5 สิ่งที่ได้รู้จากศึก ONE: KING OF THE JUNGLE
การประกบคู่ของศึก ONE: KING OF THE JUNGLE นำมาซึ่งความประหลาดใจหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนเจ้าของเข็มขัดแชมป์โลก หรือการประกาศศักดาของนักสู้หน้าใหม่
และนี่คือบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ 5 ประการที่เราได้รับจากศึกนี้ ซึ่งปิดฉากลงไปเมื่อวันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ณ สิงคโปร์ อินดอร์ สเตเดียม
#1 “เจเน็ต” พิสูจน์ “แสตมป์” ก็แพ้เป็น
ก่อนที่ ONE: KING OF THE JUNGLE จะจัดขึ้น แทบนึกภาพไม่ออกเลยว่า แชมป์โลกสาวสองประเภทกีฬาอย่าง “แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” ที่สั่งสมสถิติไร้พ่ายมาตลอดเกือบสองปี จะถูกโค่นลงในไฟต์นี้
แม้ซูเปอร์สตาร์สาวชาวไทยจะเผชิญศึกหนักมาหลายครั้ง แต่เธอยังสามารถหาทางเค้นพลังจนก๊อกสุดท้าย และคว้าชัยชนะได้ทุกครั้ง แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อต้องหวนกลับมาพบกับคู่ปรับเก่าที่เคี้ยวยากอย่าง “JT” เจเน็ต ท็อดด์ นักสู้สาวลูกครึ่งอเมริกัน-ญี่ปุ่น ซึ่งเตรียมตัวมาดี และวางแผนมาแก้เกมนี้โดยเฉพาะ จึงทำให้ได้รับการชูมือไปด้วยคะแนนอย่างไม่เป็นเอกฉันท์
เจเน็ต เดินเกมนี้อย่างรวดเร็วทั้งการเข้าออก ฟุตเวิร์กที่แคล่วคล่อง การออกหมัดคม และลูกเตะล่างทำลายจังหวะ จนแทบจะตรงตามแผนที่เตรียมมารับมือได้ทุกกระเบียดนิ้ว แม้แต่ตอนที่ แสตมป์ งัดพลังเฮือกสุดท้ายออกมาสู้ แต่ผู้ท้าชิงก็ตอบโต้ได้อย่างทันควัน
รางวัลจากความพยายามกลับมาล้างแค้นในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา คือชัยชนะ 2 ใน 3 จากกรรมการให้คะแนน ส่งให้เธอกระชากเข็มขัดแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นอะตอมเวตมาครอง พร้อมกับโค่นนักสู้ตัวแม่แห่งวงการมวยผู้ไม่เคยแพ้ใครได้เป็นครั้งแรก
อ่านเพิ่มเติม: “แสตมป์” ยอมรับเหมือน “คนอกหัก” หลังเข็มขัดคิกบ็อกซิ่งกระเด็น
#2 “สามเอ” เก๋าเกินกว่าคู่ชิงหนุ่มจะรับมือ
คนส่วนใหญ่คงอยากเห็นภาพนักมวยจอมเก๋าวัย 36 ปีอย่าง “สามเอ ไก่ย่างห้าดาว” เปิดบทเรียนสอนมวยรุ่นน้อง “ร็อกกี อ็อกเดน” ซึ่งอายุอ่อนกว่าถึง 16 ปี ในนัดชิงแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นสตรอว์เวต ครั้งแรก และมันก็เป็นจริงดังที่คิด
แม้ว่านักชกหนุ่มจากออสซีจะเผชิญหน้าเจ้าตำนานอย่างไม่เกรงกลัว แถมเดินบุก ออกอาวุธหมัดอันตราย และฟาดแข้งได้ว่องไว หวังแจ้งเกิดให้ได้ในนัดเปิดตัว แต่ไม่ว่าจะงัดเชิงมวยอะไรออกมาใช้ ก็ยังเทียบชั้นครูอย่าง สามเอ ไม่ติด
ด้วยสถิติบนผืนผ้าใบกว่า 400 ไฟต์ ทำให้ไอคอนแห่งวงการมวยไทยอย่าง สามเอ ทิ้งห่างเรื่องประสบการณ์และกระดูกมวยมากกว่าคู่แข่งที่มีเพียง 42 ไฟต์ ถึง 10 เท่าตัว แค่ตั้งท่าเงื้อมหมัด สามเอ ก็อ่านเกมออกและคิดแผนล่วงหน้าไปกว่าหนึ่งขั้น
อย่างไรก็ตาม อ็อกเดน ยังมีอนาคตที่สดใส เพราะในวัยเพียง 20 ปี เขามีอาวุธมวยครบเครื่อง และสำคัญที่สุดคือหัวใจนักสู้ เพียงแต่ตอนนี้อาจไม่ใช่เวลาอันเหมาะสมที่เขาจะนั่งบัลลังก์สูงสุดเท่านั้นเอง
อ่านเพิ่มเติม: กระดูกคนละเบอร์ “สามเอ” สอนมวย “ร็อกกี” คว้าเข็มขัด ONE ได้อีกเส้น
#3 “เดนิส” ฟอร์มจัด คว้าตั๋วชิงเข็มขัดตัวแม่
เพียงไม่กี่วินาทีหลังกำราบตัวท็อปของรุ่นอย่าง “V.V.” เม ยามากูชิ ได้ นายชาตรี ศิษย์ยอดธง ประธานใหญ่และ CEO ของวัน แชมเปียนชิพ ก็ยื่นโอกาสให้ “The Manace Fairtex” เดนิส แซมโบอันกา คว้าตั๋วเข้าไปท้าชิงแชมป์โลก ONE รุ่นอะตอมเวตกับตัวแม่ของรุ่นอย่าง “Unstopable” แองเจลา ลี ชนิดที่เหนือความคาดหมาย จนเจ้าตัวถึงกับร่ำไห้บนเวที
จริงๆ ไม่น่าแปลกใจ เพราะดาวรุ่งสาวชาวฟิลิปปินส์โชว์ฟอร์มเดือดต่อเนื่องสองไฟต์ตั้งแต่นัดเปิดตัวใน วัน แชมเปียนชิพ จนถึงไฟต์นี้ที่ชี้ให้เห็นความเด็ดเดี่ยวและเกรี้ยวกราดมากขึ้นกว่าไฟต์ที่แล้ว ทั้งๆ ที่เธอขึ้นสังเวียนในฐานะ “มวยรอง” และต้องเจอกับคู่แข่งมากประสบการณ์อย่าง เม
หลังคว้าชัยชนะอย่างเป็นเอกฉันท์ในครั้งนี้ ทำให้ เดนิส มีสถิติไร้พ่ายสุดเพอร์เฟกต์ 7-0 ซึ่งหากเธอขึ้นทาบตัวแม่อย่าง แองเจลา จริงๆ ก็จะเป็นอีกครั้งที่เธอต้องตกอยู่ในฐานะมวยรอง ที่หลายคนมองว่าเทียบกันไม่ติด แต่ก็อย่างที่เห็นไปแล้วว่า เธอสามารถพลิกโผครั้งใหญ่ชนิดช็อกโลกได้ทีเดียว
อ่านเพิ่มเติม: “เดนิส” มองข้ามช็อต ถ้าโค่น “เม” ได้รายต่อไปขอเจอ “แองเจลา ลี”
#4 “ทรอย” มีของมากกว่าที่เรารู้
กลยุทธ์การต่อสู้ของ “Pretty Boy” ทรอย เวิร์ทเธน ในการแข่งขันที่ผ่านมาสองครั้งแรก ดูไม่มีอะไรซับซ้อนสำหรับนักสู้ที่มีพื้นฐานมวยปล้ำ แค่รวบคู่ต่อสู้ลงไปเล่นเกมภาคพื้น และชิงความได้เปรียบเพื่อเล่นงานอีกฝ่ายให้อยู่หมัด จนกว่ากรรมการจะยุติการแข่งขัน
สำหรับครั้งที่สาม เขาตั้งใจที่จะโชว์ให้โลกเห็นทักษะการยืนสู้ที่มีมากขึ้น หลังจากไปซุ่มฝึกกับยิมอีโวล์ฟ ที่แดนสิงโต โดยกล้าที่จะตรึงเกมยืนสู้ แถมยังงัดลูกเตะสูงออกมาใช้กับจอมน็อกเอาต์สุดอันตรายอย่าง “Tyson” มาร์ค แฟร์เท็กซ์ อาเบลาร์โด อีกด้วย
แน่นอนว่าเขายังไม่ลืมรากเหง้ามวยปล้ำที่ติดตัวมา และใช้มันจัดการ มาร์ก อยู่หลายครั้ง สลับกับเกมยืนสู้ สุดแล้วแต่ว่าสถานการณ์ไหน สู้แบบไหนจะเหมาะสมที่สุด
เชื่อว่ายิ่ง ทรอย ขลุกอยู่กับยิมอีโวล์ฟมากขึ้นเท่าไหร่ ก็จะเป็นข่าวร้ายสำหรับนักสู้คนอื่นๆ ในรุ่นแบนตัมเวตมากขึ้นเท่านั้น
#5 “เจฟ จัน” ไม่เก่งแต่ปาก
ในฐานะยูทูบเบอร์ ผู้สอนเทคนิคและแนวคิดของศิลปะการต่อสู้ ให้แก่ผู้ติดตามหลายแสนคนผ่านช่อง MMAShredded ย่อมต้องเกิดความคาดหวังว่า “เจฟ จัน” จะสู้บนสังเวียนจริง ได้เก่งเหมือนที่อยู่หลังกล้องในช่องของเขา
จากฟอร์มการแข่งขันของเขาเมื่อครั้งเจอกับ “ราดีม ราห์มัน” ในฐานะคู่เปิดหัวของศึกที่สิงคโปร์ นักสู้ชาวแคนาดาสามารถหยิบทุกอย่างที่เขาสอนในคลิป มาเล่นงานคู่แข่งขันได้เกินกว่าที่เขาคาดคิด
ด้วยทักษะการยืนสู้และการปล้ำจับล็อกสุดลื่นไหล ทำให้เขาสามารถคุมเกมได้อย่างเหนือชั้น ก่อนที่จะได้โอกาสรัดคอคู่ต่อสู้ด้วยท่า rear-naked choke ในยกที่สองในการแข่งขันนัดเปิดตัว
อ่านเพิ่มเติม: “เจฟ จัน” นักสู้เน็ตไอดอลกับเส้นทางที่เลือกเอง