“เชอรีฟ โมฮาเหม็ด” กรุยทางศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานสู่แดนไอยคุปต์
“The Shark” เชอรีฟ โมฮาเหม็ด ไม่เคยหวั่นไหวที่จะก้าวสู่ความสำเร็จในฐานะนักศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน แม้เขาจะมาจากประเทศที่กีฬาชนิดนี้ยังเพิ่งตั้งไข่ และต้องเผชิญกับความปราชัยในการแข่งขันครั้งแรก แต่นักสู้จากเมืองไคโร ประเทศอียิปต์ กลับพาตัวเองขึ้นไปอยู่จุดสูงสุดของประเทศ และโบกธงชาติอันเป็นที่รักในเวทีระดับสากล
ระหว่างที่เขากำลังเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันที่สำคัญที่สุดในอาชีพ กับการเผชิญหน้า “Sexy Yama” โยชิฮิโร อากิยามา ในศึก ONE: KING OF THE JUNGLE เชอรีฟ จะมาเปิดเผยว่า ฉลามตัวนี้ได้ว่ายผ่านน่านน้ำที่ยังไม่เคยมีใครค้นพบ และสร้างแลนด์มาร์กสำหรับเพื่อนร่วมชาติได้อย่างไร
ตอบรับความท้าทาย
เชอรีฟ เติบโตมากับพ่อ แม่ และพี่ชาย “El Deep” มาห์มุด โมฮาเหม็ด ซึ่งเป็นอดีตนักกีฬา ONE พ่อแม่ของเขาโดยเฉพาะพ่อซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เลี้ยงดูลูกอย่างเข้มงวด ในขณะที่พี่ชายไม่ได้ใส่ใจการเรียน ตรงข้ามกับตัวเขาที่ยกให้เรื่องเรียนมาก่อนเสมอ
“ชีวิตที่เติบโตมาค่อนข้างลำบาก แต่ผมก็หาทางเรียนจนจบได้”
ที่ผ่านมา เชอรีฟ ให้ความสนใจศิลปะการต่อสู้มาตลอด จากการได้ดูหนังของ “บรูซ ลี” ตอนเด็กๆ และสั่งสมความปรารถนาที่จะทดสอบตัวเองในการต่อสู้จริง เขามีทักษะการปล้ำจับล็อกติดตัวมา โดยเริ่มฝึกศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานกับพี่ชายตั้งแต่ราว 10 ปีก่อนที่โรงยิมชั้นนำของประเทศอย่าง อียิปต์ ท็อป ทีม
“ผมมีพื้นฐานมวยปล้ำ แต่วันหนึ่งผมเหมือนปลาเปลี่ยนน้ำ ผมตัดสินใจทดสอบตัวเองในกีฬาการต่อสู้แบบผสมผสาน และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นอาชีพของผม แรงบันดาลใจมันมาจากสัญชาติญาณที่ต้องการความท้าทาย ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานไม่ใช่กีฬาที่ใครก็ฝึกได้ง่ายๆ มันต้องอาศัยหัวใจและความเชื่อที่มีอยู่ในตัว”
ล้มเหลวตั้งแต่ครั้งแรก
ไม่กี่เดือนหลังจากทำความคุ้นเคยกับกีฬาชนิดใหม่ นักสู้จากไคโรก็รู้สึกว่าตนพร้อมแล้วที่จะนำทักษะที่ฝึกฝนมาไปใช้ในการแข่งขัน
ในช่วงปี 2012 นั้น กีฬาการต่อสู้แบบผสมผสานในอียิปต์ยังนับว่าเป็นวุ้น มีเพียงสังเวียนเดียวที่เขาใช้เปิดตัวได้ นั่นคือรายการ อียิปต์เชียน ไฟต์ติ้ง แชมเปียนชิพ ที่โปรโมตมาแล้วร่วมปี
เขามั่นใจในความสามารถด้านการปล้ำอย่างมาก แต่การขาดทักษะอื่นๆ ที่จำเป็น ทำให้เขาพบกับความพ่ายแพ้แบบทีเคโอ ในยกที่สองอย่างน่าผิดหวัง
“แม้ผมจะมีพื้นฐานมวยปล้ำ แต่มันก็ยังไม่พอ ผมยังจำนัดเปิดตัวได้อย่างแม่นยำ มันเหนื่อยมากเพราะผมยังไม่คุ้นเคยกับการแข่งขัน 15 นาที ระหว่างการต่อสู้ผมรู้เลยว่าสิ่งที่ท้าทายที่สุดคือ คาร์ดิโอ”
“ไม่มีข้ออ้างสำหรับความพ่ายแพ้ เมื่อผมแพ้ในการแข่งขันตั้งแต่นัดประเดิม สองวันต่อมาผมก็กลับไปที่ยิม และทำในสิ่งที่ผมจำเป็นต้องเรียนรู้และปรับปรุง”
ฉลามขย้ำคืน
ใช้เวลาสองปีกว่าที่ เชอรีฟ จะกลับคืนสู่สังเวียนอีกครั้งในเดือนมีนาคม 2014 แต่ความมุ่งมั่นและวินัยเปลี่ยนให้เขากลายเป็นนักสู้คนใหม่โดยสิ้นเชิง ผลการแข่งขันครั้งที่สองกลับตาลปัตร เมื่อเขาเป็นฝ่ายน็อกเอาต์คู่ต่อสู้ตั้งแต่ยกแรก
“ผมมีความสุขและตื่นเต้นมาก ช่วงเวลาแห่งชัยชนะมันพิเศษสุดๆ สำหรับผม”
แต่นั่นเป็นเพียงการเริ่มต้น เชอรีฟ กลับไปที่ยิมเพื่อฝึกซ้อมให้หนักขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่าความสำเร็จครั้งแรกนี้ไม่ใช่เรื่องฟลุก หลังจากนั้นในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมปีเดียวกัน เขาชนะทีเคโอสองไฟต์ตั้งแต่ยกแรก ภายในคืนเดียว
เดือนต่อมาเขาลงสนามอีกครั้งและสู้จนถึงยกที่สาม ก่อนจะเก็บชัยชนะแบบน็อกเอาต์ได้อีกครั้ง ทำให้เขาได้สิทธิ์ขึ้นท้าชิงแชมป์ EFC ที่ว่าง และบัลลังก์แห่งนี้ก็ไม่หลุดรอดไปไหน เมื่อเขาเล่นงานคู่ชิงด้วยการซับมิชชันในท่า anaconda choke โดยใช้เวลาไม่ถึงสองนาที
เจ้าของฉายา “The Shark” เดินเครื่องสั่งสมชัยชนะแบบซับมิชชันได้อีกสามครั้ง หลังจากนั้นเขาก็พักเส้นทางอาชีพนักสู้จนถึงช่วงปลายปี 2015 เพื่อเปิดตัวยิมของตัวเองในชื่อ “Shark Gym” ซึ่งจะเป็นแหล่งทำกินหลังอำลาสังเวียน
เวลาที่ทุ่มเทไปกับยิมใหม่ ทำให้เขาต้องพลาดอะไรไปหลายอย่าง แต่เขาก็มีความสุขกับความสำเร็จที่ผ่านมาจากการแข่งขัน และยังคงทุ่มเทให้กับการเติบโตในกีฬานี้ต่อไป
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมก็จะไม่เปลี่ยนเป้าหมาย ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานไม่ปรากฏในบันทึกของอียิปต์ ผมเชื่อว่ามันน่าจะเริ่มในราวปี 2010 และมีโอกาสที่จะเติบโตได้อีก”
บันทึกบทใหม่
สองปีผ่านไปหลังจากห่างหายจากสังเวียน เชอรีฟ ได้รับการชักชวนจาก วัน แชมเปียนชิพ เขารู้ดีว่านี่คือโอกาสที่ดีที่สุดที่จะทำให้ชาวอียิปต์รู้จักศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานมากขึ้นผ่านตัวตนของเขา
“มันเป็นอะไรที่พิเศษมาก ผมรู้ว่า วัน แชมเปียนชิพ มีนักสู้เก่งๆ อยู่เพียบ รวมถึงนักสู้ชื่อดังที่สุดที่ผมเคยรู้จักมา เป็นรายการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ของนักสู้ชั้นแนวหน้า ซึ่งมันเป็นเรื่องท้าทายสำหรับผมจริงๆ”
สำหรับการแข่งขันครั้งที่สามของ เชอรีฟ ในองค์กรศิลปะการต่อสู้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกกำลังจะเริ่มขึ้น กับเป้าหมายในการคว้าชัยชนะเหนือเจ้าตำนานจากญี่ปุ่นอย่าง อากิยามา เพื่อประกาศศักดาในฐาะนักกีฬาอียิตป์ และให้คนรุ่นหลังได้เดินรอยตามเขาต่อไป
อ่านเพิ่มเติม:
