ส่องทิศทางนักสู้ผู้คว้าชัยในศึก ONE: DAWN OF HEROES
เมื่อวันศุกร์ที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา วัน แชมเปียนชิพ ได้จัดศึกใหญ่เอาใจแฟนมวยฟิลิปปินส์ โดยคัดสรรสุดยอดฝีมือจากทั่วทุกมุมโลกมาระเบิดความมันถึง 14 คู่ ในศึก ONE: DAWN OF HEROES ที่ มอลล์ ออฟ เอเชีย อารีน่า
นอกเหนือกจากบรรยากาศอันน่าประทับใจที่เกิดขึ้นในมะนิลาแล้ว เรามาดูกันว่าก้าวต่อไปของเหล่านักสู้ผู้คว้าชัยในศึกครั้งนี้ ทิศทางของพวกเขาจะออกมาในรูปแบบไหน
มาร์ติน เหงียน
“The Situ-Asian”มาร์ติน เหงียน เจ้าของแชมป์โลก ONE รุ่นเฟเธอร์เวต ที่ไฟต์นี้โชว์ฟอร์มได้อย่างสุขุม โดยสามารถเอาตัวรอดจากการรวบของ “โคโยมิ มัตสึชิมา” ได้หลายครั้ง ก่อนที่จะสามารถเผด็จศึกนักสู้จากญี่ปุ่นด้วยการรัวพายุหมัดเข้าจังๆ ที่ใบหน้า จนกรรมการต้องยุติการแข่งขัน ทำให้ เหงียน ชนะทีเคโอไปในยกที่ 2
หลังการชก มาร์ติน เหงียน ได้กล่าวบนเวทีว่า “หากใครอยากดูผมกับ คริสเตรียน ลี สู้กันบนเวทีอีกครั้ง ขอให้ยกมือขึ้น” เรียกเสียงฮือฮาจากแฟนๆ ได้อย่างมากมาย จึงคาดการณ์ว่าไฟต์หน้าของ มาร์ติน เหงียน อาจจะได้รีแมตซ์ภาค 3 กับ “The Warrior” คริสเตียน ลี แชมป์โลก ONE รุ่นไลต์เวต ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้งคู่เคยพบกันมาแล้ว และเป็นทางด้าน มาร์ติน เหงียน ที่เอาชนะไปได้ทั้ง 2 ไฟต์
น่าสนใจมากว่าหากทั้งคู่ได้เจอกันอีกรอบ จะเป็นที่พิกัดไหน หากเป็นรุ่นเฟเธอร์เวตจะเป็นการชิงแชมป์โลกเส้นที่ 2 ของ คริสเตียน ลี แต่ถ้าหากเจอกันในรุ่นไลต์เวตก็จะเป็นการชิงแชมป์โลก ONE รุ่นไลต์เวต ของ มาร์ติน เหงียน เช่นกัน
เอ็ดดี อัลวาเรซ
การกลับมาครั้งนี้ของ “The Underground King” เอ็ดดี อัลวาเรซ ถือเป็นงานหินเมื่อต้องโคจรมาพบกับ อดีตแชมป์โลก ONE รุ่นไลต์เวตอย่าง เอดูอาร์ด โฟลายัง อีกทั้งเป็นการล้างมลทินของ อัลวาเรซ หลังจากเปิดตัวไม่สวยในศึก ONE เมื่อ 4 เดือนก่อน
ชัยชนะที่น่าตื่นเต้นในครั้งนี้ของยอดฝีมือจากสหรัฐอเมริกา ได้มาจากการใช้ความเก๋าฮึดสู้ และพลิกสถานการณ์ด้วยการขึ้นคร่อมบนหลังนักสู้เจ้าบ้าน ก่อนจะทำการซับมิชชันด้วยท่า rear-naked choke
ชัยชนะครั้งนี้ส่ง อัลวาเรซ เข้ารอบชิงชนะเลิศ ONE เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นไลต์เวต พบกับ Saygid “Dagi” Guseyn Arslanaliev ในศึก ONE: CENTURY วันที่ 13 ตุลาคม 2019 ที่ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งนับว่าเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของเขา
ที่ผ่านมา อัลวาเรซ ถูกกล่าวขานเป็นอย่างมาก ในฐานะยอดฝีมือตัวฉกาจอีกคนของรุ่นไลต์เวต และโชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจสุดๆ ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา ด้วยการเอาชนะคู่ต่อสู้อย่างง่ายดายติดต่อกันหลายๆ ไฟต์
อย่างไรก็ตาม อัลวาเรซ ได้เตรียมพร้อมเต็มที่สำหรับรอบชิงชนะเลิศเพื่อเป็นบันไดสู่การชิงแชมป์โลก ONE รุ่นไลต์เวต หากเขาสามารถคว้าชัยครั้งนี้ได้ และอาจจะเป็นโอกาสดีในการสร้างประวัติการณ์เป็นนักสู้คนแรกที่คว้าแชมป์ระดับโลกมาได้ถึง 3 รายการ
ดิมิเทรียส จอห์นสัน และ แดนนี คิงกาด
เมื่อพูดถึงยอดฝีมือรุ่นฟลายเวตที่น่าจับตามอง ณ เวลานี้ คงหนีไม่พ้นสองนักสู้ที่คว้าชัยในรอบรองชนะเลิศ ONE เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นฟลายเวต ซึ่งเราจะได้เห็นเขาขึ้นมาประชันกันในรอบชิงชนะเลิศ ONE เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นฟลายเวต ที่จะจัดขึ้น ในศึก ONE: CENTURY
“Mighty Mouse” ดิมิเทรียส จอห์นสัน โชว์ชั้นเชิงที่รวดเร็วกว่า เอาชนะคะแนน ทัตสึมิตสึ วาดะ อย่างเป็นเอกฉันท์ ขณะที่ “The King” แดนนี คิงกาด ก็ไม่น้อยหน้า ปักหลักแลกเดือดสุดสูีกับ รีซ แม็คลาเรน ก่อนเอาชนะคะแนนไปอย่างไม่เป็นเอกฉันท์
การจะเจอกันของทั้งคู่ต้องยอมรับว่า จอห์นสัน ในวัย 32 ปี นั้นมีประสบการณ์มากกว่า เพราะผ่านเวทีใหญ่ๆ ระดับโลกมาแล้วหลายรายการ ขณะที่ คิงกาด อายุเพียง 23 ปี ยังคงต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์บนสังเวียนเลือดอีกมากมาย
แต่หาก คิงกาด สามารถช็อกโลกเอาชนะ จอห์นสัน ที่เป็นตัวเต็งในการคว้าแชมป์ทัวร์นาเมนต์ได้ จะทำให้ชื่อเสียงของเขาดังระเบิดในชั่วข้ามคืน จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าการเจอกันระหว่าง จอห์นสัน และ คิงกาด อาจจะสร้างความกดดันให้กับทั้งคู่ เพราะต่างฝ่ายต่างมีเป้าหมายเดียวกันคือได้รับการชูมือในรอบชิงชนะเลิศ
แด ซอง พาร์ค
หลังจากเอาชนะคะแนน “โฮโนริโอ บานาริโอ” อดีตแชมป์โลก ONE รุ่นเฟเธอร์เวต มาได้ พร้อมทั้งสร้างสถิติอันน่าทึ่งด้วยการคว้าชัยชนะมาได้ถึงสองครั้งภายในระยะเวลาเพียง 3 สัปดาห์ ทำให้ชื่อของ “Crazy Dog” Dae Sung Park หนุ่มนักสู้จากเกาหลีใต้รายนี้กลายเป็นที่สนใจในเหล่าบรรดาแฟนๆ
ไฟต์ต่อไปเขาอาจโคจรมาพบกับ “ET” เอฟ ทิง ยอดฝีมือจากมาเลเซีย ซึ่งจะเป็นอีกไฟต์ที่แฟนๆ รอคอย ด้วยความที่ทั้งคู่นั้นมีพลังกำปั้นที่หนักหน่วง และชื่อชั้นที่สมน้ำสมเนื้อ ถ้าได้ประกบคู่กันจริงๆ เชื่อว่าจะเป็นไฟต์ที่สร้างความตื่นเต้นเร้าใจให้แฟนๆ อย่างแน่นอน
สิ่งที่มาพร้อมกับชัยชนะนั้นไม่ใช่แค่ชื่อเสียงเงินทอง แต่ยังมาพร้อมกับความกดดันหลายๆ อย่าง เพราะเป้าหมายของการแข่งขันไม่ใช่แค่ชกเพื่อเอาชนะในแต่ละไฟต์เท่านั้น แต่ยังต้องแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาฝีมือที่ต้องดีขึ้นกว่าเดิมด้วย
มูฮัมมัด ไอมาน
หลังจากเอาชนะ ซูโนโตะ นักสู้จากอินโดนีเซีย ในฐานะคู่เปิดรายการ ณ ตอนนี้ถือว่า “Jungle Cat” มูฮัมมัด ไอมาน เป็นนักสู้อีกคนที่น่าจับตามองในรุ่นแบนตัมเวต และสามารถประกบคู่กับบรรดาตัวท็อปอย่างอดีตแชมป์โลก ONE รุ่นแบนตัมเวต “Ottogi” แด ควอน คิม ในไฟต์ถัดไป
สไตล์การชกของ แด ควอน คิม นั้นดุดันเหมาะที่จะเจอกับ ไอมาน เป็นอย่างมาก บางทีเราอาจได้เห็นนักสู้จากมาเลเซียรายนี้ ยกระดับตัวเองด้วยการเผชิญหน้ากับอดีตแชมป์โลกจากเกาหลีใต้
แม้หลายคนจะมองว่าเป็นงานง่ายของ แด ความ คิม หากได้เจอกับ มูฮัมหมัด ไอมาน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่มีโอกาสแพ้นักสู้จากมาเลเซีย ถ้าหากไฟต์นั้น ไอมาน เกิดงัดฟอร์มเด่นขึ้นมาได้และใช้ศิลปะการต่อสู้ทุกแขนงออกมาได้อย่างเต็มที่ โอกาสที่ ไอมาม จะชนะก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม