“แดนนี คิงกาด” หลุดพ้นด้านมืดด้วยศิลปะการต่อสู้
นักสู้ผู้เข้าถึงรอบตัดเชือก ONE เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นฟลายเวต “The King” แดนนี คิงกาด โชว์ฟอร์มสุดยอดก่อนส่งเขาเป็นฮีโร่ของชาวฟิลิปปินส์นับล้าน รวมถึงเป็นที่ชื่นชอบของแฟนทั่วโลก
แต่ดูเหมือนว่านักสู้วัย 23 ปี ซึ่งจะขึ้นสังเวียนกับ “The Lightning” รีซ แม็คลาเรน ในศึก ONE: DAWN OF HEROES วันที่ 2 สิงหาคมนี้ เขาไม่ได้มีช่วงวัยรุ่นที่สวยหรูนัก
https://www.facebook.com/ONEChampionship/videos/685525931896819/
“ชีวิตในวัยเด็กของผมไม่ค่อยมีความสุข เพราะว่าพ่อผมเสียชีวิตและผมก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไร”
“ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก พ่อยังดูแข็งแรงอยู่เลย แต่เมื่อไปถึงโรงพยาบาล พวกเราแทบช็อกเมื่อรู้ว่าเขาเป็นมะเร็งระยะที่ 4 แล้ว”
“มันเป็นเรื่องยากที่ต้องใช้ชีวิตโดยที่ไม่มีพ่อ เขาเป็นทุกอย่างสำหรับผม เราสนิทกันมาก ผมตามเขาไปทุกที่ แล้วจู่ๆ เขาก็จากผมไปอย่างไม่มีวันกลับ”
“ด้วยวัยเพียงเท่านั้น ผมรู้สึกโดดเดี่ยวมากที่บ้าน ไม่มีใคร ไม่มีพ่อให้คอยอีกแล้ว”
https://www.facebook.com/ONEChampionship/videos/2369484326623827/
แม่ของเขาพยายามอย่างหนักเพื่อทำให้ครอบครัวเป็นปึกแผ่น แต่ความบอบช้ำทางจิตใจก็เล่นงานลูกชายคนเล็กจากทั้งหมด 6 คนอย่างหนัก เพราะเมื่อไร้พ่อ เขาก็เอาชีวิตไปสู่ด้านมืด
“ผมจะกลับบ้านก็ต่อเมื่อผมอยากกลับ และส่วนใหญ่ผมอยู่กับเพื่อนตลอด”
“มันส่งผลต่อการเรียนและต่อชีวิต พวกเราดื่มเหล้าเมาทั้งวัน ผมต้องเรียนซ้ำชั้น เพราะผมไม่เข้าเรียนเลย”
“เราเข้าเมืองเพื่อหาเงิน นั่นคือสิ่งที่เราทำตอนไม่ไปโรงเรียน เราเก็บขวดพลาสติกเอาไปขาย หาเงินซื้ออาหาร และบางส่วนก็เอาไปซื้อเหล้ามาดื่มกัน”
https://www.facebook.com/ONEChampionship/videos/743624322738976/
“ผมมีเรื่องต่อยตีเป็นประจำ ตอนที่ผมเมากับเพื่อนๆ มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เราจะมีเรื่องกับชาวบ้านเขาไปทั่ว เพราะว่ามันถูกกระตุ้นอารมณ์ได้ง่ายมากๆ และเราก็ถูกลากเข้าไปอยู่ในการต่อสู้”
“เรายังต่อยกันเองด้วยซ้ำ เวลาเมาๆ”
จากนั้นในปี 2012 เมื่อพี่ชายคนโต “แดนเต้” เดินทางกลับจากทำงานที่ประเทศเกาหลี เขาถูกพากลับสู่อ้อมอกของครอบครัวอีกครั้ง
แดนเต้ เคยเป็นนักมวยสมัครเล่นในจังหวัด ก่อนที่จะบินไปทำงานในโรงงานของเล่นที่ต่างประเทศ สมัย แดนนี มีอายุเพียง 4 ขวบ เมื่อกลับมาบ้านเกิด เขาจึงได้แนะนำให้น้องชายคนสุดท้องเดินตามรอยเท้าของเขา และมันได้เปลี่ยนชีวิตเขาโดยสิ้นเชิง
https://www.facebook.com/ONEChampionship/videos/1270922776406362/
“ตอนที่พี่ชายผมกลับมา ผมก็ได้รู้จักกับศิลปะการป้องกันตัว”
“ทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไป ผมห่างไกลจากของมึนเมา สิ่งไม่ดี และทำให้ผมมีระเบียบวินัย มันส่งผลอย่างมากต่อชีวิต ทำให้ผมแยกแยะถูกผิด และเรียนรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต”
ความปรารถนาในศิลปะการต่อสู้นำเขาไปสู่ Team Lakay สถานที่ซึ่งเขาเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สอง และมีเพื่อนร่วมทีมซึ่งเขาสามารถเรียกได้ว่าเป็นพี่น้อง
ถึงตอนนี้เขามีสถิติศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน 12-1 และถือเป็นนักสู้ที่น่าตื่นเต้นเร้าใจ ซึ่งหากในวันที่ 2 สิงหาคมนี้ เขาได้รับชัยชนะเหนือ แม็คลาเรน จะส่งให้เขาเข้าสู่ไฟต์สำคัญที่สุดในชีวิตกับการชิงชัยใน เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รอบชนะเลิศ ซึ่งจะจัดขึ้นในศึก ONE:CENTURY เดือนตุลาคมนี้