4 บทสรุปสำคัญจากศึก ONE: DREAMS OF GOLD
มีคำถามมากมายก่อนที่ศึก ONE: DREAMS OF GOLD จะเริ่มขึ้นที่ประเทศไทย เมื่อวันศุกร์ที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา
นักสู้หน้าใหม่ของ วัน แชมเปียนขิพ จะเปิดตัวอย่างไร…ใครจะได้เข้ารอบในทัวร์นาเมนต์คิกบ็อกซิ่งสุดเดือด…และแชมป์โลกสางสองประเภทกีฬาจะทำได้ดีแค่ไหนเมื่อสู้ศึกในกีฬาชนิดที่สาม
ที่ อิมแพ็ค อารีนา คำถามทุกอย่างถูกคลี่คลาย และนี่คือสิ่งที่เราได้รู้
#1 “อิเลียส เอ็นนาฮาชิ” แข็งแกร่งเกินไปสำหรับ เพชรดำ
“The Baby Shark” เพชรดำ เพชรยินดีอะคาเดมี โชว์ผลงานโดดเด่นอย่างมากหลังเปลี่ยนจากสังเวียนมวยไทย สู่สนามคิกบ็อกซิ่งระดับโลก แต่การได้พบกับ “Tweety” อิเลียส เอ็นนาฮาชิ คือของจริงที่ต้องพิสูจน์
ที่ผ่านมานักสู้วัย 21 ปีจากอุบลราชธานี ใช้พละกำลังและความสามารถเอาชนะคู่แข่งขันในกติกาคิกบ็อกซิ่งได้ทั้ง 2 ไฟต์แม้ไม่คุ้นเคยนัก แต่เมื่อเจอผู้เชี่ยวชาญตัวจริง ทุกสิ่งก็เปลี่ยนไป
ก่อนหน้าไฟต์นี้ เอ็นนาฮาชิ คือแชมป์โลกคิกบ็อกซิ่ง 6 สมัย และเขาก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทำไม เขาถึงประสบความสำเร็จมากมายด้วยวัยเพียง 23 ปี
เจ้าของฉายา “Tweety” เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง พร้อมออกอาวุธเป็นชุด เดินหน้าบุก รุกไล่ ทั้งเร็วและทรงพลังเหนือกว่า เพชรดำ อย่างเห็นได้ชัด
ในที่สุดเข็มขัดแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นฟลายเวต ก็ถูก เอ็นนาฮาชิ กระชากไปในยกที่ 3 ของการแข่งขัน แชมป์โลกคนใหม่ถือกำเนิดขึ้นแล้ว
#2 ONE คิกบ็อกซิ่ง เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รอบชิงชนะเลิศ เดือดแน่
การแข่งขัน ONE คิกบ็อกซิ่ง เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นเฟเธอร์เวต รอบรองชนะเลิศเหลือผู้แข่งขัน 4 คนสุดท้าย
คู่แรก “AK47” เซมี ซานา อาจไม่ได้โชว์ฟอร์มจัดในรูปเกมสุดสูสีเหมือนตอนพบ “ยอดแสนไกล ไอเว แฟร์เท็กซ์” ในรอบแรก แต่ เขาสามารถครองเกมได้เหนือกว่า ก่อนเอาชนะ “Genghis Khan” จาบาร์ แอสเครอฟ หลังครบ 3 ยก
ซานา มีการวางแผนและพลิกแพลงเกมต่อสู้เพื่อรับมือกับ แอสเครอฟ ตลอดการแข่งขัน ซึ่งนั่นคือข้อดี เพราะเขาต้องใช้มันอย่างมากในรอบชิงชนะเลิศ
เช่นเดียวกับคู่ต่อกรในไฟต์หน้าของเขาอย่าง “The Doctor” จอร์จิโอ เปโตรเซียน ซึ่งในรอบแรกของทัวร์นาเมนต์ เขาต้องใช้เวลา 2 ไฟต์ 6 ยก เพื่อเอาชนะ “เพชรมรกต เพชรยินดีอะคาเดมี” ในขณะที่รอบรองชนะเลิศ เขาใช้เวลาไม่ถึง 3 นาที ในการพิชิตชัยชนะเหนือ “Smokin” โจ ณัฐวุฒิ
นักสู้ชาวอิตาลีขึ้นชื่อเรื่องเทคนิคชั้นสูง และเต็มเปี่ยมด้วยขุมพลัง ดังที่เขาได้แสดงให้เห็นจะๆ ในการน็อกคู่ชกชาวไทยใน วัน แชมเปียนชิพ เป็นครั้งแรก
เวลาเท่านั้นที่จะพิสูจน์ว่า เปโตรเซียน จะยังคงความเป็นสุดยอดในศึก ONE: CENTURY ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น หรือ ซานา จะช็อกคนดูอีกครั้งอย่างที่เคยทำ แต่เชื่อเถอะว่าไฟต์นี้มันจะต้องดุเดือดเลือดพล่านแน่นอน
#3 “แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” ไม่ได้มีดีแค่เกมยืน
ในฐานะแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง และ มวยไทย รุ่นอะตอมเวต ทำให้หลายคนเชื่อว่า “แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” น่าจะใช้เกมยืนสู้เป็นหลักในการแข่งขันศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานกับ “Knockout Queen” อาชา โรกา
แต่คนที่รู้จักเธอดีที่สุดคนหนึ่งได้เห็นพัฒนาการในเกมภาคพื้นและการปล้ำจับล็อกซึ่งเธอฝึกฝนมากว่า 2 ปี และเมื่อต้องเจอกับคู่แข่งขันสุดแกร่ง ทำไมจะไม่หยิบทักษะเหล่านั้นออกมาใช้ล่ะ
ฮีโร่สาวชาวไทยวัย 21 ปี ยังคงความเป็นตัวแม่ในเกมยืน ทั้งยังเซอร์ไพรส์คนทั้งโลกเมื่อเข้าสู่เกมภาคพื้นที่เธอก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม จนพาตัวเองไปสู่ความสำเร็จได้
แสตมป์เกือบจะเผด็จศึก โรกา ด้วยท่า armbar และ guillotine choke ในยกแรก และสุดท้ายเธอก็พยายามหาโอกาสทดสอบทักษะการต่อสู้ในเกมภาคพื้นของตัวเองจนได้ ด้วยการใช้ท่า rear-naked choke ปิดจ๊อบ โรกา ในยกที่สาม
#4 เครื่องร้อนช้า ไม่ใช่สไตล์ของ “อลาเวอร์ดี รามาซานอฟ”
การต่อสู้ในกติกามวยไทยส่วนใหญ่มักจะเริ่มด้วยการดูเชิงในยกแรกๆ ก่อนที่จะเริ่มเร่งจังหวะความดุเดือดให้เพิ่มมากขึ้นในยกต่อๆ มา
แต่นั่นใช้ไม่ได้กับการแข่งขัน วัน ซูเปอร์ ซีรีส์ ของ วัน แชมเปียนชิพ ที่มีเพียงแค่ 3 ยก ซึ่งทำให้นักกีฬาต้องเร่งเครื่องให้ร้อนอย่างรวดเร็ว อีกทั้งการใช้นวม 4 ออนซ์ ทำให้ไม่มีที่ว่างสำหรับความผิดพลาด
และคงไม่มีใครเข้าใจสิ่งนี้มากไปกว่า “Babyface Killer” อลาเวอร์ดี รามาซานอฟ นักชกผู้เก็บเกี่ยวชัยชนะได้ตั้งแต่ยกแรกมาแล้วถึง 2 ครั้ง
ล่าสุดในการเผชิญหน้ากับ “อ็อกเยน ทอปิค” รามาซานอฟ ก็ปลดปล่อยขุมพลังตั้งแต่ต้นเกมชนิดไม่ให้แฟนๆ เสียโอกาสกับความมัน ด้วยการ ทอปิค ร่วงลงพื้นได้ถึง 2 ครั้ง ก่อนจะอวสารการแข่งขันเมื่อร่วงลงไปในครั้งที่ 3