“เดนิส แซมโบอันกา” เคยแพ้จนเกือบเสียศูนย์ แต่ไม่เคยสูญเสียจิตวิญญาณนักสู้
“The Menace Fairtex” เดนิส แซมโบอันกา อาจภูมิใจกับสถิติไร้พ่ายของเธอในฐานะนักกีฬาการต่อสู้แบบผสมผสาน แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ เธอต้องพบกับความสูญเสียที่เป็นบทเรียนครั้งใหญ่ของชีวิต อันนำมาซึ่งความคิดทั้งด้านลบและบวก แต่เมื่อความเจ็บปวดเปลี่ยนเป็นความมุ่งมั่น กลับทำให้เธอพบกับฟ้าหลังฝนที่สดใสในกีฬาชนิดใหม่ที่เธอยังไม่เคยลอง
เมื่ออายุ 17 ปี เดนิส เริ่มฝึกฝนคาราเต้สายเคียวคุชิน ซึ่งมีความหนักหน่วง เน้นการต่อสู้เต็มรูปแบบ โดยมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันตัว แต่ภายหลังเธอตัดสินใจลงแข่งขัน ด้วยความสงสัยว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเธอลงแข่งกับคนที่ฝึกฝนการต่อสู้แบบเดียวกัน
เดนิส ทำผลงานได้ดีตั้งแต่ลงสนามครั้งแรก ก่อนจะเก็บชัยชนะได้อีกสองสามครั้ง แต่ในครั้งสุดท้ายเธอก็ได้ลิ้มรสความขมขื่น เมื่อรู้ว่าตัวเองตกเป็นมวยรอง หลังถูกประกบคู่กับนักสู้สายเขียวที่อยู่ในอันดับสูงกว่า ด้วยเหตุที่ว่าคู่แข่งขันไม่เพียงพอ
เจ้าของฉายา “The Menace” ไม่ได้วิกตกกังวลหรือหนักใจ เธอต่อสู้มาจนถึงยกสุดท้าย ความมั่นใจที่มีอยู่เต็มกระเป๋า
“ในใจฉันคิดว่า ฉันพร้อมจะเล่นงานเธอแล้ว ถึงเธอจะอยู่สายเขียวที่สูงกว่า แต่มันยิ่งทำให้ฉันกระหายที่จะสยบเธอให้ได้ในยกสุดท้าย”
น่าเสียดายที่ความจริงไม่เป็นอย่างที่คิด เดนิส พบกับความพ่ายแพ้ครั้งแรกในชีวิต ด้วยการน็อกเอาต์!
“ฉันโดนน็อกคาที่ จากลูกเตะซ้ายที่เร็วจนฉันมองไม่ทัน แถมตอนนั้นฉันก็การ์ดตกด้วย ความรู้สึกเหมือนมีใครมาดับไฟกลางคัน แล้วเกมก็จบลงตรงนั้น”
แม้ความพ่ายแพ้จะมีข้อดีให้ เดนิส เก็บเกี่ยวและเรียนรู้ได้หลายอย่างจากประสบการณ์ครั้งนั้น แต่ในใจของเธอกลับมองเห็นแต่ความสูญเสียเพียงด้านเดียว ซึ่งมันบั่นทอนกำลังใจของเธอลงไปมาก
“ฉันร้องไห้เพราะฉันไม่อยากแพ้ แค่ชนะอีกครั้งเดียวฉันก็จะได้เป็นแชมป์แล้ว ฉันรู้สึกผิดหวังมากที่เป้าหมายหลุดลอยไปต่อหน้าต่อตา สิ่งที่น่าเจ็บใจที่สุดคือความจริงที่ว่าฉันโดนน็อก มันไม่ใช่เป็นการตัดสินจากกรรมการ ไม่ว่าจะมองมุมไหนฉันก็เป็นการแพ้ยับเยิน แพ้แบบขาดลอย”
แม้ความเจ็บปวดทางกายจะหายไป แต่ความผิดหวังยังค้างคาอยู่ในใจ เมื่อเธอหวนระลึกถึงเวลาที่พร่ำฝึกฝนมาอย่างยาวนาน รวมถึงความคาดหวังของคนที่ให้การสนับสนุน ก็ยิ่งทำให้เธอเสียใจมากขึ้นไปอีก
“ฉันรู้สึกว่าการต่อสู้และการเสียสละที่ฉันทำมาทั้งหมด กลายเป็นเรื่องสูญเปล่า เพราะฉันไม่สามารถชนะการแข่งขันได้ พี่ชายและครอบครัวก็ไปดูฉันแข่งดัวย ฉันรู้สึกเหมือนทำให้พวกเขาผิดหวัง ฉันไม่อยากจะรู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว”
หลังจากตั้งสติได้ บวกกับไฟปรารถนาที่มีต่อศิลปะการต่อสู้ ทำให้ เดนิส เริ่มมีความหวังที่จะกลับมาสร้างศรัทธาให้ตัวเอง แต่แล้วพี่ชายของเธอ “เดร็กซ์” ซึ่งเป็นนักกีฬาคาราเต้สายดำ ได้แนะนำให้เธอให้ทดลองกีฬาอย่างอื่นนอกเหนือจากคาราเต้ดูบ้าง
“พี่ชายของฉันแนะนำให้ลองไปสมัครแข่งขันรายการหนึ่ง ซึ่งกำลังเฟ้นหานักกีฬาการต่อสู้แบบผสมผสานหญิงอยู่ ฉันไม่เคยสนใจเรื่องนี้ ยังคลุมเครือว่ามันคืออะไร และกลัวที่จะต้องลองทำ”
ภายใต้ความประหม่า เดนิส กลับไม่เดินหนีจากความท้าทาย และเมื่อถึงเวลาที่จะต้องลงสนาม เธอไม่เบือนหน้าหนีคู่ต่อสู้ที่เก่งหรือมีประสบการณ์เหนือกว่า
ความช้ำใจที่เคยโดนน็อก เปลี่ยนแปลงความคิดของเธอชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ เธอพยายามที่จะกำจัดข้อบกพร่องต่างๆ ให้หมดสิ้น ด้วยความขยันและความมุ่งมั่น ซึ่งนั่นทำให้เธอมีโอกาสก้าวแรกใน วัน แชมเปียนชิพ ด้วยความหวังที่จะสั่งสมประสบการณ์ และเก็บสถิติที่ดีขึ้น เพื่อทำให้ทีมและครอบครัวของเธอภูมิใจ
“ความช้ำใจครั้งนั้น ช่วยจุดไฟในตัวฉันให้ซ้อมหนักกว่าที่เคย ฉันไม่อยากกลับไปรู้สึกเจ็บปวดและผิดหวังจากความพ่ายแพ้อีก ดังนั้นฉันจึงต้องเตรียมตัวสำหรับการแข่งขันนัดต่อไปและทำให้ดีที่สุด เพื่อที่ออกจากสนามอย่างผู้ชนะ”
อ่านเพิ่มเติม: