“เอ็ดดี อัลวาเรซ” ถึงพ่ายแพ้ แต่ไม่เคยแพ้พ่าย
แม้ว่าตลอด 16 ปีในอาชีพนักกีฬาศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานของ “The Underground King” เอ็ดดี อัลวาเรซ จะเคยเผชิญหน้ากับอุปสรรคขวากหนามมาแล้วทุกรูปแบบ แต่อดีตแชมป์โลกรุ่นไลต์เวตหลายสมัยผู้นี้ไม่เคยประสบอะไรที่น่ากลัวเท่ากับการต่อสู้ครั้งแรกของเขาในศึกวัน แชมเปียนชิพ
ตอนนี้ อัลวาเรซ กำลังจะมีคิวขึ้นสังเวียนกับ “Dagi” เซยิด กูเซน อาร์สลานาลิเอฟ ในรอบชิงชนะเลิศของศึก ONE เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นไลต์เวต ในศึก ONE: CENTURY Part I ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ในวันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคมนี้ แต่เมื่อมองย้อนกลับไป เขายังลืมไฟต์เปิดตัวลงด้วยเหตุผลหลายประการ
นักชกจากฟิลาเดเฟียผู้นี้ได้ขึ้นดวลกับ ทิโมเฟย์ นาสติวคิน จอมพลังชาวรัสเซีย ในศึก ONE: A NEW ERA เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และหลังจากการสาดอาวุธเข้าใส่กันอย่างดุเดือด คืนประวัติศาสตร์ของเขาก็จบลงเร็วกว่าที่ควร
ผลจากการปะทะกัน ทำให้ อัลวาเรซ ได้รับบาดเจ็บที่ดวงตา ซึ่งนั่นทำให้เขาต้องเปลี่ยนเป้าหมายจากการเอาชนะเป็นเอาชีวิตรอด
“เปลือกตาของผมทั้งบนและล่าง มันฉีกออก”
“มันเหมือนกับตาผมถูกฉีกออกเป็นสองเสี่ยงเลยนะ ผมรู้สึกว่าลมมันผ่านมาถึงในตาผม ผมบอกได้เลยว่าไม่เคยมีการต่อสู้ครั้งไหน ที่ผมโดนอัดหนักจนเลิกสนใจผลการแข่งขัน
“แต่ในคืนนั้น ผมรู้สึกว่าสุขภาพและความปลอดภัยของผม มันอยู่ในภาวะเสี่ยงมากๆ พอผมโดนเข้าไป สมองผมคิดทันทีว่า ‘ผมต้องหลบไปตรงไหนสักแห่งเร็วๆ และไม่ว่าผมจะโดนอะไรเข้าไป ผมต้องฟื้นตัวให้เร็วที่สุด ถ้าผมอยากจะยึดอาชีพนักสู้ต่อไปให้ยาวนาน”
- 7 เหตุผลที่ ONE: CENTURY จะเป็นอีเวนต์ศิลปะการต่อสู้ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
- ท็อป 10 ซับมิชชั่นของเหล่าซูเปอร์สตาร์ในศึก ONE: CENTURY PART I
- “ดิมิเทรียส จอห์นสัน” เขียนถึงตัวเอง เกี่ยวกับเส้นทางการต่อสู้สู่ความยิ่งใหญ่
อาการบาดเจ็บของเขาอาจดูร้ายแรงในตอนนั้น แต่ “The Underground King” ก็กลับบ้านในฟิลาเดเฟีย สหรัฐอเมริกา และฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
อัลวาเรซ ได้รับบาดเจ็บมาพอสมควรตลอดเส้นทางที่ผ่านมาในอาชีพนี้ เขาจดจำอาการบาดเจ็บแต่ละครั้งได้แม่นยำ แม้ว่าแผลแตกที่ตาจะดูน่ากลัวในทีแรก แต่เขาก็ยังดีใจที่มันไม่ใช่เรื่องอะไรร้ายแรงเท่ากับการบาดเจ็บที่หัวเข่า ซึ่งอาจต้องใช้เวลาพักฟื้นเป็นเวลานาน
“ผมยังมีขา มีแขน ไหล่ของผมก็ยังดีอยู่ มันก็แค่ดวงตาข้างเดียวเอง”
“ผมยังวิ่งได้ ว่ายน้ำได้ ผมยังเคลื่อนไหวไปรอบๆ แล้วก็ชกลมไปด้วยได้ ถ้าพูดถึงอาการบาดเจ็บแล้วนะ ผมว่ามันไม่ใช่แผลที่แย่นักหรอก
“สายตาผมยังปกติดีทุกอย่าง มันไม่มีผลในระยะยาวหรอก เป็นแค่อาการชั่วคราวเท่านั้น ผมชอบที่จะคิดบวกกับเรื่องต่างๆ มากกว่านะ”
ทัศคติแบบนั้นเองที่พาให้ อัลวาเรซ ผ่านพ้นความยากลำบากต่างๆ ในอาชีพของเขามาได้ ซึ่งนั่นคือคำตอบว่าทำไมเขาถึงล้มแล้วลุกได้ตลอด แถมยังเป็นการลุกขึ้นมาอย่างแข็งแกร่งกว่าเดิมอีกด้วย
เขาไม่เคยปล่อยให้ตัวจมปลักอยู่กับความพ่ายแพ้ เพราะว่าในการต่อสู้ครั้งต่อไป เขามีโอกาสที่จะแก้ตัวได้เสมอ
“ผมคิดว่าตัวเป็นแชมป์ ไม่ว่าจะมีหรือไม่มีเข็มขัดก็ตาม ผมยกมาตรฐานตัวให้สูงขึ้นเรื่อยๆ”
“ผมตื่นมาทุกเช้า โดยมีมาตรฐานและเป้าหมายที่ผมต้องทำให้สำเร็จ ผมมีความรับผิดชอบ ผมยกมาตรฐานตัวเองให้เท่ากับระดับแชมป์”
“แชมป์ไม่แพ้บ่อย แชมป์แพ้ได้นะ ถ้าต้องเจอกับคนที่เก่งที่สุดในโลก นั่นคือคุณกำลังสู่กับความพ่ายแพ้ แต่คุณก็ไม่ได้แพ้บ่อยๆ เช่นเดียวกับวิถีทางของผม ผมสัญญาไม่ได้ว่าจะชนะทุกครั้ง แต่คนแบบผมบอกได้แค่ว่า ผมจะไม่แพ้บ่อยนัก”
แม้ว่าจะพ่ายแพ้ย่อยยับต่อ นาสติวคิน แต่ อัลบาเรซ ก็ยังมองโลกในแง่ดีเช่นเดิม
นักสู้จากฟิลาเดเฟียผู้นี้พกเอาทัศนคติที่ดีติดตัวไปยังค่ายซ้อมด้วย ในตอนที่เขากำลังเตรียมตัวเจอกับอดีตแชมป์โลก ONE รุ่นไลต์เวต “Landslide” เอดูอาร์ด โฟลายัง
เขาได้พัฒนาทักษะต่างๆ ขึ้นมาเยอะมาก และเขาก็อยากจะแสดงมันออกมาในการแข่งขันนัดต่อไปแล้ว
“การแพ้ต่อ ทิโมเฟย์ มันน่าผิดหวังมาก เพราะผมใช้เวลา 4-5 เดือนในการเตรียมตัว แล้วผมว่าผมดีกว่าเยอะ”
“ผมเลิกนิสัยแย่ๆ จนหมด ฟุตเวิร์กของผมก็ดีขึ้น หลายๆ อย่างดีขึ้น ฉะนั้นสิ่งที่ผมทำเมื่อแพ้ให้กับ ทิโมเฟย์ คือ แทนที่จะท้อถอยและยอมแพ้อยู่แบบนั้น ผมกลับมาโฟกัสว่าผมจะทำได้ดีขึ้นขนาดไหนในฐานะนักสู้”
“ผมจะไม่นิยามอาชีพของผมด้วยฟอร์มการชกแค่ครั้งเดียว ด้วยเวลาไม่กี่นาทีในคืนนั้น ผมจะไม่ยอมให้มันถ่วงแข้งถ่วงขาตัวเองหรอก”
อัลวาเรซ ได้ทำตามที่ตัวเองลั่นวาจาไว้ เมื่อเขาประจันหน้ากับ โฟลายัง ในศึก ONE: DAWN OF HEROES ที่มอลล์ ออฟ เอเชีย อารีน่า กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อเดือนที่ผ่านมา
แน่นอนว่าไฟต์นี้ก็ดราม่าไม่แพ้ครั้งก่อน เมื่อนักชกเจ้าถิ่นชาวฟิลิปปินส์ฟาดลูกเตะเข้าที่ขาของ อัลวาเรซ จนทำให้เขาร่วงลงไปบนผืนผ้าใบ และเกือบที่จะเพลี่ยงพล้ำ
โฟลายัง ได้ทีตามลงไปบนพื้น แล้วอัดด้วยหมัดอย่างไม่ยั้ง แต่จอมอึดชาวอเมริกันกลับไม่สะทกสะท้านเท่าไหร่ แถมฉวยจังหวะพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นต่อ ก่อนจะจับคู่ต่อสู้ล็อกด้วยท่า Rear-Naked Choke จนนักสู้เจ้าถิ่นต้องยอมแพ้ในที่สุด
“มันคือการต่อสู้ในแบบฉบับของ Underground King”
“โดนอัดสักหน่อย แล้วรับมือกับความบาดเจ็บและอุปสรรคต่างๆ จากนั้นก็หาทางกลับมาสู่เกม โฟกัสกับสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วก็หาทางเอาชนะ”
ตอนนี้ อัลวาเรซ กำลังโฟกัสเพื่อหาทางเอาชนะ อาร์สลานาลิเอฟ ในศึก ONE: CENTURY Part I
ถ้าเขาทำสำเร็จ เขาจะนั่งแท่นแชมป์โลก ONE เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นไลต์เวต พร้อมคว้าโอกาสขึ้นท้าชิงกับแชมป์โลก ONE รุ่นไลต์เวตอย่าง “The Warrior” คริสเตียน ลี
นั่นอาจเป็นฝันที่เป็นจริงของ “The Underground King” และไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันจะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเขาในบ้านแห่งศิลปะการต่อสู้แห่งนี้อีกด้วย
โตเกียว | 13 ตุลาคม | ONE: CENTURY | ทีวี: ตรวจสอบวัน-เวลาออกอากาศจากสถานีโทรทัศน์ในประเทศ | บัตรเข้าชม: http://bit.ly/onecentury19
ONE: CENTURY คือศึกชิงแชมป์โลกศิลปะการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ซึ่งมีแชมป์โลก 28 คนจากหลากหลายศิลปะการต่อสู้ขึ้นเวที ไม่มีองค์กรใดที่เคยจัดอีเวนต์ชิงแชมป์โลกแบบเต็มสเกลถึง 2 ศึกในวันเดียวกันมาก่อนในประวัติศาสตร์
วัน แชมเปียนชิพ เตรียมสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ด้วยการชิงแชมป์โลกมากมาย รอบชิงชนะเลิศทัวร์นาเมนต์ เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ 3 คู่ และแชมป์โลกปะทะแชมป์โลกอีกมากมาย ในสังเวียน เรียวโงกุ โกกุงิกัง กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น วันที่ 13 ตุลาคมนี้