“เดนิส แซมโบอันกา” ยอมทิ้งชีวิตบ้านเกิด เพื่อเดินตามฝันที่เลือกเอง
“The Menace Fairtex” เดนิส แซมโบอันกา นักสู้ไร้พ่ายหญิงจากฟิลิปปินส์ที่ ทิ้งถิ่นฐานบ้านเกิดมาอยู่ภายใต้การดูแลของค่ายแฟร์เท็กซ์ ที่พัทยา โดยมุ่งหวังที่จะพัฒนาฝีมือของตัวเอง และไต่อันดับขึ้นไปอยู่ในแถวหน้าของรุ่นอะตอมเวตบนสังเวียนระดับโลก
อะไรที่ทำให้หญิงสาวในวัย 22 ปี ซึ่งมีหน้าที่การงานมั่นคง ตัดสินใจผันตัวเองสู่เส้นทางการต่อสู้ ไปติดตามเรื่องราวของเธอได้ที่นี่
จุดประกายความคิด
เดนิส เกิดและเติบโตในเมืองเกซอนซิตี้ ประเทศฟิลิปปินส์ โดยมีพี่ชายอย่าง เดร็กซ์ คอยสอนศิลปะการป้องกันตัวให้กับเธอและน้องสาวอีก 3 คน โดย เดนิส เริ่มฝึกคาราเต้เมื่อเธออายุ 17 ปี
เดร็กซ์ มีดีกรีเป็นนักกีฬาคาราเต้สายดำ และเคยเป็นแชมป์ เขาผันตัวมาฝึกศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานในปี 2013 โดยเดินทางไปแข่งขันรายการต่างๆ ในหลายประเทศ ทั้ง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ รวมถึงในบ้านประเทศบ้านเกิด
“เขาบอกว่า ศิลปะการต่อสู้จะช่วยให้ฉันป้องกันตัวเองได้ ฉันจึงตัดสินใจลองดู ที่ผ่านมาฉันลงแข่งคาราเต้ในหลายสนาม และเอาชนะได้ตลอด แต่ในไฟต์สุดท้าย ฉันกลับแพ้ด้วยการโดนน็อกเอาต์ ฉันโดนถีบเข้าเต็มหน้าและหมดสติไป หลังจากนั้น ฉันบอกตัวเองว่า ฉันจะไม่มีวันแพ้อีกเป็นอันขาด”
สร้างสมดุลหน้าที่
ในปี 2017 พี่ชายของ เดนิส ได้รับโทรศัพท์จากผู้จัดการแข่งขันในท้องถิ่น เพื่อถามหานักสู้หญิงที่สนใจลงแข่งขันศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน เดร็กซ์ จึงหันไปถามน้องสาวของเขาทันที
“เขาบอกฉันว่าให้ลุย แล้วเขาจะเป็นคนเทรนฉันเอง ครั้งแรกที่ฉันเริ่มฝึกศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานกับพี่ เราฝึกกันที่บริเวณข้างๆ บ้าน ลองนึกเถอะว่าพวกเราซ้อมอยู่ตรงนั้นนาน 4 เดือนเต็ม โดยมีเพียงกระสอบทราย บางครั้งเราก็ฝึกมวยปล้ำกันด้วยซ้ำ”
เจ้าของฉายา “The Menace Fairtex” ซึ่งเธอได้รับในภายหลัง คว้าชัยชนะระดับอาชีพครั้งแรกด้วยการน็อกเอาต์คู่แข่งด้วยเวลา 44 วินาที เมื่อเดือนมกราคม 2017 แต่ยิ่งเธอเอาดีด้านศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานมากเท่าใด เธอยิ่งต้องรักษาสมดุลระหว่างการซ้อมและการเรียนของตัวเอง
เดนิส รู้สึกติดใจกับเส้นทางอาชีพสายใหม่ จนทำให้เธอยอมละทิ้งความฝันในวัยเด็กที่อยากเป็นหมอ โดยหันไปศึกษาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศที่ มหาวิทยาลัยโพลีเทคนิคแห่งฟิลิปปินส์ แทน
“ฉันคิดว่าการเรียนหมอค่อนข้างที่จะซับซ้อน จึงเลือกเรียนในสาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งมันทำให้ฉันสามารถเรียนและซ้อมศิลปะการต่อสู้ควบคู่กันไปได้ ฉันคงไม่สามารถทำแบบนี้ถ้าฉันยังพยายามจะเป็นหมออยู่”
หลังจากจบการศึกษา เดนิส ได้เข้าทำงานในหน่วยงานของรัฐ ก่อนย้ายงานสู่องค์กรพัฒนาเอกชน (NGO) ในภายหลัง แต่ทว่าไฟปรารถนาในการแข่งขันมันยังครุกรุ่นอยู่ในใจของเธอ
ทางเลือก
ถึงเวลาที่ เดนิส ต้องเลือกทางเดินชีวิต ระหว่างงานประจำที่ทำอยู่ กับเสียงเรียกในหัวใจของตัวเองที่อยากจะโฟกัสกับศิลปะการต่อสู้
“ฉันใช้เวลาหลายเดือนเพื่อไตร่ตรองทุกอย่าง เพราะงานประจำของฉันไม่ได้หนักหนาอะไร เงินเดือนก็พอใช้อยู่ แถมยังมีเวลาพอที่จะฝึกซ้อมการต่อสู้ได้ แต่ฉันค้นพบความสุขที่แท้จริงที่เกิดจากศิลปะการต่อสู้ ถ้าฉันยังทำงานอยู่ ฉันคงลงแข่งขันในสังเวียนที่ใหญ่ขึ้นไม่ได้ เพราะถ้าจะทำทั้งสองอย่างพร้อมกันให้ได้ดี เวลาที่มีคงไม่มากพอ”
ในเดือนมิถุนายน 2019 เดนิส ตัดสินใจลาออกจากงานประจำ และเดินทางมายังเมืองพัทยา ประเทศไทย เพื่อทุ่มเทให้กับการฝึกซ้อมศิลปะการต่อสู้อย่างเต็มตัว ภายใต้การดูแลของค่ายแฟร์เท็กซ์ ที่ซึ่งปลุกปั้นนักกีฬาสาวระดับแชมป์โลกสองประเภทกีฬาอย่าง “แสตมป์ แฟร์เท็กซ์”
แม้จะได้ทำตามความปรารถนาของตัวเอง แต่สิ่งที่นักสู้สาวแดนตากาล็อกต้องแลกมาคือ การเสียสละเวลาที่จะได้อยู่กับครอบครัวที่เธอรัก เพื่อออกเดินทางมาตัวคนเดียวและอาศัยอยู่ในต่างถิ่น ซึ่งหากไม่ใช่เพราะความจำเป็น หรือมีใจรักจริง เชื่อว่าไม่มีใครอาจหาญที่จะเลือกทางเดินนี้
“ฉันรู้สึกเศร้าในบางครั้งเพราะฉันต้องจากบ้าน จากครอบครัว และคิดถึงน้องหมาสุดๆ แต่ก็เข้าใจว่าการจะแข็งแกร่งขึ้น ฉันจะต้องยอมเสียสละ ฉันจึงต้องตัดใจ เพราะการซ้อมด้วยสภาพจิตใจที่ไม่เต็มร้อย มันไม่ส่งผลดีเลย”
เดินหน้าล่าฝัน
ความปรารถนาอย่างแรงกล้าทำให้ เดนิส พัฒนาฝีมือขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ก่อนมาอยู่กับแฟร์เท็กซ์ เธอได้ลงแข่งบราซิลเลียนยิวยิตสูและกวาดเหรียญทองมามากมาย รวมถึงสอบผ่านสายน้ำเงิน พอหลังมาอยู่กับแฟร์เท็กซ์ช่วงเดือนเมษายน 2562 เธอก็ได้ลงสนามในกติกามวยไทยและเก็บชัยชนะได้เพิ่มเติม
สำหรับในการแข่งขันศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน เดนิส จัดเป็นนักสู้สาวไร้พ่าย 6 ครั้ง เป็นชัยชนะด้วยการน็อกเอาต์ 2 ครั้งและซับมิชชัน 1 ครั้ง ซึ่งรวมการแข่งขันนัดล่าสุดที่เธอเปิดตัวใน วัน แชมเปียนชิพ ที่กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย และสามารถเอาชนะคะแนนเหนือนักสู้สาวเจ้าบ้านชื่อดังอย่าง “จีฮิน รัดซวน” อีกด้วย
อ่านเพิ่มเติม: