“เลิศศิลา” 3 เดือนในอเมริการอดได้เพราะคำเดียวคือ “มิตรภาพ”
ความคุกรุ่นยังคงมีมาอย่างต่อเนื่องสำหรับประเทศมหาอำนาจสหรัฐอเมริกา ไหนจะการแพร่ระบาดอย่างหนักหน่วงของเชื้อไวรัสโควิด-19 กระทั่งล่าสุดเกิดการประท้วงภายในประเทศซึ่งเกิดจากชนวนความเกลียดชังและเหลื่อมล้ำของสีผิว จนบานปลายใหญ่โต
เหตุการณ์ข้างต้นทำเอายอดมวยเชิงดีลีลาเด่น “ปลาไหลใส่สเก็ต” เลิศศิลา ภูเก็ตท็อปทีม นักชกอายุแตะหลักสี่ ผู้เจนเวที วัน แชมเปียนชิพ ซึ่งเดินทางไปอเมริกาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมีนาคมเพื่อโชว์ตัวในงานสัมมนาร่วม 20 งาน ต้องถูกยกเลิกเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 แถมกลับเมืองไทยไม่ได้ กลายเป็นชาวเกาะอยู่ที่นั่น
โชคยังดีที่เขามีมิตรสหายที่คอยช่วยเหลือ ทั้งเรื่องที่หลับนอน อาหารการกิน ยันหารายได้เสริมแก้ขัดให้ด้วย
“ผมเดินทางมาสัมมนาครับ มีโปรแกรมที่จะต้องไปหลายรัฐ ทั้ง แคลิฟอร์เนีย, โคโลราโด, เท็กซัส, ชิคาโก, ซานฟราสซิสโก, นิวยอร์ก, นิวเจอร์ซีย์, แอริโซนา, แอตแลนตา ฯลฯ แพลนไว้ทั้งหมด 20 งาน ต้องเริ่มสัมมนาตั้งแต่วันที่ 11 มีนา ยาวไปจนถึง 19 พฤษภาครับ”
“พอโควิดมาทุกอย่างยกเลิกหมด ตอนแรกก็ไปไม่เป็นเลยครับ กลับไทยก็ไม่ได้ จะเอายังไงต่อดีวะชีวิต แพลนที่วางไว้พังทั้งหมดเลยครับ”
หลังจากทราบข่าวการติดเกาะของ เลิศศิลา ผู้ใหญ่ใจดีที่เคยนับถือกัน “ประกายทิพย์ มาลากุล” จึงออกปากชวนเขาให้ไปพักอยู่ด้วยก่อนที่บ้านย่านลอสแองเจลิส เขาไม่รอช้ารีบตกปากรับคำเหมือนสวรรค์มาโปรด
“ตอนนั้นเป็นช่วงที่โควิดกำลังระบาดหนักมาก วันๆ ผมแทบไม่ได้ออกไปไหน คิดถึงบ้านที่เมืองไทยสุดๆ ทำได้ก็แค่วิ่งแก้เหงาอยู่แถวนั้น ชกลมไปเรื่อย พยายามหาอะไรทำ ไม่ให้จิตใจมันฟุ้งซ่านครับ”
ผ่านไปร่วมเดือน เงินทุนที่เตรียมไว้เริ่มใช้หมด ในขณะที่สถานการณ์โควิด-19 ยังคงทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่ง แอล.เอ. ก็ไม่ได้น้อยหน้าเมืองใหญ่อื่นๆ แต่แล้วสายลมที่หวังดีก็พัดผ่านมาอีกครั้ง
“เออริน ฟาเรา (Erin Varao) เพื่อนสนิทอีกคน ได้ติดต่อเข้ามาเพื่อชักชวนให้ผมไปสอนมวยลูกศิษย์ของเขาที่ยิมชื่อ Prodigy House Muaythai ซึ่งอยู่ที่โคโลราโด ประจวบกับเมืองนี้เป็นเมืองเล็กที่มีผู้เสี่ยงติดเชื้อน้อยมาก สายการบินภายในประเทศยังคงเปิดให้เดินทางไปถึงได้”
“หลังวางสายจาก เออริน น้ำตาผมแทบไหล ผมตอบรับเขาทันทีแบบไม่ต้องคิดอะไรมาก จังหวะนั้นมีอะไรที่ผมพอจะทำได้ ผมทำหมดครับ”
หลังย้ายมาพำนักที่ยิมเพื่อนในรัฐโคโลราโด ชีวิตแต่ละวันของ เลิศศิลา เริ่มมีความหมายมากขึ้น แม้ว่าจะปฏิเสธความคิดถึงครอบครัวไม่ได้ แต่อย่างน้อยที่นี่เขาก็ได้ใช้ชีวิตที่เป็นตัวเองมากกว่าเดิม ร้านรวงต่างๆ ภายในเมืองเปิดให้บริการตามปกติ แค่ยังต้องคำนึงถึงระยะห่างทางสัมคมเพื่อป้องกัน
“ผมสอนมวยไทยให้ลูกศิษย์ของ เออริน วันละ 3 คนครับ เราเรียนกันแบบตัวต่อตัว รอบละคนๆ ละ 1 ชั่วโมง ส่วนเวลาที่เหลือผมก็จะฝึกซ้อมร่างกายเพื่อรักษาความฟิตของตัวเองไปด้วย”
การมาเยือนของ เลิศศิลา นอกจากจะมาในฐานะเทรนเนอร์แล้ว เขายังโชว์ความสามารถพิเศษกับการเป็นกุ๊กมือทอง สร้างความอิ่มท้องให้กับเจ้าบ้านได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
“ทุกๆ เช้า หลังจากวิ่งเสร็จ ผมจะต้องขับรถออกไปซื้อวัตถุดิบที่เมืองใกล้ๆ เพื่อกลับมาทำอาหารไทย เมนูเด็ดผมคือ ต้มยำกุ้ง กับลาบน้ำตกครับ หากใครได้ลอง รับรองว่าหลงทุกรายแน่นอนครับ (หัวเราะ)”
เลิศศิลา ยังคงเฝ้าติดตามข่าวสารสถานการณ์บ้านเมืองโดยตลอด เพราะถึงแม้เขาจะใช้ชีวิตรอดปลอดภัยอยู่อเมริกาได้มานานเกือบ 3 เดือน แต่ที่ไหนก็ไม่เหมือนบ้านที่ประเทศไทย
“ผมอยากกอดพ่อกับแม่ อยากเจอลูก จากนั้นค่อยกลับไปหาแฟนที่เมืองจีนอีกทีครับ คิดถึงสังเวียน รวมถึงการซ้อมที่ค่ายภูเก็ตท็อปทีมด้วยครับ” เลิศศิลา กล่าวปิดท้าย
อ่านเพิ่มเติม: