หัวใจคุณมันหล่อมาก “อเล็กซ์ ซิลวา” กับการอุทิศตนเพื่อโลกที่น่าอยู่ยิ่งขึ้น

แม้ “Little Rock” อเล็กซ์ ซิลวา จะได้รับการเลี้ยงดูจากครอบครัวแสนอบอุ่นที่เมืองอูบาตูบา ประเทศบราซิล แต่ความไม่เท่าเทียมกันและความทุกข์ยากของคนในสังคมรอบตัวกลับเป็นสิ่งที่ติดอยู่ในใจเขา ด้วยความตั้งใจลึกๆ ว่าจะพยายามทำให้โลกใบนี้น่าอยู่ยิ่งขึ้น

นับตั้งแต่เขาเริ่มฝึกบราซิลเลี่ยนยิวยิตสูตั้งแต่วัยรุ่น เขาก็ประสบความสำเร็จอย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน เขาคว้าแชมป์โลก Copa do Mundo BJJ ได้เดินทางรอบโลกเพื่อเป็นผู้ฝึกสอนและเข้าแข่งขันภายใต้สังกัด Evolve ประเทศสิงคโปร์ และคว้ารางวัลที่ยิ่งใหญ่ในกีฬาศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA)

“Little Rock” รู้สึกสำนึกในบุญคุณที่ได้อาศัยอยู่ในที่ที่เขาสามารถฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ที่เขารัก และสามารถเลี้ยงชีพตัวเอง รวมถึงส่งเสียครอบครัวที่บราซิล ปลดปล่อยพวกเขาจากความทุกข์ยากแบบที่เคยต้องเผชิญมาในอดีต

“ตอนผมมาถึงสิงคโปร์แรกๆ ผมรู้สึกใจชื้น ทุกอย่างที่นี่ดีมาก แต่ที่ทำให้ผมเซอร์ไพรส์คือแม้กระทั่งเด็กๆ ที่นี่ก็มีโทรศัพท์เป็นของตัวเอง”

ความแตกต่างระหว่างสิงคโปร์และบราซิลทำให้เขารู้สึกแปลกๆ อยู่บ้าง  แต่ไม่นานเมื่อเขาเปิดตาและเปิดใจเรียนรู้ผู้คนมากมายในสถานรับเลี้ยง ก็เริ่มพยายามหาวิถีทางที่จะนำแสงสว่างมาสู่ชีวิตของคนเหล่านั้น

“ที่บราซิล ผมเห็นเด็กหลายคนไม่มีอะไร แต่พวกเขาก็ยังมีความสุขได้”

“คุณอาจมีทรัพย์สินมากมาย แต่อาจไร้ความสุข และในบางครั้งเราอาจคิดว่าเรามีไม่พอและไม่สามารถช่วยเหลือคนอื่นได้ ผมอาจจะมีไม่มาก แต่ผมรู้สึกดีใจที่ยังมีชีวิตอยู่ มันสำคัญกับชีวิตที่ผมพยายามคิดที่จะช่วยเหลือคนอื่น แทนที่จะคิดถึงแต่ตัวเองตลอดเวลาว่าผมต้องการอะไร”

ซิลวา เริ่มมองหาหนทางช่วยเหลือผู้อื่น และไม่นานเขาก็มีโอกาสให้การสนับสนุนองค์กรการกุศลในสังคมใหม่ของเขาผ่านนักเรียนในยิม

“หนึ่งในนักเรียนของผม ปาปา ริช แนะนำให้ผมรู้จักองค์กรการกุศลหลายแห่ง ซึ่งผมได้ไปเยี่ยมเยือนเพื่อดูว่าผมสามารถช่วยอะไรได้บ้าง”

“ผมไปที่ Pals Learning Centre CCF ซึ่งเป็นสถานที่สำหรับเด็กป่วยเป็นโรคมะเร็ง ปาปา ริช พาผมเดินดูรอบๆ และผมก็ได้มีประสบการณ์โดยตรงเพื่อทำความเข้าใจว่าองค์กรนี้ทำงานอย่างไร ได้ปฏิสัมพันธ์กับเด็ก และทำกิจรรมต่างๆ

แม้ ซิลวา จะถ่อมตัวว่าเขาไม่ได้ทำอะไรมากนัก แต่เขาก็ภูมิใจที่ได้ใช้เวลาอันสั้นกับเด็กๆ ในองค์กรนี้

“มันเป็นสิ่งเล็กๆ ที่ผมทำได้ ด้วยตารางการสอนของผม มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะรับปากในระยะยาว แต่ผมก็พยายามมากเท่าที่ผมทำได้”

“ผมไปบ้านรับเลี้ยงเด็กกำพร้าด้วย เป็นอะไรที่น่าสงสารมากเพราะมีเด็กเต็มไปหมด ผมชอบทำงานกับเด็ก เราจะสั่งอาหารมากินกันบ้างอย่างช่น พิซซ่า หรือไม่ก็พาเด็กๆ ออกไปดูหนัง มันดูเหมือนไม่มาก แต่มันมีความหมายสำหรับพวกเขา”

“พวกเขารู้ว่าผมเป็นนักกีฬาของ วัน แชมเปียนชิพ บางครั้งพวกเขาก็ขอให้ผมโชว์ท่าต่างๆ หรือไม่ก็อยากลองเล่นมวยปล้ำกับผม มันน่าปลื้มนะเวลาที่พวกเขามองคุณ ทำให้รู้ว่าผมเจ๋งสำหรับพวกเขาขนาดไหน”

การเป็นผู้ฝึกสอนที่ค่าย Evolve ทำให้ ซิลวา ได้ค้นพบว่า เขาไม่ใช่เพียงผลักดันให้ลูกศิษย์เก่งศิลปะการต่อสู้มากขึ้น แต่ยังหมายถึงเรื่องส่วนตัว ซึ่งไม่มีอะไรที่น่าภาคภูมิใจไปกว่านี้แล้ว

“ผมมีนักเรียนหลายคนที่ขี้อายมาก และผมสังเกตได้ว่าในช่วงคาบเรียนแรกๆ ของการฝึก พวกเขาไม่ค่อยสบตาใครเลย”

“ในฐานะผู้ฝึกสอนและที่ปรึกษา ผมทำในส่วนของผมด้วยการกระตุ้นและจูงใจพวกเขา อย่างเช่น ผมจะตั้งใจคุยกับเขาต่อหน้าทุกคนในห้อง แรกๆ พวกเขาก็รู้สึกอึดอัดบ้าง แต่หลังจากเวลาผ่านไปช้าๆ พวกเขาก็เริ่มเปลี่ยน มีความเป็นมิตรมากขึ้น และมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นด้วย”

“การได้เห็นแบบนั้นทำให้ผมรู้สึกมีความสุข และผมคอยบอกพวกเขาเสมอว่าให้เปรียบเทียบตัวเองเมื่อตอนเริ่มเรียนครั้งแรกกับตอนนี้ เพื่อให้พวกเขาตระหนักว่ามันไม่สำคัญหรอกว่าเรารู้สึกว่าเรามีเท่าไหร่ แต่มันสำคัญว่าเราให้ได้เท่าไหร่ เช่นเดียวกับการช่วยเหลือผู้อื่น”

“พลังแห่งการให้ คือการที่เราให้ในสิ่งที่เราไม่มี เรารู้สึกว่ามันไม่มากมายอะไร แต่ถึงแม้จะเล็กๆ น้อยๆ แต่ผมก็ทำ เพื่อนักเรียนของผมและคนที่ไม่มีโอกาส ผมเชื่อว่าหากเราทุกคนช่วยกันคนละนิดคนละหน่อย ท้ายที่สุดแล้วมันจะมีค่ามากมายมหาศาลทีเดียว”

และนี่เป็นเพียงหนทางหนึ่งที่ ซิลวา สามารถช่วยทำให้โลกใบนี้น่าอยู่ขึ้น

อ่านเพิ่มเติม: “โจชัว พาซิโอ” ชนะความอ้วนด้วยศิลปะการต่อสู้