เปิดที่มารอยสัก “เปี๊ยก” พงษ์ศิริ กับเรื่องราวชีวิตที่เชื่อมต่อบนสังเวียน
ว่าด้วยเรื่องของรอยสักกับนักกีฬาเป็นของที่อยู่คู่กันมานานแล้ว เพราะนอกจากจะช่วยเสริมในเรื่องของภาพลักษณ์ที่โดดเด่น และความเด่นชัดของตัวตน ในรอยสักแต่ละภาพยังบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาได้อีกมาก
เช่นเดียวกันกับในวงการหมัดมวยที่นักกีฬาสมัยใหม่ต่างบอกเล่าความเป็นตัวตนผ่านศิลปะรอยสัก โดยใน วัน แชมเปียนชิพ มีแชมป์โลกหลายคน ที่นิยมชื่นชอบในศิลปะบนเรือนร่าง ไม่ว่าจะเป็น รถถัง จิตรเมืองนนท์, แบรนดอน เวรา, ออง ลา เอ็น ซาง, มาร์ติน เหงียน รวมไปถึงสาวน้อยจอมดุอย่าง แสตมป์ แฟร์เท็กซ์ และตัวแม่อย่าง แองเจลา ลี ก็มีรอยสักปลุกใจเป็นวลีเด็ดภาษาไทยด้วยเช่นกัน
ขณะที่นักสู้หนุ่มหน้ามนเมืองล้านนาอย่าง “Smiling Assassin” พงษ์ศิริ มิตรสาธิต ก็มีรอยสักที่น่าสนใจ ถึงแม้จะไม่เตะหูเตะตามากนัก แต่กลับบอกเล่าเรื่องราวและตัวตนของเขาได้ดี
นักสู้ชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง วัย 23 ปี ยอมรับว่า เขาเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบในศิลปะบนเรือนร่างมานานแล้ว แต่ด้วยวุฒิภาวะที่ยังไม่อำนวย ทำให้ต้องอดใจนานถึง 4 ปีกว่าจะมีรอยสักเป็นของตัวเอง
“มันเป็นความชอบส่วนตัวมานานแล้วครับ และไม่เคยคิดจะเลียนแบบใครทั้งนั้น ผมเริ่มชอบรอยสักมาตั้งแต่ 3-4 ปีที่แล้ว เพราะใจจริงอยากมีรอยสักที่เป็นเรื่องราวส่วนตัว แต่ตอนนั้นยังเด็กอยู่เลยไม่กล้าสัก คิดเอาไว้ว่าตอนอายุ 20 กว่าๆ อยากมีรอยสักเป็นของตัวเอง”
และถึงแม้ “เปี๊ยก” พงษ์ศิริ จะโตพอ และมีอิสระทำตามใจที่ต้องการ แต่การมี “รอยสัก” สักชิ้นบนร่างกาย มันเป็นเรื่องที่ใหญ่เกินกว่าที่เจ้าตัวจะตัดสินใจได้โดยลำพัง
“ผมลองปรึกษาพี่ที่รู้จัก 2-3 คนว่าควรสักดีไหม มันจะมีผลกับอนาคตหรือเปล่า เพราะตอนนั้นผมออกมาอยู่ข้างนอก ไม่ได้อยู่กับครอบครัว ซึ่งพี่ๆ ก็ตอบว่าแล้วแต่ความชอบของตัวเอง มันก็เลยทำให้ผมตัดสินใจได้ง่ายขึ้น”
“ส่วนพ่อแม่ หลังจากเห็นรอยสักของผมครั้งแรก ก็ไม่ได้ตกใจอะไร แค่ถามว่าไปสักทำไม แต่พอเขารู้ว่ามันเป็นความชอบส่วนตัวของเรา เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร”
นอกจากนี้ เจ้าของฉายา “นักฆ่าหน้าเปื้อนยิ้ม” ยังได้เผยถึงที่มาของรอยสักบนร่างกาย ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของชีวิต ที่เชื่อมต่อความเป็นนักสู้บนสังเวียนได้อย่างน่าสนใจ
“รอยสักของผม มันเป็นสองส่วนที่เชื่อมต่อกันเป็นเรื่องราว ส่วนแรกบริเวณหัวไหล่ขวาไล่ยาวมาถึงแขน จะเป็นรูปชุดเกราะของนักรบสมัยโบราณ ส่วนบริเวณหน้าอกจะเป็นรูปของผมเอง ตอนขึ้นชก MMA บนเวที กำลังยืนมองดูคู่ต่อสู้กำลังล้มอยู่ ซึ่งมันบอกเล่าความเป็นตัวตนของผมได้ดีทีเดียว”
“ส่วนในอนาคตก็คิดเอาไว้ว่าอยากจะสักเพิ่มบริเวณแผ่นหลัง แต่ตอนนี้ยังไม่มีไอเดียว่าจะสักอะไร คงต้องรออีกสักพักใหญ่ แต่คิดว่าจะเป็นเรื่องราวชีวิตของผมอย่างแน่นอนครับ” พงษ์ศิริ กล่าวปิดท้าย
อ่านเพิ่มเติม: