให้โอกาสผมหรือเปล่า”
โค้ชของอีโวลฟ์รู้สึกประทับใจกับใบสมัครของ ทรอย และเมื่อเชิญเขามาทดสอบ ผลประเมินของ ทรอย อยู่ในอันดับแรกของกลุ่มผู้เข้ารอบสุดท้ายที่มีโอกาสได้รับการเสนอชื่อให้เข้าร่วมทีม
เขาดีใจเนื้อเต้น แต่ในขณะเดียวกันก็ใจหายที่ต้องละทิ้งครอบครัวและเพื่อนสนิทที่อเมริกา ซึ่งมีหลายคนที่อยู่เคียงข้างเขามาตั้งแต่ก้าวแรกบนเส้นทางนักสู้ จึงไม่น่าแปลกใจที่ช่วง 2-3 สัปดาห์แรกในทวีปใหม่ อารมณ์ของเขายังขึ้นๆ ลงๆ ประกอบกับมีหลายอย่างที่เขาต้องปรับตัว
“มีอุปสรรคเล็กๆ น้อยๆ เกิดขึ้นบ้าง อย่างการขอเบอร์ท้องถิ่นไม่ได้ เนื่องจากผมไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งที่นี่ ทำให้ผมไม่สามารถใช้ฟรีไวไฟได้ ยิ่งไปกว่านั้น ผมไม่มีเงินและต้องหาที่พัก แต่เจ้าหอพักส่วนใหญ่ต้องการเงินมัดจำล่วงหน้าสองเดือน การพยายามหาข้าวของที่จำเป็นเหล่านี้เป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดทีเดียว”
ทรอย เดินทางมาอยู่สิงคโปร์คนเดียวโดยไม่มีคู่หมั้นคู่หมายอย่าง “เวโร” ที่เพิ่งแต่งงานกันเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เขายกเครดิตให้เธอที่ช่วยดำเนินการเรื่องต่างๆ ในการลงหลักปักฐานบ้านหลังใหม่ ก่อนที่เธอจะตัดสินใจย้ายตามมาอยู่ด้วยในภายหลัง
“เธอเป็นผู้หญิงที่มีแรงผลักดันสูง และเธอก็คอยกระตุ้นผมทุกวัน ผมกลับมาบ้านและเห็นว่าเธอทำอะไรมากมายเพื่อให้ชีวิตของเราลงตัว และคอยผลักดันให้ผมทำทุกอย่างที่ดีที่สุดเพื่อเธอ ซึ่งมันเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล ผมจะไม่มีวันกลับมาบ้านที่ว่างเปล่าและนอนดูเน็ตฟลิกซ์ไปวันๆ แน่นอน ”
“ผมมีคนที่พร้อมจะพูดคุย หัวเราะ และสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ไปด้วยกัน ผมชอบประสบการณ์ในสิงคโปร์ที่มีเธออยู่ด้วย เราเจอร้านอาหารใหม่ๆ วัฒนธรรมใหม่ๆ มีอะไรให้ค้นพบทุกสัปดาห์ การได้แบ่งปันประสบการณ์กับคนที่เราแคร์จึงเป็นเรื่องที่สนุกมากๆ”
นอกจากเรื่องการปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ แล้ว นักสู้รุ่นแบนตัมเวต วัย 26 ปี ยังพบกับความสำเร็จในอาชีพ เขาสั่งสมสถิติไร้พ่าย 6-0 ด้วยชัยชนะสองครั้งในปี 2019 และรู้สึกว่าตัวเองได้พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง
การแข่งขันที่กำลังจะเกิดขึ้นที่สิงคโปร์ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ จึงเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นสำหรับเขา พอๆ กับที่ลงหลักปักฐานในแดนสิงโตพร้อมกับภรรยา
“เรากำลังจะย้ายเข้าไปอยู่บ้านใหม่เร็วๆ นี้ มันจะเป็นสถานที่แรกอย่างเป็นทางการของเราสองคนนับแต่แต่งงานกันมา ทุกอย่างที่นี่กำลังไปได้สวย และคิดว่าเราคงจะได้อยู่ที่นี่ไปอีกนาน แค่มีเธออยู่ด้วย ผมก็มีความสุขที่สุด เธอจากบ้านมาร่วมเดินทางกับผม และผมหวังว่าทุกอย่างที่ผมทำ จะคุ้มค่ากับการเสียสละของเธอ”
อ่านเพิ่มเติม: