ใจเธอแกร่งจนน่ากราบ “Strong Heart” กับชีวิตที่เจ็บมาเยอะ
สมญา “นักสู้หัวใจแกร่ง” ของ “Strong Heart” อิตซูกิ ฮิราตะ ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย มันบ่งบอกถึงตัวตนของเธอที่มีใจเข้มแข็ง ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ ไม่ว่าจะหนักหนาสาหัสเพียงไหน ซึ่งเธอเผชิญกับมันก่อนที่จะจบมัธยมปลายเสียอีก
ย้อนกลับไปสมัยที่ อิตซูกิ อายุ 6 ขวบ เธอหายใจเข้าออกเป็นยูโด วันไหนที่ไม่ต้องไปโรงเรียน เธอก็จะขลุกอยู่ในสำนักยูโดทั้งวัน และฝันว่าสักวันเธอจะได้เป็นตัวแทนแข่งขันยูโดโอลิมปิก
น่าเศร้าที่ความมุ่งมั่นนั้นกลับบ่อนทำลาย การฝึกฝนจนเกินระดับที่ร่างกายเด็กวัยรุ่นจะรับไหว ทำให้เธอได้รับความบาดเจ็บจนต้องพักไปร่วม 2 ปี
ตอนที่เธออายุ 15 เรียนอยู่ระดับชั้นมัธยมต้น ระหว่างที่เธอฝึกทุ่มกับคู่ซ้อม ก็เกิดอุบัติเหตุที่หัวเข่าซ้าย เธอต้องใช้ผ้ารัดไว้และรอให้มันหายบวม ก่อนที่จะทำ MRI เพื่อแสกนหาต้นตอ
สองสัปดาห์ถัดมา คุณหมอแจ้งข่าวร้ายว่า เธอมีอาการเอ็นไขว้หน้าหัวเข่าฉีกขาด (ACL) เธอรู้ได้ทันทีว่าอาการแบบนี้ต้องรับการผ่าตัดและใช้เวลาพักฟื้นหลายเดือน
สองเดือนให้หลัง เธอเข้ารับการผ่าตัดอีกครั้ง และใช้เวลาพักฟื้นอยู่โรงพยาบาลกว่าสามสัปดาห์ และต้องทำกายภาพบำบัดอีกหนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น ดูเหมือนว่าเส้นทางสู่ความฝันที่ปรารถนามาทั้งชีวิตเหมือนจะเจอทางตัน
“การทำกายภาพบำบัดนั้นยากและเจ็บมาก ตอนแรกฉันไม่อยากทำมันเลย ฉันอยากเล่นยูโดแต่ก็เล่นไม่ไหว เลยได้แต่มองคนอื่น”
จากมุมมองวัยรุ่น ช่วงเวลาที่ห่างหายจากการฝึกยูโดดูยาวนานราวชั่วกัปกัลป์ แต่ “Strong Heart Fighter” ก็ผ่านขั้นตอนการรักษาตัวมาได้ เธอกลับมาฝึกแบบเบาๆ หลังจากทิ้งช่วงมากว่า 8 เดือน และกลับมาฝึกแบบเต็มรูปแบบในปีถัดมา
- หัวใจเขามันหล่อมาก “เพชรมรกต” ตอบแทนบุญคุณและช่วยเหลือสังคม
- “อิตซูกิ ฮิราตะ” นักสู้สาวแดนซากุระที่อาจทำให้หนุ่มไทยใจละลาย
- “ไนเรน ครอว์ลีย์” มาเพื่อพิสูจน์ตัวเองในแดนอิเหน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอได้กลับมายืนบนเบาะ เธอต้องผิดหวังเมื่อพบว่าฝีมือของเธอทื่อหมดแล้ว
“ฉันสูญเสียพลังใจและความรู้สึกที่มีต่อยูโด การต้องรื้อฟื้นความรู้สึกเดิมๆ ขึ้นมาใหม่หลังจากไม่ได้เล่นมาเป็นปีๆ เป็นอะไรที่ยากลำบากมาก”
“ดูเหมือนฉันจะลืมไปหมดทุกอย่าง ทั้งการฝึกทุ่มและเกมภาคพื้น รู้สึกเหมือนตัวเองต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่อีกครั้งเลยค่ะ”
แต่นั่นไม่ได้ทำให้ อิตซูกิ ย่อท้อ เธอพยายามอย่างหนักที่จะเคาะสนิมที่ติดตามตัวออก เพื่อให้พรสวรรค์กลับมาเปล่งประกาย นำพาเธอไปสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ให้ได้
แต่แล้วเธอก็ต้องถึงคราวเคราะห์อีกครั้ง เธอประสบอุบัติเหตุบาดเจ็บที่เข่าขวา แต่ครั้งนี้เธอตัดสินใจไม่เข้ารับการผ่าตัด เพราะกลัวว่าจะต้องเสียเวลาไปอีกหนึ่งปี มันช่วยไม่ได้จริง เพราะเธอไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
“ทีแรกมันไม่ได้เจ็บเท่าไหร่ แต่พอไปตรวจที่โรงพยาบาลก็พบว่ามันเป็นอาการ ACL ค่ะ”
“หัวเข่าฉันหลวม มันอาจจะหลุดออกมาระหว่างการฝึกได้ ในที่สุดฉันจึงเข้ารับการผ่าตัดหัวเข่าข้างขวาอีก”
หลังจากอยู่ทำกายภาพบำบัดอันแสนทรมานทรกรรมอีกปี อิตซูกิ ก็เลื่อนขึ้นชั้น ม.ปลาย และเริ่มต้นไล่ตามความฝันในการฝึกยูโดอีกครั้ง
เคราะห์ซ้ำกรรมซัด นักศิลปะการต่อสู้สาวสังเกตเห็นความผิดปกติที่เข่าขวาตอนที่เธออยู่ ม.5 และผลการสแกนรอบสองก็บ่งชี้ว่าหมอนรองข้อเข่าของเธอเสียหาย แม้อาการนี้จะรักษาได้ง่ายๆ ด้วยการผ่าตัด และพักฟื้นอยู่โรงพยาบาลแค่สัปดาห์เดียว แต่การทำกายภาพบำบัดหลังจากนั้นก็ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่าครึ่งปี
ในที่สุด “Strong Heart Fighter” ก็ตัดสินใจยอมแพ้กับอุปสรรคที่ขวางหน้าทั้งหลาย ทิ้งความฝันที่อยากจะเป็นนักกีฬายูโดลงแม่น้ำ
“ทั้งอาการบาดเจ็บ และการทิ้งช่วงไม่ได้ฝึก ทำให้ฉันเลิกคิดเรื่องโอลิมปิกไปเลย และความกลัวก็ทำให้ฉันเลิกชอบยูโดไปด้วย”
ถึงกระนั้น อิตซูกิ ก็ไม่ได้สูญเสียไฟนักสู้ และอยากที่จะใช้ทักษะที่ตนมีกับกีฬาอย่างอื่นที่ไม่ใช่ยูโด ไม่นานเธอก็ค้นพบกีฬาชนิดใหม่ และก่อนที่เธอจะได้เริ่มสวมนวมฝึก เธอก็คิดไปถึงการลงแข่งเสียแล้ว
“ตอนนั้นฉันเริ่มดูการแข่งศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน และอยากทำแบบนั้นบ้าง ฉันก็เลยเปลี่ยนแผนชีวิตใหม่”
“ฉันมองว่ามันน่าสนุกดี การเดินเปิดตัวและการแข่งขัน อย่างกับว่าคุณสามารถสู้ยังไงก็ได้ ถ้าเป็นยูโด จะมีกฎกติกาเคร่งครัดกว่าเยอะ และถึงคุณชนะขึ้นมาคุณก็ไม่สามารถฉลองชัยชนะได้สุดเหวี่ยงแบบเดียวกัน ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานจึงเป็นอะไรที่ดูว้าวสำหรับฉันมาก”
เธออาศัยอยู่ใกล้กับยิม K-Clann เธอจึงเข้าคลาสได้ทันทีหลังเลิกเรียน ทักษะยูโดที่ติดตัวมามีส่วนช่วยให้เธอปรับตัวสู่กีฬาใหม่ในสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้น”
“Strong Heart Fighter” จ้องหาโอกาสทดสอบตัวเองให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ และเมื่อเธอได้ลงแข่งขัน เธอก็สร้างสถิติชนะรวดทุกนัดด้วยซับมิชชัน และได้เข้าบรรจุเข้าเป็นนักกีฬาของ วัน แชมเปียนชิพ
จิตใจนักสู้และกรอบความคิดที่ช่วยให้เธอฝ่าฝันอุปสรรคมากมายสมัยเป็นนักยูโด มีส่วนช่วยในการขัดเกลาให้เธอกล้าแกร่ง ไม่หวั่นเกรงย่อท้อต่อสิ่งใด แม้เธอจะก้าวขึ้นมาอยู่บนเวทีศิลปะการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอันเต็มไปด้วยความกดดันก็ตาม
แต่เธอกลับยกเครดิตทั้งหมดนี้ให้แก่พ่อแม่และพี่ชายที่คอยสนับสนุนให้เธอข้ามผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากเสมอมา ไม่ว่าจะเป็นตอนนั้นหรือตอนนี้
พวกเขาคอยดูแลเธอยามเข้าโรงพยาบาล และตอนนี้ยังทำอาหารหลังฝึกซ้อมให้เธอ เพื่อช่วยในการควบคุมน้ำหนักก่อนจะถึงวันแข่ง ไม่ว่าเธอจะทำอะไร พวกเขาจะคอยสนับสนุน ด้วยความเชื่อมั่นว่าเธอจะต้องทำมันสำเร็จแน่นอน
“ครอบครัวของฉันคือทีมสนับสนุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”
“คำแนะนำของฉันคือ จงอย่าลืมว่าใครที่คอยสนับสนุนคุณอยู่เสมอ จงสำนึกบุญคุณของครอบครัว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ห้ามลืมเป็นอันขาด”
อ่านเพิ่มเติม: “ไนเรน ครอว์ลีย์” มาเพื่อพิสูจน์ตัวเองในแดนอิเหนา