“โจชัว พาซิโอ” ชนะความอ้วนด้วยศิลปะการต่อสู้
สุขภาพของ “The Passion” โจซัว พาซิโอ คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาหันมาออกกำลังกายและผลักดันตัวเองให้เข้าสู่เส้นทางอาชีพนักสู้ เมื่อเขายิ่งฝึกฝนและแข่งขันมากครั้งขึ้นเรื่อยๆ ก็ยิ่งหลงรักในกีฬาชนิดนี้และเริ่มที่จะมองเห็นประโยชน์นอกเหนือจากแค่เป้าหมายการลดน้ำหนักเพียงอย่างเดียว
ช่วง 10 ปีให้หลัง พาซิโอ กลายเป็นแชมป์โลก ONE รุ่นสตรอว์เวต และจะขึ้นป้องกันเข็มขัดในศึก ONE: MASTERS OF FATE กับ “The Challenger” เรเน คาตาลัน ในวันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายนนี้ ที่มะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์
ก่อนที่เขาจะก้าวสู่ช่วงวัยรุ่น พาซิโอ ไม่มีแววการเป็นซูเปอร์สตาร์ศิลปะการต่อสู้เลยแม้แต่น้อย หากย้อนกลับไป น้ำหนักของเขาพอที่จะลงแข่ง วัน แชมเปียนชิพ รุ่นเฟเธอร์เวต ซึ่งนับเป็นสามรุ่นที่สูงกว่ารุ่นที่เขาแข่งขันในปัจจุบันด้วยซ้ำ
“นั่นเป็นช่วงที่ผมหนักที่สุด ตอนอายุ 10 ขวบ ผมหนัก 69 กิโลกรัม ผมหนักเกินไปจริงๆ เมื่อผมยืน ผมไม่สามารถมองเห็นเท้าของผมเพราะพุงผมใหญ่มาก”
พาซิโอ เชื่อว่ามันเป็นผลมาจากพันธุกรรม แต่เขาก็ยอมรับว่านิสัยการกินของเขายิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลง
“ฝั่งครอบครัวทางพ่อ มีประวัติเกี่ยวกับโรคเบาหวาน ดังนั้นแม้ว่าจะกินเพียงเล็กน้อย มันก็เหมือนกับว่า อ้วนขึ้นมาทันที ก่อนหน้านี้ผมกินเยอะมากจริงๆ วันละ 6 มื้อได้ ผมจะไม่พลาดอาหารเช้า อาหารว่างตอนเช้า อาหารกลางวัน อาหารว่างตอนบ่าย อาหารเย็น และของว่างยามดึก”
- “เรเน คาตาลัน” เผยสาเหตุรับดวล “โจชัว พาซิโอ
- ย้อนชม 5 สุดยอดน็อกเอาต์ของนักสู้ในศึก ONE: MASTERS OF FATE
- “โจชัว พาซิโอ” เผยการป้องกันแชมป์โลกครั้งนี้เป็นความเหมือนที่แตกต่าง
นักสู้จากแดนตากาล็อกคนนี้ บอกว่าเขาโชคดีที่ได้ไปโรงเรียนซึ่งไม่ถูกรังแก แต่เขาไม่มั่นใจที่จะคุยกับใครเพราะบุคลิกของเขา ซึ่งวิธีการแก้ปัญหาของเขาก็คือ ศิลปะการต่อสู้
ลุงของเขาเป็นอดีตนักกีฬา ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนให้เขาลองฝึกคิกบ็อกซิ่งและมวยไทย เพื่อทำให้สุขภาพเขาดีขึ้น แต่เมื่อเริ่มต้นแล้วเขาก็ไม่กลับไปมีชีวิตแบบเดิมอีกเลย
“ลุงให้ผมใช้ศิลปะการต่อสู้เพื่อการออกกำลังกาย ไม่ใช่เพื่อการแข่งขัน ผมเริ่มต้นจากการวิ่งและวิดพื้น และผมยังออกกำลังด้วยการยกน้ำหนักอีกด้วย นั่นเป็นการฝึกครั้งแรกของผม วันรุ่งขึ้นร่างกายของผมปวดร้าวมากจนผมอยากจะนอน แต่ความรู้สึกนั้นเป็นแรงบันดาลใจ ผมสนุกกับความเจ็บปวดที่ผมได้จากการฝึกฝน หลังจากนั้นน้ำหนักผมก็ลดลง”
การทุ่มเทของเขา มันส่งผลทั้งด้านร่างกายและจิตใจ เมื่อเขาเริ่มเข้าเรียนในระดับมัธยม ปัญหาความมั่นใจของเขาก็หมดไป และทำให้เขากล้าพูดคุยกับคนอื่นและมองหาเพื่อนใหม่ๆ
หลังจากพาซิโอเริ่มฝึกฝนมวยไทยเป็นประจำ เขาได้มีประสบการณ์ครั้งแรกกับการแข่งขันบนเวที แม้ว่าจะไม่ประสบความสำเร็จโดยตลอด แต่เขาก็ไม่เคยคิดที่จะยอมแพ้
“เมื่อคุณเข้าสู่ศิลปะการต่อสู้ ชีวิตของคุณจะเปลี่ยนไปอย่างมาก นั่นรวมถึงแรงบันดาลใจของคุณด้วย ศิลปะการต่อสู้จะกระตุ้นตัวเรา ซึ่งนั่นเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดต่อการผลักดันให้เราไปในที่ที่ต้องการได้”
ความคิดนั้นพาเขาก้าวสู่ความท้าทายใหม่ในฐานะนักกีฬาการต่อสู้แบบผสมผสาน และเขากลายเป็นหนึ่งในนักสู้ที่มีความสามารถมากที่สุดในโลกด้วยวัยเพียง 23 ปี
“แน่นอน แม้ว่าคุณจะไม่ใช่นักกีฬา แต่คุณก็ต้องมีสุขภาพที่แข็งแรง การออกกำลังกายและการทานเพื่อสุขภาพ หากคุณต้องการมีชีวิตอยู่ไปหลายๆ ปี คุณจะต้องอยู่อย่างมีสุขภาพดี ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ไม่ว่ากิจกรรมประจำวันของคุณคืออะไร ไม่ว่าทัศนคติของคุณจะเป็นอย่างไร มันจะสะท้อนออกมาในร่างกายของคุณ”
นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องละอาหารที่คุณโปรดปรานทั้งหมด พาซิโอ ยังคงสนุกกับอาหารจานโปรด แต่ความพอประมาณคือคติพจน์ของเขา
“แน่นอน ถ้าคุณรู้ว่าจะไม่มีไฟต์แข่งขัน ก็ต้องหาความสุขให้ตัวเองบ้าง แต่อย่าทำบ่อยเกินไป ผมสามารถกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ได้ สัปดาห์ละครั้งเท่านั้น แต่ถ้าไม่มีการแข่งขัน อาจจะหนึ่งหรือสองครั้งต่อสัปดาห์”
อ่านเพิ่มเติม: 3 คู่ที่อาจขโมยซีนในศึก ONE: MASTERS OF FATE
MASTERS OF FATE | กรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์ | 8 พฤศจิกายน 2562 | ONE Super App ยิงสด 17.30 น. | ไทยรัฐทีวี ช่อง 32 เวลา 22.30 น. | บัตรเข้าชม: http://bit.ly/onefate19