“อีเลียส มาห์มูดี” กับบทเรียนในค่ายมวย “ศิษย์ยอดธง” ที่เปลี่ยนแปลงเขาทั้งชีวิต
“The Sniper” อีเลียส มาห์มูดี คู่ปรับเก่าของ “The Baby Shark” เพชรดำ เพชรยินดีอะคาเดมี อดีตแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นฟลายเวต ในศึกประวัติศาสตร์การชิงแชมป์โลก ONE: WARRIORS OF LIGHT เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2562
นักมวยชาวฝรั่งเศส-แอลจีเรียผู้นี้ คือหนึ่งในนักสู้ผู้อุทิศทั้งชีวิตให้มวยไทย เขาเติบโตขึ้นในโรงยิมของครอบครัว แต่สิ่งที่ผลักดันให้ตัวเขาในวัย 11 ปี ตัดสินใจก้าวขึ้นไปสู่อีกระดับขั้นของความจริงจังบนเส้นทางสายนี้ คือการได้เดินทางมายังแหล่งกำเนิดของมวยไทยที่ค่ายมวยศิษย์ยอดธง
ในปี 2552 อีเลียส มาห์มูดี เดินทางมาที่พัทยากับลุง “นอร์ดิน มาห์มูดี” ซึ่งเป็นโค้ชของเขาเพื่อฝึกฝนที่ค่ายมวยศิษย์ยอดธง ค่ายมวยดังระดับโลก เป็นเวลา 5 สัปดาห์ ภายใต้การดูแลของครูมวยระดับเจ้าตำนานอย่าง “ครูยอดธง เสนานันท์”
เด็กวัย 11 ปีอย่างเขารู้สึกตื่นเต้นกับการฝึกซ้อมในต่างบ้านต่างเมือง แต่สุดท้ายมันก็กลายเป็นประสบการณ์ที่เปลี่ยนแปลงทั้งชีวิตของเขา
“ผมจำได้ว่าผมเด็กสุดในรุ่น เราต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับนักมวยรุ่นพี่อีกหลายคน ทุกสิ่งมันใหม่และยากลำบากมากสำหรับผมในตอนนั้น แต่พอผมผ่านมันมาได้ ทุกอย่างคือบทเรียนที่ดีครับ”
“เรื่องอาหารการกินก็เหมือนกันครับ อาหารไทยต่างจากอาหารบ้านผมโดยสิ้นเชิง แต่ความทรงจำที่ดีที่สุดคือช่วงเวลาที่เราได้แบ่งปันประสบการณ์ร่วมกัน และผมได้ไปตกปลากับ ครูยอดธง เสนานันท์”
ตารางการฝึกซ้อมของที่นี่แตกต่างกับที่ อีเลียส มาห์มูดี เคยฝึกอยู่ที่ฝรั่งเศสมากมายนัก เขาต้องซ้อมหนักเกือบ 6 ชั่วโมงต่อวัน สูงสุด 6 วันต่อสัปดาห์ ทำได้เพียงกัดฟันสู้ เพื่อไม่ให้การเดินทางในครั้งนั้นต้องสูญเปล่า
“เราต้องตื่นนอนตอน 05.45 น. เพื่อออกไปวิ่ง 1 ชั่วโมง แล้วก็กลับมาฝึกต่ออีก 2 ชั่วโมง หลังจากทานอาหารเช้า พักผ่อน ทานอาหารกลางวัน เราออกไปวิ่งแข่งกันประมาณ 45 นาที แล้วก็กลับมาฝึกซ้อมต่ออีก 2 ชั่วโมง มันเปลี่ยนแปลงวินัยของผมจากหน้ามือเป็นหลังมือ”
“สิ่งที่ผมได้เรียนรู้นอกจากเรื่องเทคนิคและคาร์ดิโอแล้ว ที่สำคัญเลยคือวิถีชีวิตของนักมวยไทย เราต้องทุ่มเทและเสียสละอย่างมากมายกว่าที่จะได้เป็นนักกีฬาอาชีพ”
หลังผ่านพ้นการฝึกฝนอันหนักหน่วง วันที่ 27 กรกฎาคม 2552 อิเลียส มาห์ูดี ก็ได้ก้าวขึ้นบนสังเวียน และคว้าชัยชนะอย่างสวยงามด้วยท่าเข่าลอยในยกที่สอง
“ผมเตรียมตัวครั้งนั้นเป็นอย่างดี ผมดีใจมากที่ได้แข่งขันและได้รับชัยชนะในประเทศไทย”
จากวันนั้นถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 10 ปีมาแล้ว แต่ประสบการณ์ที่ผ่านมายังคงเสมือนสดใหม่ในความทรงจำของเขา และยังคอยย้ำเตือนให้ระลึกถึงเป้าหมายยิ่งใหญ่ที่สุดที่จะต้องก้าวไปให้ถึง นั่นคือ การเป็นแชมป์โลก วัน แชมเปียนชิพ นั่นเอง
อ่านเพิ่มเติม:
- Flashback Friday: “ครูรงค์” ถอนความคิด MMA ล้มแล้วซ้ำ ไม่ใช่กีฬาลูกผู้ชาย
- “รถถัง” สนไหม? มวยเก่งเวียดนาม “เหงียน ตรัน ดุย งัด” ขอเปิดศึกด้วย
- ONE รณรงค์ยุติการเหยียดเชื้อชาติ ไม่ว่าเรามาจากไหน เรากำลังมีศัตรูเดียวกัน!
- WFH Wednesday: “เพชรดำ” ฟื้นรากเหง้าเข้านายึดวิถีเกษตรก็จับเงินแสนได้
- Freestyle Friday: ส่องแฟชันนักกีฬากับเสื้อผ้าจากแบรนด์ วัน แชมเปียนชิพ