6 ความจริงที่ได้รู้จากศึก ONE: DAWN OF HEROES
14 คู่แข่งขันในศึก ONE: DAWN OF HEROES ได้ผ่านพ้นไปอย่างตื่นเต้นเร้าใจท่ามกลางสายตาแฟนๆ ใน มอลล์ ออฟ เอเชีย อารีน่า ที่กรุงมะนิลา รวมถึงผู้ชมทั่วโลก เมื่อวันศุกร์ที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา อันเป็นค่ำคืนแห่งประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฟิลิปปินส์ซึ่งจบด้วยผลการแข่งขันสุดช็อก รวมถึงแชมป์โลกคนใหม่
และนี่คือ 6 ความจริงที่ได้รู้จากศึกครั้งนี้
#1 “มาร์ติน เหงียน” คือสุดยอดตลอดกาลของรุ่นเฟเธอร์เวต
การป้องกันแชมป์โลก ONE ครั้งที่ 3 ของ “The Situ-Asian” มาร์ติน เหงียน ทำให้เขาอยู่เหนือใครๆ ในรุ่นเฟเธอร์เวตอย่างสมบูรณ์ เพราะตั้งแต่ความพ่ายแพ้ต่อ “Cobra” มารัต กาฟูรอฟ เมื่อเดือนกันยายน 2015 ก็ไม่มีใครต้านทานเขาได้อีกเลย
เขากวาดชัยชนะ 8 ไฟต์ติดต่อกันซึ่งมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้นที่การแข่งขันดำเนินไปจบครบยก ที่เหลือจบระหว่างทางทั้งสิ้น เช่นเดียวกับไฟต์ล่าสุดที่นักสู้ชาวเวียดนาม-ออสเตรเลียปิดเกมมวยปล้ำของ “Moushigo” โคโยมิ มัตสิชิมา ก่อนที่จะปล่อยหมัดชุดส่งอีกฝ่ายจอดในยกสอง
#2 พลังของ “รถถัง” ที่ไม่อาจหยุดยั้ง
“The General” โจนาธาน แฮ็คเกอร์ตี โชว์ฟอร์มแชมป์โลกได้ในช่วงยกแรก แต่หลังจากที่เข้าสู่ยก 3 “The Iron Man” รถถัง จิตเมืองนนท์ ยอดฝีมือชาวไทยวัย 22 ปี ก็สามารถหาโอกาสประชิดตัวและออกอาวุธได้อย่างจะแจ้งกว่า ในศึกชิงแชมป์โลก ONE มวยไทยรุ่นฟลายเวต
เข้ายก 4 นักสู้จากแดนพัทลุงก็บุกโจมตีอย่างต่อเนื่อง และสามารถส่งคู่ต่อสู้ลงไปนับ เก็บคะแนนได้ 10-8 ในยกดังกล่าว ซึ่งช่วยให้เขาคว้าชัยด้วยคะแนนอย่างเป็นเอกฉันท์
#3 เหตุผลที่ “เอ็ดดี อัลวาเรซ” คือตำนาน
ช่วงหนึ่งของการต่อสู้เมื่อคืนวันศุกร์ที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมา ดูเหมือน “The Underground King” เอ็ดดี อัลวาเรซ จะต้องพบกับความพ่ายแพ้เป็นครั้งที่ 2 ครั้งติดต่อกันบนสังเวียน วัน แชมเปียนชิพ
แต่ด้วยจิตวิญญาณนักรบที่กลับมาทันเวลา นักสู้ชาวอเมริกันซึ่งโดนโจมตีจนร่วงด้วยน้ำมือของ “Landslide” เอดูอาร์ด โฟลายัง ซึ่งดีกรีแชมป์โลกศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน 4 สมัย ก็พลิกสถานการณ์ให้กลับสู่การควบคุมของตัวเอง ก่อนที่จัดการนักสู้เจ้าบ้านด้วยการซับมิชชันหลังจากนั้นเพียงไม่กี่อึดใจ
หากเขาพบกับความพ่ายแพ้อีกครั้ง คงต้องเรียกว่าเป็นหายนะสำหรับอัลวาเรซ แต่ตอนนี้เขาเรียกความมั่นใจกลับคืนมาได้ เพื่อเตรียมสู้ศึก ONE เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นไลต์เวต รอบชิงชนะเลิศกับ “Dagi” เซยิด กูเซน อาร์สลานาลิเอฟ ในศึก ONE: CENTURY วันที่ 13 ตุลาคมนี้ ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
#4 “แดนนี คิงกาด” ฮีโร่สายบู๊ที่น่าจับตา
ไม่ว่าจะต้องเจอกับใคร “The King” แดนนี คิงกาด พร้อมที่จะทำให้มันเป็นไฟต์แห่งค่ำคืนนั้นได้เสมอ นักสู้เจ้าบ้านชาวฟิลิปปินส์ที่ต้องเจอกับ “Lightning” รีซ แม็คลาเรน จากออสเตรเลีย ซึ่งเปิดเกมภาคพื้นก่อน แต่ คิงกาด ก็อาศัยทักษะและฝีมือเปลี่ยนเกมให้เอื้อต่อชัยชนะของเขา
การแข่งขันดำเนินไปอย่างสุดสูสี ก่อนที่กรรมการ 2 ใน 3 จะตัดสินใจยืนข้างนักสู้เจ้าบ้าน กดไฟเขียวให้ไปเผชิญหน้ากับ “Mighty Mouse” ดิมิเทรียส จอห์นสัน ในศึก ONE เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นฟลายเวต รอบชิงชนะเลิศ
#5 “รถเหล็ก” ทีเดียวก็เกินพอ
หลังจากรู้ตัวว่าจะต้องขึ้นสู้ศึกด้วยเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ “Maddog Fairtex” แอนดรูว์ มิลเลอร์ ต้องวางแผนให้รอบคอบในการโค่น “รถเหล็ก พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม” ซึ่งเขาเกือบทำได้สำเร็จ โดยอาศัยความได้เปรียบในเรื่องความสูงและช่วงชกที่ยาวกว่า
น่าเสียดายที่โชคไม่เข้าข้าง นักสู้ชาวสกอตเดินคุมเกมมาได้อย่างดีตลอด 2 ยกครึ่ง ก่อนจะโดนหมัดอันทรงพลังเพียงครั้งเดียวส่งเขาลงไปกองบนพื้นเวที ทั้งๆ ที่ชัยชนะอยู่ตรงหน้าแท้ๆ
แชมป์สนามมวยเวทีช่อง 7 สีคือหนึ่งในนักสู้ที่มีหมัดหนักที่สุดในศึก วัน ซูเปอร์ ซีรีส์ รุ่นแบนตัมเวต ยิ่งครั้งนี้ใช้นวมหนักเพียง 4 ออนซ์ หมัดเดียวก็โป้งจอดได้
#6 “แด ซอง พาร์ค” คือของจริง
ผู้ผ่านการคัดเลือกจาก ONE Warrior Series “Crazy Dog” แด ซอง พาร์ค พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าพร้อมสำหรับเวทีระดับโลก จากชัยชนะ 2 ครั้งต่อเนื่องตั้งแต่เข้ามาเป็นนักสู้ ONE อย่างเต็มตัว
ในศึก ONE: DAWN OF HEROES เขาทำให้โลกเห็นว่ากำลังก้าวเข้ามาเป็นผู้เล่นคนสำคัญ ด้วยการชนะอดีตแชมป์โลก ONE อย่าง “The Rock” โฮโนริโอ บานาริโอ ที่ฟิลิปปินส์ บ้านของคู่ต่อสู้ แต่พาร์คก็ไม่หวั่นเกรงเลยแม้แต่น้อย
เจ้าตัวใช้เกมยืนสู้ควบคุมได้ตั้งแต่แรก แม้นักสู้จาก Team Lakay จะพยายามขัดขืน แต่สุดท้ายก็เป็นฝ่าย พาร์ค ที่คว้าชัยด้วยคะแนนเป็นเอกฉันท์ ติดอันดับนักสู้มากฝีมือของรุ่นนี้ที่คราคร่ำไปด้วยสุดยอดจากทั่วโลกมากหน้าหลายตาที่ต่างไขว่คว้าจะขึ้นสู่จุดสูงสุดให้ได้
