ย้อนรอย “โจ ณัฐวุฒิ vs เปโตรเซียน” ภาคแรก สู่การชิงชัยรอบรองชนะเลิศ คิกบ็อกซิ่ง เวิลด์ กรังด์ปรีซ์
เหลือเวลาเพียงแค่ 1 สัปดาห์ สำหรับศึก ONE: DREAMS OF GOLD ที่จะเกิดขึ้น ณ อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี ซึ่งรายการนี้ต้องบอกว่าคับคั่งไปด้วยยอดฝีมือทุกศาสตร์ศิลปะการต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็นศิลปะการป้องกันตัวแบบผสมผสาน หรือที่เราเรียกกันว่า MMA มวยไทย และ คิกบ็อกซิ่ง ที่จะมาประชันเดือดกันบนเวที
จากการประกบคู่มวย 15 คู่ในรายการ มีหนึ่งในนั้นที่แฟนมวยให้ความสนใจอย่างมาก นั่นคือการโคจรมาพบกันอีกครั้งของ 2 ยอดฝีมือวงการคิกบ็อกซิ่ง ในพิกัด 71.2 กิโลกรัม ระหว่าง “Smokin’Jo” โจ ณัฐวุฒิ นักชกชาวไทย กับ “The Doctor” จอร์จิโอ เปโตรเซียน จากอิตาลี ในรอบรองชนะเลิศ ONE คิกบ็อกซิ่ง เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นเฟเธอร์เวต
แม้จะเคยเจอกันมาแล้วครั้งหนึ่งโดยครั้งนั้นชัยชนะตกเป็นของยอดมวยจากแดนมักกะโรนี ด้วยผลคะแนนเป็นเอกฉันท์
แต่ถึงอย่างไรทั้งคู่ก็มีศักดิ์ศรีความเป็นแชมป์ที่ค้ำคออยู่ คนหนึ่งเป็นถึงอดีตแชมป์โลก Lion Fight สองรุ่น และแชมป์โลกมวยไทย WMC ส่วนอีกคนดีกรีก็ไม่ธรรมดาอดีตแชมป์ K-1 World MAX และ Glory Slam Tournament
ด้วยศักดิ์ศรีของอดีตแชมป์ แน่นอนว่าทางฝั่งนักชกไทยเฝ้ารอที่จะถอนแค้นคืนในเร็ววัน และโอกาสนั้นก็มาถึงสำหรับ โจ ณัฐวุฒิ กับบทพิสูจน์ครั้งสำคัญในการพบกับ เปโตรเซียน ภาค 2
หากย้อนรอยไปชมที่ทั้งคู่เจอกันไฟต์แรก ในศึก ONE: HEROES OF HONOR เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2561 ต้องบอกว่าเป็นอีกไฟต์หนึ่งที่สนุกและดุเดือด โดยเฉพาะในยกสุดท้ายที่ทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างพยายามเดินสาดอาวุธใส่กันไม่ยั้ง แต่ด้วยความแม่นยำในการออกหมัดของ เปโตรเซียน ดูมีภาษีกว่า ครบ 3 ยก กรรมการทั้ง 3 ท่านจึงรวมคะแนน และเทใจให้นักชกจากอิตาลีเป็นฝ่ายได้รับการชูมือ
แต่หลังจบเกม ผู้สันทัดกรณีหลายท่านกลับแปลกใจว่าอันที่จริงจุดเด่นของ โจ ณัฐวุฒิ นอกจากลูกเตะพับนอกอันดุดัน อีกสิ่งหนึ่งที่สามารถพิชิตคู่ต่อสู้ได้ก็คือหมัด แต่ไฟต์นั้นกลับขาดหายไป ไม่ค่อยเห็นเขาออกหมัดซักเท่าไหร่ ในทางตรงกันข้ามกลับเป็นนักชกจากอิตาลีที่สามารถใช้หมัดได้ดีกว่า จนโยนความปราชัยมาให้กับนักชกไทยได้สำเร็จ
ลูกเตะตัดล่างอันดุดัน พร้อมกับพลังกำปั้นอันหนักหน่วงที่สามารถระดมใส่คู่ต่อสู้ได้เป็นชุด สังเกตได้จาก 4 ไฟต์ล่าสุดที่เขาเอาชนะคู่ชกได้ทั้งแบบไม่ครบยกและในแบบคะแนน เป็นเครื่องยืนยันว่าฟอร์มของเขากลับเข้าที่เหมือนเดิมแล้ว
ด้าน เปโตรเซียน ก็ไร้เทียมทาน ไม่แพ้ใครมา 15 ไฟต์ เป็นระยะเวลา 4 ปีเต็ม มีจุดเด่นคือหมัดอันรวดเร็ว และคมกริบราวกับสายฟ้าฟาด ซึ่งไฟต์ที่เจอกับ “เพชรมรกต เพชรยินดีอะคาเดมี” ทั้งสองภาค คือหลักฐานยืนยันและการันตีในฝีไม้ลายมือ
เมื่อพูดถึงเกมการชก เราอาจจะได้เห็นอาวุธเด็ดอย่างหมัดของ โจ ณัฐวุฒิ กลับมาอีกครั้ง แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับนักชกไทยว่าจะต่อยเข้าเป้าได้แค่ไหน เพราะต้องยอมรับว่า เปโตรเซียน นั้นเป็นมวยที่ครบเครื่อง ชั้นเชิงสูง แถมการป้องกันตัวดี ในขณะเดียวกันก็ต้องคอยแก้ทางหมัดของ เปโตรเซียน ที่รอจังหวะจะฉายเป็นชุด แต่ถ้าได้เจอ โจ ณัฐวุฒิ คนใหม่ที่ประสบการณ์ผ่านมวยแข็งแกร่งขึ้นจากภาคที่แล้ว เปโตรเซียน จะรับมือได้หรือเปล่า
ดังนั้นการโคจรมาพบกันอีกครั้งในไฟต์นี้หากลบภาพที่ทั้งคู่เจอกันในภาคแรก แล้วมองเฉพาะฟอร์มล่าสุด ก็ยากที่จะคาดเดาว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย แต่สิ่งหนึ่งที่ยังไม่หายไปคือ ความดุเด็ดเผ็ดมันส์ และแสง สี เสียง สุดตระการตา บนเวที ที่ วัน แชมเปียนชิพ คัดสรรมาเพื่อแฟนๆ โดยเฉพาะ