10 นักกีฬา ONE ที่มาจากครอบครัวนักศิลปะการต่อสู้
นักสู้ระดับโลกของ วัน แชมเปียนชิพ ต่างอุทิศชีวิตเพื่อแสวงหาความยิ่งใหญ่ พวกเขาล้วนเผชิญกับบททดสอบสุดหินมากมายระหว่างการเดินทางสู่ความสำเร็จ การได้รับแรงสนับสนุนอย่างเต็มที่จากครอบครัวจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง
นักกีฬาที่มีพ่อแม่เป็นนักศิลปะการต่อสู้อยู่แล้ว ยิ่งทำให้พวกเขาได้เปรียบในแง่ของการชี้นำ และพัฒนาศักยภาพได้มากยิ่งขึ้น และนี่คือ 10 นักกีฬาชื่อดังบนสังเวียน วัน แชมเปียนชิพ ที่ได้รับอิทธิพลจากครอบครัวที่มีพื้นฐานด้านศิลปะการต่อสู้
#1 แสตมป์ แฟร์เท็กซ์
เส้นทางสู่โลกแห่งศิลปะการต่อสู้ของ “แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” แชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นอะตอมเวต เริ่มต้นตั้งแต่สมัยเธออยู่ชั้นอนุบาล อายุเพียง 5 ขวบ ด้วยการเห็นพ่อและลูกพี่ลูกน้องซ้อมมวยอยู่ที่ค่ายเล็กๆ ของครอบครัว
ประกอบกับการถูกเพื่อนที่โรงเรียนรังแก จึงทำให้เธอตัดสินใจฝึกฝนมวยไทยอย่างจริงจังเพื่อป้องกันตัว โดยได้พ่อซึ่งเป็นอดีตนักมวยชื่อ “วิสันต์เล็ก ลูกบางปลาสร้อย” เป็นครูมวยคนแรก และมีลุงช่วยให้คำแนะนำ
จากนั้นชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไปชนิดพลิกฝ่ามือ เมื่อได้รับการสนับสนุนจากค่ายใหญ่อย่างแฟร์เท็กซ์ พัทยา จนทำให้เธอคว้าแชมป์โลก ONE สองประเภทกีฬาการต่อสู้มาครอง แถมยังมองไปถึงเส้นที่สามในกติกาศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานอีกด้วย
#2 แอมเบอร์ คิตเชน
“AK 47” แอมเบอร์ คิตเชน ชีวิตของเธอดังถูกกำหนดให้เป็นนักกีฬาการต่อสู้ โดย “จูลี คิตเชน” แม่ของเธอ ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักกีฬาการต่อสู้หญิงผู้ยิ่งใหญ่ของสหราชอาณาจักร เป็นราชินีของ “ศาสตร์แห่งอาวุธทั้งแปด” ที่กวาดแชมป์โลกมวยไทยมากถึง 14 สมัย และยังเป็นแชมป์ของสหพันธ์คิกบ็อกซิ่งนานาชาติอีกด้วย
ขณะที่ “นาธาน คิตเชน” พ่อของเธอ เป็นเทรนเนอร์ให้กับภรรยา และเจ้าของค่าย Touchgloves Gym
ภายใต้อิทธิพลของพ่อแม่ มวยไทยจึงกลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของ แอมเบอร์ มานานหลายปี เธอครองสถิติไร้พ่ายในรุ่นเยาวชน และเป็นตัวแทนของอังกฤษในการแข่งขันมวยไทยระดับนานาชาติ นอกจากนี้เธอยังคว้าสองเหรียญทองและหนึ่งเหรียญเงินในทัวร์นาเมนต์ของ IFMA และได้เซ็นสัญญากับ วัน แชมเปียนชิพ
#3 ริกะ อิชิเกะ
“Tiny Doll” ริกะ อิชิเกะ เป็นที่รู้จักกันดีในฐานะเจ้าแม่คอสเพลย์ ผู้มีบุคลิกที่น่ารักและอ่อนโยนตามสไตล์สาวลูกครึ่งญี่ปุ่น ซึ่งเธอเป็นเสมือนแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงในแวดวงศิลปะการต่อสู้ทั่วโลก
ริกะ ได้เลือดนักสู้จากพ่อที่เป็นนักยูโดมาเต็มตัว โดยปฏิเสธไม่ได้ว่าพ่อมีอิทธิพลในเส้นทางนักสู้ของเธอ โดยเมื่ออายุ 14 ปี ริกะ ได้เริ่มฝึก ไอคิโด และ คาราเต้ เพื่อเอาไว้ป้องกันตัว
ด้วยการสนับสนุนจากพ่อ ริกะ หันมาฝึกมวยไทยด้วย และกลายเป็นนักศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานหญิงคนแรกของประเทศไทย
เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ “Tiny Doll” สูญเสียคุณพ่อไปด้วยโรคมะเร็งเมื่อ 7 ปีก่อน อย่างไรก็ตาม เธอมุ่งมั่นที่จะสู้ต่อไปเพื่อเป็นเกียรติให้กับผู้เป็นพ่อ ด้วยการเป็นตัวแทนของประเทศไทยในองค์กรศิลปะการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก
#4-5 เซจ และ โคลเบย์ นอร์ธคัท
ก่อนที่พวกเขาจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ “Super” เซจ นอร์ธคัท และพี่สาวอย่าง “โคลเบย์ นอร์ธคัท” ประสบความสำเร็จในฐานะนักศิลปะการต่อสู้มาแล้ว
สองพี่น้องชาวอเมริกัน เริ่มฝึกคาราเต้ภายใต้คำแนะนำของผู้เป็นพ่อ “มาร์ก นอร์ธคัท” ซึ่งเป็นนักคาราเต้สายดำ โดยใช้ห้องเล็กๆ ในบ้านฝึกซ้อมให้ลูกๆ ซึ่งตอนนั้น เซจ และ โคลเบย์ มีอายุ 4 และ 7 ขวบเท่านั้น
ทั้ง เซจ และ โคลเบย์ คว้าแชมป์โลกคาราเต้หลายสมัย และเป็นนักคาราเต้สายดำตามรอยพ่อของพวกเขา โดยตอนนี้ทั้งคู่ต่างมุ่งมั่นที่จะก้าวขึ้นเป็นซูเปอร์สตาร์บนสังเวียนระดับโลกให้ได้
#6 อาร์จาน บูลลาร์
ครอบครัว บูลลาร์ เป็นตระกูลนักมวยปล้ำที่ยิ่งใหญ่ในอินเดีย และ “Singh” อาร์จาน บูลลาร์ กำลังสืบทอดมรดกของบรรพบุรุษต่อไป
“อัฟทาร์ บูลลาร์” พ่อของเขา ย้ายจากอินเดียไปอยู่ที่แวนคูเวอร์ในปี 1971 เขาเป็นนักมวยปล้ำที่เก่งกาจ และเกือบได้เป็นตัวแทนของอินเดียในการแข่งขันโอลิมปิก ปี 1988 และรายการ Commonwealth Games ปี 1998 ที่แคนาดา
อาร์จาน เติบโตขึ้นมาและได้ยินเรื่องราวความสำเร็จของพ่อมาตลอดตั้งแต่เด็กจนถึงทุกวันนี้ อัพทาร์ เป็นนักวิจารณ์ที่ตรงฉินที่สุดของลูกชาย และยังเป็นพ่อที่คอยสนับสนุนลูกอย่างเต็มที่ด้วยเช่นกัน
แม้จะอยู่ท่ามกลางความคาดหวัง แต่นักสู้รุ่นเฮฟวีเวตคนนี้ก็มีความตั้งใจที่จะทำให้พ่อของเขาภูมิใจ และเป็นตัวแทนของบ้านเกิดใน “บ้านแห่งศิลปะการต่อสู้” แห่งนี้
#7 ธานฮ์ เล
พ่อของ “ธานฮ์ เล” เสียสละอย่างมากเพื่อให้ครอบครัวได้มีชีวิตที่ดีขึ้น เขาอพยพไปยังอเมริกาและตั้งรกรากอยู่กับครอบครัวที่นั่น โดยได้วางรากฐานให้ลูกชายกลายเป็นนักศิลปะการต่อสู้ที่ประสบความสำเร็จ
พ่อของ เล เป็นเจ้าของโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้ที่ชื่อว่า มูน คอลเลจ เทควันโด ที่ซึ่ง เล เริ่มฝึกการต่อสู้เมื่อตอนอายุ 8 ขวบ
นักสู้ชาวเวียดนาม-อเมริกัน โดดเด่นและเก่งกาจมาตั้งแต่เด็ก เขาเข้าแข่งขันในทัวร์นาเมนต์ศิลปะการต่อสู้มากมายทั่วประเทศ และยังเป็นนักสู้ไร้พ่ายอีกด้วย
เล ประสบความสำเร็จในระดับโลกในฐานะแชมป์ Legacy Fighting Alliance รุ่นเฟเธอร์เวต และยังไม่เคยปราชัยใน วัน แชมเปียนชิพ อีกด้วย เขากำลังกรุยทางสู่การเป็นนักสู้ชั้นแนวหน้าของวงการที่พร้อมขึ้นชิงบัลลังก์แชมป์โลก ONE รุ่นเฟเธอร์เวต
#8 – 9 แองเจลา ลี และ คริสเตียน ลี
“เคน ลี” แนะนำศิลปะการต่อสู้ให้กับลูกสาวคนโต “Unstoppable” แองเจลา ลี แชมป์โลก ONE รุ่นอะตอมเวต และลูกชายคนโตของเขา “The Warrior” คริสเตียน ลี แชมป์โลก ONE รุ่นไลต์เวต เพื่อเอาไว้ใช้ป้องกันตัว
พ่อของ ลี มีดีกรีบราซิลเลียน ยิวยิตซู สายดำ รวมถึง แพนเครชัน และ เทควันโด โดยเขาได้รับการยกย่องอย่างมากในวงการศิลปะการต่อสู้ นอกจากนี้ เขายังเคยถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกสหพันธ์แพนเครชันแห่งประเทศแคนาดา และหัวหน้าโค้ชสมาคมบราซิลเลียน ยิวยิตซูของแคนาดา
“จิเวลซ์ ลี” แม่ของ แองเจลา และ คริสเตียน เป็นนักศิลปะการต่อสู้ที่ประสบความสำเร็จเช่นกัน มีดีกรีเทควันโดสายดำ และคว้าเหรียญเงินระดับประเทศถึงสองสมัย
ภายใต้การดูแลของพ่อ ผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าโค้ชและเจ้าของค่าย ยูไนเต็ด MMA ในฮาวาย ที่ซึ่งพวกเขาอาศัยและฝึกซ้อมอยู่ พี่น้องตระกูล ลี เก่งกาจและประสบความสำเร็จบนเวทีศิลปะการต่อสู้ระดับนานาชาติ
แองเจลา เข้าร่วมสังกัด วัน แชมเปียนชิพ ในฐานะนักศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานเมื่อเดือนพฤษภาคม 2015 ก่อนสร้างประวัติศาสตร์การเป็นแชมป์โลกหญิงที่อายุน้อยที่สุดในอีกหนึ่งปีต่อมา หลังเอาชนะ “V.V” เม ยามากูชิ
ขณะที่ คริสเตียน ผงาดขึ้นบัลลังก์แชมป์โลก ONE รุ่นไลต์เวต หลังชนะน็อกยกสองเหนือสุดยอดตำนานแห่งการซับมิชชันชาวญี่ปุ่นอย่าง “Tobikan Judan” ชินยะ อาโอกิ ในเดือนพฤษภาคม 2019
ด้วยความสำเร็จของทั้งสองคน ทำให้พวกเขากลายเป็นพี่น้องคู่แรกในประวัติศาสตร์ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานที่นั่งแท่นแชมป์โลกของ ONE
#10 แสงมณี เสถียรมวยไทยยิม
นักมวยหนุ่มพรสวรรค์สูงของวงการมวยเมืองไทย ไม่ว่าจะขึ้นชกรายการไหนก็เรียกเรตติ้งได้คับคั่ง “ทารกเงินล้าน” แสงมณี เสถียรมวยไทยิม มีพ่อผู้ให้กำเนิดเป็นครูมวยผู้ถ่ายทอดวิชาความรู้ด้านมวยไทย
“นายหนูกัน สิทธิเดช” หรืออดีตชื่อนักมวยว่า “เพลงศึก สุรสีห์ปิยะ” ผู้เป็นพ่อ เขาคือผู้ผลักดันลูกชายให้ได้ดี ดั่งต้นไม้งามต้องรดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย และตัดแต่งกิ่งก้านใบ จนมันสวยงาม
แสงมณี ตามพ่อไปดูมวยตั้งแต่เด็ก ยิ่งเห็นก็ยิ่งชอบจึงขอพ่อซ้อมมวยบ้าง และได้ขึ้นสังเวียนครั้งแรกเมื่ออายุ 6 ขวบ และตลอด 13 ไฟต์รวด สะกดคำว่าแพ้ไม่เป็น จนเมื่อได้ชกออกทีวี.ช่อง 9 เขาก็กลายเป็นที่รู้จักไปทั่ววงการ และได้รางวัลนักมวยไทยยอดเยี่ยม รางวัลถ้วยพระราชทานฯ จากสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาฯ ปี 2555 มาครองตั้งแต่วัยเพียง 15 ปี
วันนี้ แสงมณี คือดาวเด่นประดับวงการ เป็นนักมวยค่าตัวสูงสุดคนหนึ่งในปัจจุบัน และยังเป็นเจ้าของค่ายมวย “แสงมณีเสถียรมวยไทยยิม” เขามีเป้าหมายที่จะสร้างชื่อเสียงไปทั่วโลกบนสังเวียน วัน แชมเปียนชิพ
อ่านเพิ่มเติม: