เปิดปูมชีวิต “เพชรมรกต” กว่าจะประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้

“เพชรมรกต เพชรยินดีอะคาเดมี” ปิดฉากปี 2562 อย่างสวยงาม หลังกลับมาโชว์ฟอร์มในแบบที่ถนัดกับการขึ้นชกในกติกามวยไทย เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ส่งให้เขาคว้าตั๋วไปชิงแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต ซึ่งจะจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของรายการ ภายใต้ชื่อศึกว่า ONE: WARRIOR’S CODE ในวันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์นี้ ที่สนามอิสโตรา เสนายัน กรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย

ระยะเวลากว่า 2 ปี ใน วัน แชมเปียนชิพ รวมถึงอดีตบนเวทีผืนผ้าใบในประเทศ กว่าจะมาถึงจุดนี้ชีวิตของเขาผ่านอะไรมาบ้าง 

ความยากจนในวัยเด็ก

View this post on Instagram

A post shared by PETCHMORAKOT PYD ACADEMY (@petchmorakot.pyd)

เพชรมรกต เติบโตจากครอบครัวชาวนาในหมู่บ้านเล็กๆ ของจังหวัดอุบลราชธานี เขาใช้ชีวิตในวัยเด็กแบบอดมื้อกินมื้อ เพราะฐานะทางบ้านยากจน เนื่องจากพ่อกับแม่มีอาชีพทำนา ทำให้รายได้ครอบครัวไม่แน่นอนขึ้นอยู่กับฟ้ากับฝน พวกเขาต้องทำทุกวิถีทางเพื่อหาเลี้ยงปากท้องในแต่ละวัน

เพชรมรกต หรือ “วิน” ซึ่งเป็นชื่อเล่นที่ทุกคนเรียกกัน เขาไม่อยากให้พ่อแม่ต้องแบกภาระทุกอย่าง จึงพยายามหาทางช่วยเท่าที่เด็กอย่างเขาทำได้ โดยชวนน้องอีกสองคนไปขุดหาหอยหาปู หรือตกปลา เอามาทำเป็นอาหารกินกันในบ้าน หากมีเหลือก็จะนำไปขายที่ตลาด

“ชีวิตตอนนั้นลำบากมากครับ แต่ก็สนุกดี ผมชอบออกไปตกปลากับครอบครัว”

เส้นทางนักสู้

การให้เด็กชายชกมวยในแถบภาคอีสานนั้นเห็นจะเป็นเรื่องธรรมดา สำหรับ เพชรมรกต ก็เช่นกัน พ่อของเขาผลักดันให้ไปซ้อมมวยตั้งแต่เด็ก ด้วยหวังให้มีวิชาติดตัวเป็นอาชีพ จะได้เลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ในอนาคต

แม้สถานที่ฝึกซ้อมจะไม่เอื้ออำนวยเท่าไหร่ มีกระสอบทรายและนวมให้ใช้ตามมีตามเกิด แต่ เพชรมรกต ก็สามารถเก็บเกี่ยวความรู้จนสามารถขึ้นชกบนเวทีจริงได้ หลังจากใช้เวลาซ้อมเพียงไม่กี่สัปดาห์

ขณะนั้นในวัย 11 ปี เขาจำความได้ว่า ต้องขึ้นนั่งท้ายรถกระบะตระเวนไปแข่งขันทั่วภาคอีสาน โดยไม่เคยรู้ล่วงหน้าเลยว่าคู่แข่งของตัวเองเป็นใครจนกว่าจะถึงช่วงเช้าของวันแข่งขัน ก็ได้แต่ภาวนาขอให้มีน้ำหนักและฝีมือใกล้เคียงกันเพื่อจะได้ไม่เสียเปรียบหรือเจ็บตัวมาก

ในแต่ละเดือนเขามีคิวชกหลายครั้ง โดยเฉพาะช่วงปีใหม่ถือเป็นโอกาสตักตวงได้มากที่สุด สถิติสูงสุดเคยชก 5 ครั้งภายในสัปดาห์เดียว

ช่วงราวอายุ 18 ปี เขามีโอกาสย้ายมาอยู่กับค่าย “เพชรยินดีอะคาเดมี” ที่กรุงเทพฯ ซึ่งช่วยพัฒนาฝีมือและส่งเสริมให้เขาก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของวงการมวยเมืองไทย ได้เป็นแชมป์สนามมวยเวทีลุมพินี, แชมป์ประเทศไทย และแชมป์ WMC

“ผมทั้งกลัวและตื่นเต้นที่ต้องเข้ามาอยู่กรุงเทพฯ ตามลำพัง ผมไม่เคยอยู่ห่างครอบครัวแบบนี้มาก่อน”

เดินผิดทาง

ชีวิตนักมวยหนุ่มที่ต้องซ้อมหนัก ไหนจะทำน้ำหนัก และเผชิญกับอุปสรรคต่างๆ นานา ทำให้ เพชรมรกต เคยถึงขั้นถอดใจกับการเป็นนักมวยที่เต็มไปด้วยความเสียสละและความยากลำบาก

“การลดน้ำหนักเป็นเรื่องที่ยากสำหรับผมเสมอ ผมรู้ว่ามันเป็นหน้าที่ แต่บางครั้งผมก็เหนื่อยและท้อ”

ครั้งหนึ่ง เพชรมรกต เคยหันหลังให้มวยไทย ออกไปเที่ยวเตร่กับเพื่อน กลับดึก ติดผู้หญิง และละเลยการฝึกซ้อม จนกระทั่งถูกสั่งพักงานเป็นการทำโทษ

เมื่อไม่มีงาน ไม่มีเงิน เขาก็เริ่มเรียนรู้ที่จะต้องเผชิญหน้ากับความจริง และกลับสู่เส้นทางนักสู้ ด้วยความกระตือรือร้น และมีสมาธิที่จะจดจ่อกับงานที่จะเป็นอนาคตให้กับเขาได้

อนาคตอันสดใส 

เพชรมรกต เดินหน้าสั่งสมประสบการณ์ผ่านสังเวียนมากว่า 200 ไฟต์ และประสบความสำเร็จมากมาย ถึงขั้นเคยเอาชนะไอดอลในดวงใจซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นนักมวยที่เก่งกาจที่สุดเมื่อเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์อย่าง “แสนชัย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม” มาแล้ว

“ผมภูมิใจมากที่ได้ร่วมสังเวียนกับนักชกระดับตำนานที่เก่งกาจครับ”

ปัจจุบัน เพชรมรกต มีทางเส้นใหม่ที่สดใสกับองค์กรศิลปะการต่อสู้ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง วัน แชมเปียนชิพ และเขาได้รับโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตนักมวยตลอด 15 ปี กับการขึ้นชิงแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต 

หาก เพชรมรกต สามารถคว้าเข็มขัดเส้นนี้กลับประเทศไทยได้ เขาจะได้ชื่อว่าเป็นแชมป์โลก ONE ชาวไทยคนที่ 7 ในประวัติศาสตร์

อ่านเพิ่มเติม: “เพชรมรกต” นักชกความหวังเข็มขัดแชมป์โลก ONE เส้นที่ 8 ของประเทศไทย