“ทวงเส้นเก่า” กับ “ชิงเส้นใหม่” แสตมป์ เลือกเข็มขัดแชมป์โลกเส้นไหนก่อน
“แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” อดีตแชมป์โลก ONE สองประเภทกีฬา ทั้งกติกามวยไทยและคิกบ็อกซิ่ง หลังถูกกระชากเข็มขัดคิกบ็อกซิ่งไปโดยฝีมือคู่ปรับเก่า “เจเน็ต ท็อดด์” เธอก็ต้องเลือกระหว่างการทวงเข็มขัดเส้นนี้ก่อน หรือจะเดินหน้าชิงเข็มขัดเส้นใหม่ในกติกาการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) ที่เธอตั้งใจไว้
นับเป็นความผิดหวังครั้งแรกและเป็นครั้งใหญ่ที่สุด สำหรับ “แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” ที่เกิดขึ้นใน วัน แชมเปียนชิพ เพราะที่ผ่านมาเธอครองสถิติไร้พ่ายทั้ง 3 กติกาการแข่งขัน มวยไทย คิกบ็อกซิ่ง และการต่อสู้แบบผสมผสาน ตลอด 6 ไฟต์ไม่เคยแพ้ใคร
กระทั่งไฟต์ล่าสุดเมื่อ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ณ สิงคโปร์ อินดอร์ สเตเดียม ในศึก ONE: KING OF THE JUNGLE ซึ่งเธอพ่ายอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ให้กับคู่ปรับเก่าที่เคี้ยวยากอย่าง “เจเน็ต ท็อดด์” ที่เคยเจอกันในนัดชิงแชมป์โลก ONE มวยไทย แต่ในครั้งนี้กลับมาขอท้าชิงในกติกาคิกบ็อกซิ่ง โดยมีเข็มขัดแชมป์โลกคิกบ็อกซิ่ง ซึ่ง แสตมป์ ครอบครองอยู่เป็นเดิมพัน
🚨 ไฮไลต์มาแล้ว!!! "แสตมป์" ถูกกระชากเข็มขัดกระเด็น ด้วยฝีมือคู่ปรับเก่า "เจเน็ต ท็อดด์"
🚨 ไฮไลต์มาแล้ว!!!แชมป์โลกสาวไทย "แสตมป์ แฟร์เท็กซ์" ถูกกระชากเข็มขัดกระเด็น ด้วยฝีมือคู่ปรับเก่า "เจเน็ต ท็อดด์" ที่เฉือนไปด้วยคะแนนอย่างไม่เป็นเอกฉันท์…แฟนๆ อยากส่งกำลังใจให้ "แสตมป์" เชิญคอมเมนต์ที่นี่ได้เลยค่ะ ❤…………………………………………..🗓 ONE: KING OF THE JUNGLE🕓 28 กุมภาพันธ์ | 16.30 น. | สิงคโปร์📱 ชมฟรี ONE Super APP: https://www.onefc.com/download-app/🌐 Website: www.onefc.com/th▶️ YouTube: www.youtube.com/onechampionship🏷 Shop: https://shop.onefc.com/en/Stamp FairtexStamp Fairtex
Posted by ONE Championship Thailand on Friday, February 28, 2020
แสตมป์ เดินลงจากเวทีทั้งน้ำตา แน่นอนว่ารสชาติความผิดหวังนั้นมันขมขื่น แต่การที่จะมานั่งเสียอกเสียใจให้บั่นทอนกำลังกายและใจ เธอเลือกที่จะใช้เวลาเหล่านั้น มาคิดว่าควรทำอย่างไรต่อไปจะดีกว่า
“ส่วนตัวของ แสตมป์ คิดว่าอยากจะรีแมตช์ค่ะ อยากโฟกัสในการเอาเข็มขัดเส้นนี้คืนมาก่อน เราจะต้องเอาของๆ เราคืนมาให้ได้ เราเสียใจที่เราทำพลาด แต่ไม่เท่ากับที่เราเสียของไป ถ้าไฟต์นี้ไม่มีเข็มขัดเป็นเดิมพันก็อาจจะไม่เสียใจขนาดนี้”
ช่วงปีที่ผ่านมา แสตมป์ ร้างลาจากการชกคิกบ็อกซิ่งนานนับปี และหันไปเอาดีในการต่อสู้แบบผสมผสาน โดยลงแข่งต่อเนื่องถึง 3 ไฟต์ ซึ่งการฝึกซ้อมในกติกานี้เป็นเวลานาน ทำให้ แสตมป์ ตระหนักว่ามันมีผลกระทบต่อเธอมากพอสมควร
“เราไปแข่งกติกาอื่นซะเยอะ โดยเฉพาะ MMA ซึ่งเราต้องดูเชิง รอจังหวะ และยืนขากว้างเพื่อป้องกันการเทกดาวน์ พอเปลี่ยนมาชกคิกบ็อกซิ่งภายในช่วงเวลาเตรียมตัวเพียงเดือนกว่าๆ แสตมป์ ว่ามันยังไม่เข้าที่เข้าทาง ก็เลยทำให้เราออกอาวุธช้าลง พอเขาออกอาวุธได้ก่อน ก็เลยทำให้เราวืดไปหลายครั้ง และเกือบจะลงไปจับขาเขาเหมือนอย่างในการแข่ง MMA”
“การออกอาวุธมันต้องเป็นไปตามธรรมชาติ เราต้องซ้อมในกติกานั้นบ่อยๆ ซึ่งคราวต่อไป แสตมป์ จะไม่เอาแล้ว ถ้าแข่งกันคนละกติกาจะต้องขอเวลาซ้อมให้นานกว่านี้ ถ้าเป็นมวยไทยกับคิกบ็อกซิ่ง มันคล้ายคลึงกันก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็น MMA ต้องขอเวลาอย่างน้อยสองเดือนกว่า เพื่อให้ร่างกายปรับตัว”
ความคาดหมายของ แสตมป์ ที่จะได้รีแมตช์กับ เจเน็ต อย่างรวดเร็วนั้น คงจะต้องเป็นไปตามความเหมาะสมของปัจจัยหลายด้าน เพราะไม่ว่าจะชิงเข็มขัดคิกบ็อกซิ่งกลับมา หรือจะเดินหน้าท้าชิงเข็มขัดการต่อสู้แบบผสมผสาน มันก็เป็นความท้าทายที่น่าติดตามด้วยกันทั้งสองอย่างสำหรับผู้ชม
“สำหรับไฟต์นี้ แสตมป์ ว่า เจเน็ต เขามีพัฒนาการที่ดีขึ้นกว่าเดิม เขาออกอาวุธเป็นชุด มีการเคลื่อนไหวมากขึ้น แต่รู้สึกว่าความแข็งแกร่งของเขาจะด้อยลงกว่าครั้งที่แล้ว เพราะตอนนั้นเราเตะเขา เขาไม่เจ็บนะ เราต่างหากที่เป็นฝ่ายเจ็บ แต่คราวนี้เราเตะแล้วเขามีอาการ”
“ถ้าเจอกันในนัดรีแมตช์ แสตมป์ จะเดินตั้งแต่ยกแรก ไม่รอจังหวะแล้ว แสตมป์ ปฏิญาณกับตัวเองไว้เลยว่า จะต้องไม่มีคะแนนสูสี จะเอาให้ขาดลอยกันไปเลยค่ะ”
อ่านเพิ่มเติม: