10 คำถามเปิดใจ “ชิงกิซ” ราชันคิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต หลังปิดบัญชีแค้น “มารัต”
คุยเปิดอกกับ “ชิงกิซ อัลลาซอฟ” ราชัน ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต หลังจากที่สามารถรั้งเข็มขัดครั้งแรกได้สำเร็จ กับคำถามเจาะลึกทุกรายละเอียดที่คุณอยากรู้
นับเป็นการรอคอยที่สุดแสนคุ้มค่าสำหรับ “ชิงกิซ อัลลาซอฟ” แชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต (145-155 ป.) หลังสามารถชำระแค้นที่ฝังลึกในใจมานานกว่า 10 ปี ด้วยการคว้าชัยเหนือ “มารัต กริกอเรียน” คู่ปรับเก่าชาวอาร์เมเนีย ในการป้องกันบัลลังก์ครั้งแรก ในศึก ONE Fight Night 13: ชิงกิซ vs มารัต เมื่อวันเสาร์ที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา
วันนี้เราจะพาไปพูดคุยกับ “ชิงกิซ” ว่าอะไรคือแรงผลักดันตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ที่ทำให้เขาสามารถกลับมาถอนแค้นคู่ปรับตลอดกาลได้อย่างสง่างามด้วยมันสมองและสองกำปั้น พร้อมกับเรื่องราวอีกหลายแง่มุมที่คุณอาจจะยังไม่รู้ของราชันคิกบ็อกซิ่งที่ได้ชื่อว่าเก่งกาจที่สุดในโลกในชั่วโมงนี้
ONE: ในไฟต์ชิงแชมป์โลกกับ “ซุปเปอร์บอน” เป็นการชกในไทยครั้งแรกของคุณ และสามารถชิงเข็มขัดจากเจ้าบ้านด้วย ช่วยเล่าประสบการณ์และความรู้สึกในครั้งนั้นให้ฟังหน่อย
ชิงกิซ: ไฟต์แรกที่กรุงเทพฯ ผมชกกับ “ซุปเปอร์บอน” เขาคือหนึ่งในนักมวยที่เก่งที่สุดในเวลานั้น และปัจจุบันเขาก็ยังเก่งเหมือนเดิม หลังจากผมเอาชนะเขาได้ ผมมีชื่อเสียง กลายเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก โดยเฉพาะคนไทย ที่สำคัญ กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่น่าอยู่มากครับ
ONE: ทราบมาว่าคุณมาเก็บตัวฝึกซ้อมอยู่ที่เมืองไทยก่อนขึ้นชกไฟต์ที่ผ่านมาด้วย ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยว่าไปฝึกซ้อมที่ไหนมาบ้าง
ชิงกิซ: เมื่อสองปีที่แล้ว ผมเคยมาซ้อมมวยที่ ภูเก็ต ไฟต์คลับ และไปต่อที่พัทยา ซึ่งเป็นเมืองที่สุดยอดมาก แต่มาครั้งนี้ ผมมาเก็บตัวที่กระบี่ บรรยากาศก็ดีไม่แพ้กัน ผมอยากขอบคุณทุกยิมและทุกค่ายที่ให้ผมเข้าไปเก็บตัวฝึกซ้อมนะครับ ในอนาคต เรามีแผนว่าอาจจะเปิดค่ายมวยที่นี่ เราวางแผนไว้แล้ว นี่เป็นไอเดียที่ดีสำหรับทีมผมครับ
ONE: การชกกับ “มารัต” ในครั้งนี้สำคัญกับคุณมากแค่ไหน
ชิงกิซ: ก่อนอื่นผมต้องบอกว่าผมนับถือคู่ต่อสู้ของผมทุกคน เช่นเดียวกับ “มารัต” เขาคือหนึ่งในนักชกที่เก่งที่สุดในโลก เขาเป็นตัวอันตรายที่ผมนับถือ เราผ่านอะไรกันมาอย่างยาวนาน เมื่อ 10 ปีที่แล้วเราเคยชกกันและผมเป็นผู้แพ้ มาวันนี้มันคือวันของผมอย่างแท้จริง ผมสามารถเอาชนะเขาได้ แม้ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมจะต้องเจอกับเรื่องสะเทือนใจจนทำให้ผมใจสลายก็ตาม
ONE: คุณพูดถึงเรื่องที่น่าเศร้า ช่วงเล่าให้เราฟังหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น
ชิงกิซ: หลังจากผมเอาชนะ “ซุปเปอร์บอน” จนกลายเป็นสุดยอดนักชกที่เก่งที่สุดเมื่อเทียบปอนด์ต่อปอนด์ได้ หลายคนมักจะถามผมว่าอยากเจอกับ “ตะวันฉาย” ต่อไหม ผมบอกว่าไม่ เพราะผมโฟกัสที่ “มารัต” คนเดียว รู้ไหมทำไมไฟต์นี้ถึงสำคัญกับผมมาก เพราะปู่ของผมท่านเสียเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ปู่ของผมพูดกับผมมาตลอดว่าอยากให้ผมเอาชนะ “มารัต” ให้ได้
วันนี้ผมทำสำเร็จแล้ว ผมขออุทิศชัยชนะนี้ให้กับปู่ มันสำคัญมาก ผมไม่ได้ชกไฟต์นี้เพื่อเข็มขัดแชมป์ ผมแค่ต้องการเอาชนะ “มารัต” เพราะมันมีความหมายต่อชีวิตผม อาชีพของผม และเป็นสิ่งที่ผมอยากให้ทุกคนได้จดจำครับ
ONE: 10 ปีที่ผ่านมาคุณทำอะไรบ้างก่อนจะมาถึงไฟต์สำคัญนี้
ชิงกิซ: ผมมุ่งมั่นกับการฝึกฝนตลอดเวลา ผมฝึกทุกวันยกเว้นวันอาทิตย์ และชีวิตผมก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ หลังจากได้เปิดตัวใน ONE แม้ไฟต์แรกผมจะแพ้ แต่หลังจากนั้น ผมได้มันกลับคืนมาเป็นล้านเท่า ผมคว้าแชมป์เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ และผมก็เอาชนะ “ซุปเปอร์บอน” กระชากแชมป์โลกมาครองได้ ตอนนี้ผมเอาชนะ “มารัต” ได้แล้ว นั่นเป็นเพราะผมมุ่งมั่นกับการใช้ชีวิต ผมมุ่งมั่นกับการฝึกซ้อม และครอบครัวก็สนับสนุนผมเสมอ ตอนนี้ชีวิตผมมีแค่ครอบครัวและการฝึกซ้อม พร้อมกับเส้นทางสายนักสู้เท่านั้นครับ
ONE: “มารัต” ชกยากแค่ไหน และอะไรที่ทำให้คุณสามารถเอาชนะเขาได้
ชิงกิซ: ไฟต์นี้ไม่ง่ายเลย “มารัต” เป็นมวยที่เก่งทั้งในเรื่องป้องกันตัว และการใช้หมัดระยะประชิด แต่ทุกคนได้เห็นผมใช้พลังไปแค่ 35% เท่านั้น ผมคุมเกมเหนือกว่าเขาตลอด 3 ยกแรก ด้วยมันสมองของผม แม้จะเป็นอะไรที่ยากเพราะเขาอันตรายในระยะใกล้ แต่ผมก็สามารถเอาชนะไฟต์นี้ได้ จริงอยู่ที่ผมเจอเรื่องสะเทือนใจและปัญหามากมายก่อนหน้านี้ จนกระทั่งมาถึง 3 วัน ก่อนการแข่งขัน ผมบอกกับตัวเองว่าผมอาจจะไม่ชกไฟต์นี้แล้ว แต่สุดท้ายผมก็ตัดสินใจขึ้นชก และผมบอกตัวเองว่าผมจะชนะ ทุกอย่างมันมาจากใจของผมล้วน ๆ ครับ
ONE: เรื่องรีแมตซ์กับ “ซุปเปอร์บอน” คุณมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง
ชิงกิซ: ก่อนชกไฟต์นี้ “ซุปเปอร์บอน” เคยพูดว่าผมจะไม่สามารถเอาชนะ “มารัต” ได้ แต่ก็ไม่เป็นไร ยังไงผมก็ยังนับถือเขาเหมือนเดิม ส่วนตัวผมไม่ชอบพูดถึงเรื่องอนาคต เอาเป็นว่าหลังจากนี้ผมจะขอใช้เวลากับทีมงานและครอบครัวก่อน จากนั้นเราค่อยมาคุยกันต่อ บางทีตอนนี้ “ซุปเปอร์บอน” ก็อาจจะโฟกัสที่ “ตะวันฉาย” มากกว่าผมก็ได้ แต่ถึงยังไง ผมก็พร้อมเผชิญหน้ากับนักชกที่เก่งที่สุดบนสังเวียนแห่งนี้อยู่แล้วครับ
ONE: แล้วกับ “ตะวันฉาย” คุณมองว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง หลังจากที่เขาประเดิมชัยคิกบ็อกซิ่งได้อย่างสวยงาม
ชิงกิซ: สำหรับ “ตะวันฉาย” เขาคือนักชกที่อันตราย รวดเร็ว และฉลาด ในรูปแบบมวยไทยเขาคือแชมป์โลกที่เก่ง ที่สำคัญ เขายังหนุ่มแน่น อนาคตไกล แต่สำหรับคิกบ็อกซิ่งผมให้คะแนนความประทับใจเขาที่ 8 คะแนน เขาอาจต้องฝึกอีกสักนิด เสริมกระดูกอีกสักหน่อย ถึงตอนนั้นผมอาจจะให้คะแนนเขามากขึ้น ผมยอมรับว่ามวยไทยเขาเก่งที่สุด แต่สำหรับคิกบ็อกซิ่ง คุณก็รู้อยู่แล้วว่าใครเก่งสุดเวลานี้
ONE: อยากฝากอะไรถึง “ตะวันฉาย” บ้างไหม
ชิงกิซ: ผมขอขอบคุณ “ตะวันฉาย” ผมนับถือเขามาก ๆ เขาเป็นคนดีจริง ๆ ทั้งจริงใจ ถ่อมตัว ไม่เคยให้ร้ายใคร ผมชอบนิสัยเขามาก ๆ เราจะทำหน้าที่รักษาบัลลังก์ของแต่ละคนไปพร้อมกัน ผมจะเป็น “ชิงกิซ” สุดยอดนักกีฬาคิกบ็อกซิ่งของโลก และวันหนึ่งเราคงจะได้เผชิญหน้ากัน แล้วเจอกันนะครับ “ตะวันฉาย”
ONE: สุดท้ายนี้อยากฝากอะไรถึงแฟนกีฬาชาวไทยบ้างไหม
ชิงกิซ: ก่อนอื่นผมขอขอบคุณคนไทย ขอบคุณประเทศไทย ผมนับถือคนไทยทุกคนครับ ที่นี่เป็นเมืองที่ผมชอบมาก ๆ ผู้คนนิสัยดี เป็นคนง่าย ๆ แฟนชาวไทยรู้จักผมมากขึ้น เวลาผมเดินตามถนน หลายคนพูดอังกฤษได้ พวกเขาบอกผมว่า ‘พวกเรานับถือคุณ’ ผมก็บอกไปว่า ผมก็เหมือนกัน ผมก็นับถือพวกคุณ ผมรักคนไทย ขอบคุณทุกคนมากครับ
ติดตามข่าวสารและความคืบหน้าได้ที่นี่และและโซเชียลมีเดียของ ONE ทุกช่องทาง ได้แก่ เฟซบุ๊ก ONE Championship Thailand และอินสตาแกรม ONEChampTh