“ไนเรน ครอว์ลีย์” ยอมสละงานที่มั่นคง มุ่งสู่เส้นทางนักสู้
นักร้องอิสระเจ้าของปริญญาด้านการสื่อสาร ดูแล้วไม่น่าจะใช่โพรไฟล์ที่เข้ากันได้กับการเป็นสู้เลยแม้แต่น้อย แต่ “Neutron Bomb” ไนเรน ครอว์ลีย์ นั้นไม่ใช่นักกีฬาแบบทั่วๆ ไป
ก่อนที่เราจะได้เห็นเธอเปิดตัวใน วัน แชมเปียนชิพ วันที่ 7 กุมภาพันธ์นี้ ที่กรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย กับนักสู้จอมแกร่งจากแดนซากุระ “Strong Heart Fighter” อิตซูกิ ฮิราตะ ในศึก ONE: WARRIOR’S CODE เราจะพาไปทำความรู้จักนักสู้วัย 30 ปีผู้นี้ให้มากขึ้น
สปอร์ตเกิร์ล
ไนเรน เกิดและเติบโตขึ้นมาที่ อีสต์ ออคแลนด์ ประเทศนิวซีแลนด์ เธอชื่นชอบการเล่นกีฬามาตั้งแต่เป็นวัยรุ่น โดยมีจุดเริ่มจากครอบครัวที่ชอบเล่นกีฬาเป็นประจำ
เธอมีความสามารถด้านกีฬาหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นเน็ตบอล, วิ่ง รวมไปถึงรักบี้ ถึงขั้นคว้าเหรียญทองการแข่งขันยกน้ำหนักระดับประเทศเมื่อปี 2008 มาแล้วด้วย
“สำหรับฉันแล้ว การโตขึ้นมาที่นิวซีแลนด์นั้นมีแต่เรื่องที่เกี่ยวกับกีฬาตลอดทั้งวันและทุกๆ วัน ฉันกลายมาเป็นนักกีฬาในระดับแข่งขัน ซึ่งนั่นแหละเป็นที่มาของนิสัยชอบการแข่งขันของฉัน”
แม้ว่าเธอจะรักในการร้องเพลงในเวลาว่าง แต่สิ่งที่เธอโฟกัสนอกเหนือจากเรื่องกีฬาแล้วก็คือการศึกษา อันที่จริงแล้วเธอเข้าเรียนที่มหาวิทยาเทคโนโลยีออคแลนด์ และจบปริญญาตรีในสาขาการสื่อสาร
“ส่วนใหญ่ฉันทำงานด้านผลิตรายการโทรทัศน์ และเป็นนักข่าวบ้าง ฉันตั้งใจจะไปต่อในอุตสาหกรรมสื่อ หรือไม่ก็จะใช้วุฒิของฉันในการหางานดีๆ ทำ สุดท้ายฉันก็ได้มาทำงานกับรัฐบาลของนิวซีแลนด์”
ไม่มีอะไรเทียบการต่อสู้
ไนเรน วางแผนการใช้ชีวิตอย่างสบายๆ โดยเธอได้รับค่าตอบแทนสูง และยังได้เล่นกีฬาในยามว่าง
จากนั้นไม่นานชีวิตของเธอก็มาถึงจุดเปลี่ยน ขณะที่เธอกำลังเตรียมตัวสำหรับแมตช์รักบี้ที่ใกล้เข้ามา เธอได้หลงเข้าไปในกลุ่มนักศิลปะการต่อสู้ ซึ่งช่วยเหลือเธอในการเรียกความฟิตสำหรับการแข่งขันที่รออยู่ข้างหน้า
“ฉันเป็นตัวแทนทีมชาติเพื่อเข้าร่วมแข่งแท็กรักบี้”
“เพื่อนของฉันแนะนำมาว่าให้ลองเข้าบู๊ตแคมป์เพื่อเรียกความฟิต ฉันก็ไปลองดู และก็ได้เจอกับนักสู้เต็มไปหมดที่นั่น”
“ที่บู๊ตแคมป์มันบ้าคลั่งมาก ทุกอย่างเข้มข้น ยิ่งฉันไปที่บู๊ตแคมป์มากเท่าไหร่ พวกครูฝึกก็ยิ่งชวนให้ฉันไปที่ยิมมากขึ้นเท่านั้น ฉันตอบตกลง และเมื่อได้เริ่มต้นฝึกซ้อม มันเหมือนกับยาเสพติด ฉันติดมันงอมแงมเลยทีเดียว”
- “ไนเรน” มาเพื่อพิสูจน์ตัวเองในแดนอิเหนา
- “อิตซูกิ ฮิราตะ” นักสู้สาวแดนซากุระที่อาจทำให้หนุ่มไทยใจละลาย
- ใจเธอแกร่งจนน่ากราบ “Strong Heart” กับชีวิตที่เจ็บมาเยอะ
พื้นฐานการเป็นนักกีฬา ทำให้เธอพัฒนาการอย่างรวดเร็ว
เพียงแค่หกเดือนหลังจากนั้น เธอก็ขึ้นประเดิมเวทีการต่อสู้แบบผสมผสาน ความตื่นเต้นและประสบการณ์ที่เธอได้รับในค่ำคืนนั้นยิ่งเป็นแรงผลักดันให้เธออุทิศเวลาไปกับการฝึกซ้อม
“ฉันถึงกับเลิกเล่นกีฬาชนิดอื่นๆ ไปเลย ซึ่งอาจทำให้หลายคนไม่ค่อยแฮปปีนัก แต่นั่นแหละคือการเข้าสู่วงการของฉัน มันเป็นไปอย่างต่อเนื่องทันทีหลังจากไฟต์แรก นับตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา”
“ศิลปะการต่อสู้เป็นเพียงสิ่งแรกและสิ่งเดียวที่เผยให้คุณเห็นจุดอ่อนของตัวเอง และมันทำให้คุณอยากที่จะพัฒนาตัวเองให้เป็นคนที่ดีขึ้น เป็นนักสู้ที่เก่งขึ้น ทุกๆ อย่าง”
ไม่นานหลังจากที่เธอเริ่มฝึกซ้อมที่ Auckland MMA และ Wild Stables ไนเรส ก็ตัดสินใจลาออกจากงาน ก่อนที่จะมุ่งหน้าสู่ประเทศไทยเพื่อสานต่อความฝันใหม่ของเธอ
การคัดค้านจากพ่อแม่
ไนเรน ทิ้งงานที่ทำกับรัฐบาล เพื่อที่จะไปต่อในเส้นทางนักสู้แบบผสมผสาน แต่ดูเหมือนว่าการก้าวไปยังโลกที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน อาจจะเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสเท่าที่เธอจะสามารถเจอได้ในช่วงเริ่มต้นอาชีพ
มันเป็นความรู้สึกที่ยุ่งยากทีเดียวเมื่อถึงเวลาที่เธอจะต้องบอกกับแม่และพ่อถึงแผนการใหม่ในชีวิต
“ความท้าทายครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับฉัน คือการโน้มน้าวให้พ่อแม่ลงเรือลำเดียวกัน”
“ครอบครัวของฉันรักและสนับสนุนฉันมาตลอด แต่ฉันคิดว่าการต่อสู้มันอาจจะเป็นเรื่องที่เกินไปหน่อยสำหรับพวกเขา สำหรับฉันแล้วพวกเขาต่างก็มีความฝันและแผนการเป็นของตัวเอง พวกเขาต้องการสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับฉัน พวกเขาคงไม่ได้มองว่าฉันจะต้องไปขึ้นเวทีต่อสู้หรอก”
น้องสาวของเธอ “เชรี” ซึ่งใช้ชื่อในวงการว่า “ดาโกตา ไค (Dakota Kai)” ได้เซ็นสัญญากับ World Wrestling Entertainment ไปแล้ว พ่อแม่จึงอาจปรับตัวเข้ากับอาชีพการงานของลูกๆ ที่ไม่เหมือนกับชาวบ้านได้ง่ายขึ้น
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ ไนเรน ได้ทำให้พ่อแม่เลิกกังวลเกี่ยวกับเส้นทางสายอาชีพของเธอ ถึงขั้นโน้มน้าวให้พวกเขาไปชมการแข่งขันของเธอที่นิวซีแลนด์ ก่อนที่จะย้ายไปยังประเทศไทย
“ยิ่งฉันคว้าชัยชนะได้มากขึ้น ฉันก็ยิ่งทำให้พวกเขามั่นใจว่าฉันไปได้สวย พวกเขาก็ยิ่งเห็นด้วยกับฉัน”
“พวกเขายังคงจุกจิกเล็กน้อยเมื่อเห็นฉันได้รับบาดเจ็บ หรือเมื่อฉันเอาภาพตอนตาเขียวให้พวกเขาดู การทำให้พวกเขาเห็นดีเห็นงามกับฉันจึงเป็นความท้าทายที่ยากที่สุด”
เรื่องเซอร์ไพรส์
ช่วงต้นปี 2018 ไนเรน ย้ายที่อยู่ใหม่อีกครั้ง คราวนี้ไปอยู่ที่อินโดนีเซีย ซึ่งเธอได้เริ่มต้นฝึกซ้อมการต่อสู้เคียงข้างกับเหล่านักสู้จอมเก๋าของ ONE ที่ Bali MMA
ไม่นานหลังจากย้ายมาที่นี่ นักสู้สาวกีวีก็ไปสะดุดกับข้อความทางออนไลน์เกี่ยวกับการแข่งขัน ONE Warrior Series (OWS) ซึ่งกำลังมองหานักสู้หน้าใหม่ และนั่นทำให้เธอรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที
“ฉันไม่ได้อยู่ที่บาหลีนานนักหรอก บางทีอาจจะแค่สองเดือนเท่านั้น จากนั้นโอกาสก็เข้ามาหา”
“ที่จริงแล้วฉันเห็นมันผ่านทางออนไลน์ แต่ก็ไม่ได้คิดที่จะเข้าร่วมการแข่งขันหรอก เพราะว่ามันจัดที่จาการ์ตา และฉันก็ไม่มั่นใจนักว่าจะมีเงินพอซื้อตั๋วเดินทางไปแข่งหรือเปล่า”
“ฉันเอาเรื่องนี้ไปคุยกับเทรนเนอร์ จากนั้นสองสัปดาห์ต่อมา พวกเขาก็เรียกฉันไปคุย หัวหน้าโค้ชบอกว่า ‘เราจะทำให้เธอพร้อมสำหรับการคัดตัวที่จะมีขึ้นในอีกสองสัปดาห์ และตั๋วเดินทางก็ได้มาเรียบร้อย’ พวกเขาจัดการทุกอย่างให้ฉัน โดยไม่ได้บอกให้ฉันรู้ก่อนเลยด้วย”
ความพยายามของโค้ชได้ผล เมื่อ ไนเรน ได้รับคัดเลือกให้เข้าแข่งขันใน OWS เธอคว้าชัยชนะได้สองครั้ง โดยชนะคะแนนอย่างเป็นเอกฉันท์เหนือ “โซ ยูล คิม” ในคู่ปิดท้ายของซีซั่น 1 เมื่อเดือนมีนาคม และ ซับมิชชัน “อานิตา คาริม” ในยกสองของคู่ปิดท้ายมิดซีซั่น 2 เมื่อเดือนกรกฎาคม
จากชัยชนะสองครั้งนั้นส่งให้เธอได้เซ็นสัญญากับ วัน แชมเปียนชิพ และกลายเป็นนักสู้สาวคนแรกจากแดนกีวีที่ได้ขึ้นสังเวียนแห่งนี้
“Nuetron Bomb” กำลังจะสร้างชื่อให้กับตัวเองวันที่ 7 กุมภาพันธ์นี้ โดยชิงดีกับนักสู้สาวจากแดนซามูไร เจ้าของสถิติไร้พ่าย “อิตซูกิ ฮิราตะ” ในศึก ONE: WARRIOR’S CODE นี่จะเป็นไฟต์ที่อาจทำให้เธอเดินหน้าต่ออีกก้าวเพื่อเข้าใกล้ความฝันอันยิ่งใหญ่
“เป้าหมายของฉันเมื่อเดินทางออกมาจากนิวซีแลนด์ คือการเป็นแชมป์โลกภายในสองปี ดังนั้นฉันจึงตั้งใจฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อให้ได้มันมา และคงมีความสุขมากหากได้ครองเข็มขัดแชมป์โลกของ วัน แชมเปียนชิพ”
อ่านเพิ่มเติม: “ไนเรน ครอว์ลีย์” เสียบแทน “บิ เหงียน” เจอ “อิตซูกิ ฮิราตะ”