บุคคลเบื้องหลังผู้ปลุกความเอนเตอร์เทนของ “เพชรดำ” ให้เป็นรูปธรรม
นักมวยไทยที่ได้ชื่อว่าเป็นจอมเอนเตอร์เทนมากที่สุดคนหนึ่งของ วัน แชมเปียนชิพ ต้องยกให้ “เพชรดำ เพชรยินดีอะคาเดมี” หากใครที่ติดตามเขาจะรู้ว่า เพชรดำ นั้นเป็นนักมวยที่มี “ความพิเศษ” อยู่ในตัว ด้วยนิสัยที่เป็นคนขี้เล่น สนุกสนานเฮฮา กล้าทำในสิ่งที่นักมวยหลายคนไม่กล้า เป็นเอกลักษณ์ที่หาใครเลียนแบบได้ยาก
ในสนามมวยไทยบ้านเราซึ่งมีข้อจำกัดในเรื่องกฎระเบียบและวัฒนธรรมประเพณี เป็นหน้าที่ที่นักมวยจะต้องปฏิบัติตามข้อบังคับเหล่านั้น แต่เมื่อเปลี่ยนสนามแข่งขันสู่เวทีระดับโลกอย่าง วัน แชมเปียนชิพ ซึ่งมีรูปแบบเป็นสปอร์ตเอนเตอร์เทนเมนต์ และเปิดกว้างให้นักกีฬาสามารถแสดงออกถึง “ความเป็นตัวเอง” เพชรดำ จึงถูกดึงความพิเศษที่มีอยู่ในตัวออกมาใช้อย่าง “ถูกที่ ถูกเวลา” ทำให้เขากลายเป็นนักมวยที่มี “จุดขาย” และโดดเด่นเป็นที่จดจำ
ลำพังตัว เพชรดำ อาจไม่ถนัดในเรื่องนี้ จึงต้องยกความดีความชอบให้กับต้นสังกัดอย่าง “เพชรยินดีอะคาเดมี” โดยเฉพาะบุคคลคนนี้ที่อยู่เบื้องหลังความเอนเตอร์เทนของ เพชรดำ มาโดยตลอด
“ฐานิต วชิรรัตนวงศ์” หรือ “คุณเบ๊ด” ซึ่งหลายคนรู้จักกันดีในฐานะทายาทอีกคนหนึ่งของเพชรยินดีคิงดอม ที่ทำงานเคียงข้างผู้เป็นพี่ชายอย่าง “โบ้ท” ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ ซึ่งเป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ไฟแรง ควบโปรโมเตอร์สนามมวยเวทีราชดำเนิน
ปกติ คุณฐานิต จะรับหน้าที่ดูแลแบรนด์เสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬา PRYDE ซึ่งเป็นเครือของเพชรยินดีฯ โดยใช้ความรู้ทางด้านกราฟฟิกดีไซน์ที่ได้ศึกษามาจากวิทยานานาชาติราฟเฟิลส์ บวกกับพรสวรรค์ เข้ามาบริหารงานด้านนี้อย่างเต็มตัว
วันนี้เราจะพาไปเจาะลึก คุณฐานิต ผู้เป็นต้นคิดในการออกแบบไอเดียเสื้อผ้าหน้าผมให้กับ เพชรดำ รวมถึงกระแสตอบรับที่ได้รับหลังจากการเปิดตัวมาแล้วหลายครั้ง
ONE: อะไรคือจุดเริ่มต้นของแนวคิดที่ให้ เพชรดำ เปิดตัวในรูปแบบที่แตกต่างอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
ฐานิต: เราอยากให้ เพชรดำ เป็นตัวเองเต็มที่ ซึ่งปกติเวทีมวยในบ้านเราจะไม่สามารถทำแบบนี้ได้ แต่ใน วัน แชมเปียนชิพ เปิดกว้างให้นักกีฬาได้เป็นตัวเอง เราจึงมานั่งคุยกันว่าน้องอยากทำไหม ซึ่งตัวเขาเองก็อยากทำ
เริ่มแรกเราทำแค่สีผมโดยให้น้องเลือกสีที่เขาชอบ ซึ่งเราคิดว่าน่าจะออกแบบกางเกงมวยที่มันเข้ากับสีผมด้วย จึงทำกางเกงมวยออกมาสองสีคือสีชมพูกับสีฟ้าตามที่น้องชอบ พร้อมมีโลโก้ “เบบี้ชาร์ค” ตามฉายาของเขา เป็นรูปปลาฉลามฟันหลอเหมือนกับตัวของเขาเลย
ONE: ไอเดียในการออกแบบนี้มีความสอดคล้องกับตัวตนหรือบุคลิกของ เพชรดำ อย่างไร
ฐานิต: จริงๆ เพชรดำ เขาเป็นคนกวนๆ แบ๊วๆ ไม่ใช่แนวโหดหรือนักเลง เขาชอบแกล้งคน ชอบเต้น ซึ่งมันเป็นนิสัยของเขา เราจึงอยากใส่ความเป็นเขาลงไปในการออกแบบ ซึ่งถ้าเป็นนักมวยบางคนก็อาจจะไม่กล้าทำ แต่ถ้าเป็น เพชรดำ เขาทำแล้วเขามีความสุข
ONE: คิดว่าคอสตูมมีความสำคัญอย่างไรกับการเปิดตัว
ฐานิต: เราคิดว่ามันเป็น Branding (สื่อถึงภาพลักษณ์และเป็นเอกลักษณ์) เพชรดำ เปิดตัวแต่ละครั้งจะไม่เหมือนกับคนอื่น มันเป็นจุดขาย ทำให้คนจดจำเขาได้
อีกอย่างยังช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับแบรนด์เสื้อผ้าของเรา เพราะหลังจาก เพชรดำ ชกทุกครั้ง กางเกงมวยที่เขาใส่จะมีลูกค้าติดต่อมาขอซื้อ ซึ่งเราก็จะเปิดพรีออเดอร์และให้รอรับของใน 2-3 อาทิตย์ เป็นสินค้าคอลเลคชั่นที่เราขายในราคาสูงได้เพราะมัน made to order (ทำตามสั่ง) และมีจำนวนจำกัดด้วย
ONE: มาคุยกันเรื่องไอเดียคอสตูมแต่ละชุดของ เพชรดำ กันบ้าง แต่ละชุดมีที่มาที่ไปอย่างไร
ฐานิต: ตั้งแต่แรกที่น้องใช้ฉายาเบบี้ชาร์ค เราก็ให้เขาออกมาเต้นประกอบเพลงเบบี้ชาร์ค ในแบบที่เป็นตัวเขาเองโดยไม่ได้แต่งตัวอะไรมาก ซึ่งจากตรงนั้นทำให้แฟนๆ จำได้ว่าเขาเป็นเบบี้ชาร์คนะ ในครั้งต่อมาเราจึงให้เขาแต่งตัวเป็นปลาฉลามชุดสีฟ้า ซึ่งเราสั่งสำเร็จมาให้เขาใส่ มันยังไม่ค่อยพอดีตัว เทอะทะ ทำให้เขาเต้นลำบาก แต่กระแสตอบรับดี มีคนตะโกนเรียก “เบบี้ชาร์ค…เบบี้ชาร์ค” ตลอด ซึ่งมันตอบโจทย์ได้ดีมาก
จากนั้นในไฟต์ต่อมาเราก็มานั่งคุยกันว่า เปิดตัวเป็นปลาฉลาม คนอาจจะเบื่อแล้ว เราอยากทำอะไรที่เซอร์ไพรส์บ้าง ซึ่งตอนแรกเราให้น้องเลือกสีผม แล้วเขาเลือกสีเขียว เราก็เลยคิดว่าถ้าจะทำผมสีนี้ มันควรเป็นคอนเซ็ปอะไรดี สุดท้ายก็ไปลงตัวที่โจ๊กเกอร์ ซึ่งชุดนี้เราทำเองทั้งหมด ตั้งแต่ออกแบบ วัดตัว ทำแพทเทิร์น เลือกผ้า ตัดเย็บ ซึ่งเสื้อหนังสีม่วงนั้นก็ให้ช่างของเราทำขึ้นมา ส่วนกางเกงมวยก็พยายามทำให้เหมือนกางเกงโจ๊กเกอร์มากที่สุด
ทั้งนี้เราก็ยังคงคอนเซ็ปต์เบบี้ชาร์คอยู่ โดยให้เทรนเนอร์ใส่ชุดปลาฉลามเดินออกมาก่อน เพื่อหลอกให้คนเข้าใจว่าเป็น เพชรดำ แต่สุดท้าย เพชรดำ ก็ออกมาทีหลังในชุดโจ๊กเกอร์
หลังจากที่เราเปิดตัวมาหลายครั้ง คนก็เริ่มรู้แล้วว่า เพชรดำ จะไม่เปิดตัวแบบธรรมดา และลุ้นว่าจะเปิดตัวเป็นอะไร เราจึงพยายามสื่อให้คนเข้าใจ ซึ่งตอนนั้นการ์ตูนไลอออนคิงกำลังเข้าโรงพอดี เราจึงใช้ไอเดียนี้ในไฟต์ต่อมา โดยออกแบบเสื้อผ้าเองทั้งหมด ส่วนเครื่องหัวก็ไปหาเช่าให้เข้ากัน แล้วให้นักมวยตัวใหญ่ๆ อุ้มเพชรดำ เหมือนกับในหนังการ์ตูนที่มีลิงอุ้มลูกเจ้าป่า
ONE: ในฐานะที่เป็นคนคิดคอนเซ็ปต์และออกแบบเสื้อผ้าหน้าผมให้ เพชรดำ รู้สึกอย่างไรที่มีเสียงตอบรับในทางที่ดีและไม่ดี
ฐานิต: สำหรับกระแสตอบดี ก็ทำให้เราดีใจมากที่เราทำไปแล้วมีคนชอบ เราคนไทย เราก็ไม่รู้หรอกว่าไอเดียที่เราเสนอออกไป คนดูต่างชาติจะเข้าใจไหม แต่เมื่อมีกระแสตอบรับที่ดี ทุกคนเข้าใจในสิ่งที่เราสื่อ เราก็ดีใจ
ส่วนกระแสในด้านลบ จริงๆ เราไม่ได้ให้ความสนใจเรื่องนั้นเท่าไหร่ เพราะปกติในสนามมวยบ้านเราก็ทำแบบนี้ไม่ได้ และคนไทยก็เคยชินกับภาพอย่างนั้นแล้ว แต่ก็อยากให้เปิดกว้างว่ามันเป็นการสร้างสีสันให้กับรายการ เพราะเราก็จะเห็นว่ามีนักกีฬาหลายคนที่ไม่ทำอะไรเลย เดินเปิดตัวออกมาเพื่อชกอย่างเดียว ซึ่งเรามองว่ามันไม่มี Branding ไม่มีจุดขายอะไรให้คนจดจำ
ONE: รู้สึกอย่างไรที่ วัน แชมเปียนชิพ เปิดโอกาสให้นักกีฬามีอิสระในการเปิดตัวก่อนชก
ฐานิต: ตรงนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวซึ่งเคยพูดคุยกับคุณพ่อ (นายวิรัตน์ วชิรรัตนวงศ์) มานานแล้วว่าตรงนี้ดีมาก และเป็นสิ่งที่เวทีอื่นไม่มี อย่างเรื่องเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายที่ไม่จำเป็นต้องใส่ตามที่รายการจัดให้ เราสามารถใส่แบรนด์ของเราเองได้ ซึ่งมันเป็นการเปิดกว้างและทำให้ธุรกิจมีโอกาสเติบโต นักมวยก็มีอนาคตที่ไกลกว่าเดิม และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพราะที่นี่เปิดโอกาสให้หลายอย่างค่ะ
ต้องบอกว่ากระแสการเปิดตัวของ เพชรดำ นั้นกลายเป็นจุดสนใจขึ้นเรื่อยๆ และในการด้านการตลาดและเอนเตอร์เทนนับว่าประสบความสำเร็จเกินร้อย เพราะวันนี้เมื่อ เพชรดำ จะขึ้นสังเวียน เชื่อว่าแฟนๆ จะมีคำถามขึ้นในใจว่าเขาจะแต่งตัวเป็นอะไร และต่างก็เฝ้ารอดูการเปิดตัวของเขา ไม่แพ้รอดูการชกบนเวที
อย่างไรก็ตามสำหรับการขึ้นสังเวียนครั้งแรกในรอบปีนี้ ในศึก ONE: FIRE & FURY วันศุกร์ที่ 31 มกราคม ที่ มอลล์ ออฟ เอเชีย อารีน่า กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ยังเป็นความลับที่ไม่ยอมเปิดเผยว่า เพชรดำ จะเปิดตัวในคอนเซ็ปต์อะไร แต่เราเชื่อว่าน่าจะมีเซอร์ไพรส์ให้สมกับการรอคอยการกลับมาของเขาถึง 5 เดือนแน่นอน
อ่านเพิ่มเติม:
