“ศิลปะการต่อสู้” ในนิยามของ “ชาตรี ศิษย์ยอดธง”
“ชาตรี ศิษย์ยอดธง” ประธานและผู้ก่อตั้ง วัน แชมเปียนชิพ นอกจากเขาจะเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในฐานะผู้ประกอบการที่สร้างตัวเองขึ้นมาแล้ว เขายังเป็น “นักศิลปะการต่อสู้” มากว่า 35 ปี
เรื่องราวของ นายชาตรี ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนทั่วโลก โดยเขาได้รับการยกย่องจากสื่อยักษ์ใหญ่ระดับโลก อาทิ Black Belt Magazine มอบให้เป็น “บุคคลแห่งปี”, Financial Times ยกย่องให้เป็น “ราชาแห่งศิลปะการต่อสู้ของทวีปเอเชีย” และ Forbes ขนานนามให้เป็น “ผู้ประกอบการแห่งอนาคตของทวีปเอเชีย”
บทความด้านล่างนี้เป็นการแปลจากบทความภาษาอังกฤษของ นายชาตรี ที่ปรากฏทางบล็อกส่วนตัว โดยหวังที่จะให้แฟนๆ วัน แชมเปียนชิพ ได้เข้าใจความหมายที่แท้จริงของคำว่า “ศิลปะการต่อสู้” ในนิยามของตัวเขาเอง
ผมฝึกมวยไทยในประเทศไทยมาตั้งแต่เด็ก และทุกวันนี้ผมก็ยังซ้อมมวยเกือบทุกวัน นอกจากนี้ผมยังฝึกฝนวิชาบราซิลเลียนยิวยิตสูมานานกว่า 10 ปี คุณจะเห็นว่าการแสวงหานั้นไม่มีที่สิ้นสุด ผมกำลังเดินอยู่บนเส้นทางอันสวยงามโดยมีความมุ่งมั่นที่จะเป็น “นักศิลปะการต่อสู้” ที่ดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ นักสู้จะสู้เพื่อเงิน แต่นักศิลปะการต่อสู้สู้เพราะใจรัก
ความเข้าใจผิดอันใหญ่หลวงที่สุดเกี่ยวกับ “ศิลปะการต่อสู้” คือเรื่องความรุนแรง ใช่ครับ มันสอนให้คุณรู้จักวิธีเตะก้นคนเป็น และวิธีป้องกันตัวเองในชีวิตจริง อย่างไรก็ตามการป้องกันตัวเป็นเพียงเรื่องผิวเผินที่ศิลปะการต่อสู้สอน
หลังจากผมอยู่ในฐานะนักศิลปะการต่อสู้มานานกว่า 35 ปี ผมสามารถบอกคุณได้ว่า สัจธรรมอันแท้จริงของศิลปะการต่อสู้ คือการได้พัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านจิตใจ ร่างกาย อารมณ์ และจิตวิญญาณ เมื่อเราฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ เราจะมีความมั่นใจ ความเข้มแข็งทางจิตใจ ความกล้า สิ่งยึดเหนี่ยว จรรยาบรรณในการทำงาน ความอ่อนน้อม ความเมตตา ความซื่อสัตย์ ความมีน้ำใจ ความเคารพ เกียรติวินัย และอื่นๆ อีกมากมาย
มิตรภาพที่เกิดจากการฝึกซ้อม มักเป็นจริงแท้มากกว่าสิ่งอื่นใดในชีวิต เรื่องอุปโลกน์ทางสังคมทั้งหลาย อย่างเช่น ตำแหน่งหน้าที่การงาน สถานภาพทางสังคม การศึกษา หรือแม้กระทั่งตัวเลขในบัญชีธนาคาร จะหายไปบนผืนผ้าใบ หรือในสังเวียน การฝึกศิลปะการต่อสู้ทำให้ทุกคนล้วนเท่าเทียมกัน มันคือสิ่งที่ทรงพลังซึ่งสามารถทำให้เราปลดปล่อยศักยภาพร่วมกันออกมา
There is magic everywhere, but you have to believe it to see it. We see in the world what we believe. If you believe in…
Posted by Chatri Sityodtong on Tuesday, September 1, 2020
มีสิ่งมหัศจรรย์อยู่รอบตัว แต่คุณต้องเชื่อในสิ่งที่คุณเห็น เราเห็นโลกในแบบที่เราเชื่อ ถ้าคุณเชื่อในความรัก คุณจะเห็นความรัก ถ้าคุณเชื่อในความดี คุณจะเห็นความดี ถ้าคุณเชื่อว่ามันเป็นไปได้ คุณจะเห็นความเป็นไปได้ … เราเป็นในสิ่งที่เราเชื่อ!
เหนือสิ่งอื่นใด ศิลปะการต่อสู้ช่วยเสริมพลังให้เรา ด้วยจิตวิญญาณนักรบเพื่อพิชิตความทุกข์ยากในชีวิต ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ และไม่มีใครควรเป็นเช่นนั้น เราทุกคนเคยล้ม เราทุกคนเคยทำผิดพลาด เราทุกคนล้มเหลว เราทุกคนเดินอยู่บนเส้นทางสู่การเป็นตัวของตัวเองที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
คุณจะเห็นว่า ผมไม่เชื่อว่าเราถูกส่งให้มาอยู่บนโลกนี้เพียงเพื่อใช้ชีวิตที่เรียบง่ายและสะดวกสบายไปวันๆ สำหรับผมชีวิตไม่ใช่การซื้อรถหรู หรือเป็นเจ้าของสิ่งหรูหรา หรือมีสถานะทางสังคม ไม่เลย ผมเชื่อว่าเราเกิดมาบนโลกนี้เพื่อปลดปล่อยความยิ่งใหญ่ของเรา เพื่อที่เราจะได้ตอบแทนโลกให้มากกว่าที่เราได้รับ
ศิลปะการต่อสู้มีพลังอันเหลือเชื่อที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิต เปลี่ยนจุดอ่อนให้เป็นจุดแข็ง หล่อหลอมความกลัวให้เป็นความกล้าหาญ และเปลี่ยนความธรรมดาให้กลายเป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดา ศิลปะการต่อสู้คือสิ่งที่ผมรัก ศิลปะการต่อสู้คือสิ่งที่ผมเป็น
อ่านเพิ่มเติม: