เปิดฟอร์ม 7 นักชกงานชุกใน ONE ลุมพินี
ONE ลุมพินี เป็นสังเวียนการต่อสู้ที่เปิดโอกาสให้นักกีฬาได้แสดงศักยภาพ โดยไม่มีการปิดกั้นหรือข้อจำกัดเรื่องค่ายเล็กค่ายใหญ่ หากแต่ต้องเป็นนักกีฬาที่มีประสบการณ์จนถึงขั้นเรียกได้ว่าเป็นนักกีฬาอาชีพ เพราะที่นี่ไม่ใช่เวทีสมัครเล่น นักกีฬาจะต้องเจอคู่แข่งที่มีประสบการณ์และความแข็งแกร่งมากหน้าหลายตา จึงต้องมีหัวใจที่พร้อมต่อสู้ และมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นอยู่เสมอ
ในการแข่งขันบางครั้งนักกีฬาอาจพบบทสรุปที่ไม่สมหวัง แต่นั่นเป็นเรื่องของเกมกีฬาที่ชนะแพ้ได้ แต่หากนักกีฬาได้แสดงศักยภาพบนเวที ใช้ไหวพริบไอคิว และโชว์ฟอร์มให้การแข่งขันสนุก ตื่นเต้น เร้าใจ ตลอดต้นจนจบ ก็เพียงพอที่จะทำให้นักกีฬามีโอกาสขึ้นชกอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังได้โอกาสลุ้นเงินโบนัสเพิ่มเติมจากค่าตัวที่ทาง ONE จ่ายให้ในเรตสูงที่สุดในประเทศไทย ที่สำคัญคือโอกาสที่จะต่อยอดอาชีพนักสู้ไปสู่เวทีระดับโลก
โดยนับตั้งแต่ ONE ลุมพินี เริ่มจัดการแข่งขันที่สนามมวยเวทีลุมพินี (รามอินทรา) ในวันที่ 20 ม.ค.66 จนถึงวันนี้กำลังเข้าสู่อีเวนต์ที่ 58 ซึ่งเป็นอีเวนต์สำคัญซึ่งจะจัดอย่างยิ่งใหญ่ในวันที่ 5 เม.ย.นี้ มีนักกีฬามากมายที่โชว์ฟอร์มได้น่าจับตาจนกลายเป็นขาประจำของรายการในช่วงปีที่ผ่านมา มีใครกันบ้างไปดูกัน
#1 เสกสรร อ.ขวัญเมือง
(8 ไฟต์)
“คนไม่ยอมคน” เสกสรร อ.ขวัญเมือง นักชกเลือดเดือด วัย 35 ปี จากเมืองคอน ที่เคยเกือบแขวนนวมไปสอนมวย แต่ก็กลับมาชกอีกครั้งในฐานะนักชกยุคบุกเบิกตั้งแต่ศึก ONE ลุมพินี นัดแรก
จากผลงานครั้งนั้นที่เอาชนะนักชกแดนจิงโจ้ “ไทสัน แฮร์ริสัน” อย่างดุเดือด ก็สร้างปรากฏการณ์ทุบโบนัส 5 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.8 ล้านบาท) เทียบเท่ากับมาตรฐานโบนัสของนักกีฬา ONE
ด้วยสไตล์การชกบู๊สะบั้นหั่นแหลกและหัวใจไม่เคยยอมใครสมชื่อ “เสกสรร” จึงมีโอกาสได้ขึ้นชกอย่างต่อเนื่องทั้งใน ONE ลุมพินี และ ONE Fight Night รวมทั้งหมด 8 ไฟต์ และคว้าชัยชนะได้ทั้งหมด จนขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในนักกีฬาที่คว้าเงินโบนัสได้มากที่สุดถึง 5 ครั้ง รวมเป็นเงินทั้งหมด 1 แสนเหรียญสหรัฐ หรือ ราว 3.5 ล้านบาท ไม่รวมค่าตัว
อีกทั้งยังคว้าสัญญานักกีฬา ONE เป็นคนที่ 5 จากรายการ ONE ลุมพินี มูลค่า 100,000 เหรียญสหรัญ หรือราว 3.5 ล้านบาท เรียกว่าพลิกชีวิตจากดินสู่ดาวภายในชั่วข้ามปี
“เสกสรร” กำลังจะมีคิวขึ้นชกไฟต์ที่ 9 ซึ่งเป็นไฟต์แรกในปี 2567 กับ “ยูทาโร อาซาฮี” นักชกสัญชาติญี่ปุ่น ภายใต้กติกามวยไทย พิกัดเฉพาะ (แคตช์เวต) 142 ป. ในศึก ONE ลุมพินี 58: ซุปเปอร์บอน vs มารัต วันศุกร์ที่ 5 เม.ย.67 มาลุ้นกันว่าสถิติไร้พ่ายของ “เสกสรร” จะยังอยู่ต่อไป หรือจะถูกนักชกหน้าใหม่จากแดนปลาดิบหยุดความแรง
#2 ก้องธรณี ส.สมหมาย
(8 ไฟต์)
“ก้องธรณี” นักสู้พ่อลูกหนึ่ง อายุ 27 ปี จากค่าย ส.สมหมาย มีสไตล์การชกแบบมวยฝีมือ ที่มีลูกหนัก และออกอาวุธได้ละเอียด แต่ก็ยังแฝงด้วยความดุดัน ทำให้เป็นที่น่าจับตากับสไตล์การชกที่พัฒนาขึ้นในแต่ละครั้ง ทำให้ “ก้องธรณี” ได้รับการประกบเป็นคู่เอก ONE ลุมพินี มากถึง 5 ครั้ง
โดยสถิติการชก 8 ไฟต์ จบลงด้วยชัยชนะมากถึง 7 ครั้ง และคว้าเงินโบนัสรวม 4 ครั้ง เป็นเงิน 1.4 ล้านบาท ไม่รวมค่าตัว นัดต่อไป “ก้องธรณี” จะขึ้นชกไฟต์ที่ 9 กับ “จ้าวเสือใหญ่ ส.เดชะพันธ์” ในศึก ONE ลุมพินี 58: ซุปเปอร์บอน vs มารัต วันศุกร์ที่ 5 เม.ย.67 นี้
#3 นักรบ แฟร์เท็กซ์
(7 ไฟต์)
“ขุนเข่าพลังช้าง” นักรบ แฟร์เท็กซ์ มวยขวาสายบู๊ วัย 25 ปี จากสุรินทร์ ได้ปะทะกับตัวตึงมากมายใน ONE ลุมพินี ทั้ง “แชร์ซอด คาบูทอฟ” นักกีฬาที่ผ่านศึก ONE รายการใหญ่, “เด็ดดวงเล็ก ทีเด็ด 99” รุ่นน้องแชมป์ Road To ONE ซีซัน 1 ที่ปัจจุบันรั้งเก้าอี้ผู้ท้าชิงอันดับ 3 ของกติกามวยไทย รุ่นฟลายเวต (125-135 ป.) หรือแม้แต่ “นาบิล อานาน” นักสู้ก้านยาวลูกครึ่งแอลจีเรีย-ไทย ที่หาคู่ชกยาก
นับตั้งแต่ประเดิมศึกแรกใน ONE ลุมพินี 2 จนถึงวันนี้ “นักรบ” ขึ้นชกมาแล้ว 7 ไฟต์ เป็นเจ้าของสถิติสวยงามชนะ 6 แพ้เพียงครั้งเดียว และคว้าโบนัสไปแล้ว 2 ครั้ง โดยเขากำลังจะขึ้นชกไฟต์ที่ 8 กับ “ขุนศอกผีดิบ” เมืองไทย พีเค.แสนชัย ไอดอลในดวงใจของเขา ภายใต้กติกามวยไทย รุ่นฟลายเวต ในศึก ONE ลุมพินี 58: ซุปเปอร์บอน vs มารัต วันศุกร์ที่ 5 เม.ย.67 อีกด้วย
#4 กุหลาบดำ สจ.เปี๊ยกอุทัย
(7 ไฟต์)
“ซ้ายอุกาบาต” กุหลาบดำ สจ.เปี๊ยกอุทัย” จากจังหวัดสุรินทร์ วัย 25 ปี เคยผ่านประสบการณ์มาแล้วในรายการ ONE ก่อนเข้ามาชกใน ONE ลุมพินี “กุหลาบดำ” โชว์ฟอร์มแบบไม่ทำให้แฟน ๆ ผิดหวัง แม้บางไฟต์จะมีอุบัติเหตุหรือเหตุไม่คาดคิดบ้าง แต่จากผลงาน 7 ไฟต์ “กุหลาบดำ” เก็บชัยชนะได้ 5 ครั้ง โดย 3 ไฟต์หลังเป็นการชนะแบบไม่ครบยก
“กุหลาบดำ” จะคืนสังเวียนเป็นครั้งที่ 8 โดยโคจรมาปะทะกับตำนานอย่าง “น้องโอ๋ ฮาม่ามวยไทย” อดีตแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต (135-145 ป.) ในศึก ONE ลุมพินี 58: ซุปเปอร์บอน vs มารัต วันศุกร์ที่ 5 เม.ย.67 มาดูกันว่าระหว่าง “ซ้ายอุกาบาต” จะสามารถสู้ความเก๋าของ “อดีตราชันฆ่าไม่ตาย” ได้หรือเปล่า
#5 ขุนศึก ส.เดชะพันธ์
(7 ไฟต์)
“ขุนศึก ส.เดชะพันธ์” นักสู้หนุ่มไฟแรง วัย 20 ปี จากจังหวัดหนองบัวลำภู เป็นอีกหนึ่งนักชกที่แฟนหมัดมวยเห็นหน้าบ่อย ๆ ใน ONE ลุมพินี ปัจจุบันเขาเป็นเจ้าของสถิติชนะ 5 แพ้ 2 โดยเป็นการน็อกคู่ต่อสู้ถึง 4 ไฟต์ พร้อมทั้งกวาดโบนัส 3.5 แสนบาท ไปมากถึง 4 ครั้ง
แม้ว่าไฟต์ล่าสุดเจ้าตัวจะโดนปิดฉากสถิติไม่แพ้ใคร 3 ไฟต์ติดด้วยการพ่ายคะแนน “ทับทิมทอง สจ.เล็กเมืองนนท์” ในศึก ONE ลุมพินี 54 เมื่อ 8 มี.ค.67 ที่ผ่านมา แต่ด้วยสไตล์การชกไม่เอาเปรียบคนดูและไม่ยอมแพ้ใครง่าย ๆ “ขุนศึก” ยังคงเป็นนักชกที่สร้างความประทับใจให้คนดูทุกครั้งที่ขึ้นสังเวียน
#6 อวตาร พีเค.แสนชัย
(7 ไฟต์)
นักชกหัวใจสู้เจ้าของสมญานาม “ขุนพลศอกสั่ง” จากค่าย พีเค.แสนชัย “อวตาร” นอกจากจะชกมวยหาเลี้ยงชีพแล้ว ยังเปิดร้านขายของทอดเป็นรายได้เสริมอีกทาง เรียกได้ว่าสู้ทั้งในและนอกสังเวียน
ด้านการชกมวยเขาเปิดตัวกับ ONE ลุมพินี ด้วยการชกในรุ่นเฟเธอร์เวต (145-155 ป.) แต่ไม่สมหวังจึงตัดสินใจลดน้ำหนักลงมาชกในพิกัดแบนตัมเวต (135-145 ป.) และสามารถทำผลงานได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ จนสามารถเก็บชัยชนะ 4 ไฟต์ติดต่อกัน ซึ่งผลงานที่ดีที่สุดของ “อวตาร” คือการน็อก “แอนตาร์ คาเซม” นักสู้จากเบลารุส ในศึก ONE ลุมพินี 51 เมื่อวันที่ 9 ก.พ.67 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม “อวตาร” เพิ่งพลาดท่าโดนซัดนับ 8 ไปถึง 2 ครั้ง ก่อนแพ้คะแนน “เคียมรัน นาบาติ” ในฐานะคู่เอกของศึก ONE ลุมพินี 55 เมื่อวันศุกร์ที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา และคาดว่านี่จะเป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้ “อวตาร” ต้องกลับไปปรับปรุงใหม่ เพื่อจะกลับมาแข็งแกร่งกว่าเดิม
#7 ยอดภูผา วิมานแอร์
(7 ไฟต์)
“ยอดภูผา วิมานแอร์” นักชกหมัดหนักฝีมือดี ดีกรี แชมป์ Road To ONE Thailand ซีซัน 1 รุ่นเฟเธอร์เวต (145-155 ป.) ด้วยเหตุในการแข่งขัน Road To ONE ไม่มีรุ่นแบนตัมเวต ทำให้เจ้าตัวต้องเบ่งน้ำหนักขึ้นไป เมื่อได้ก้าวสู่เวที ONE ลุมพินี จึงปรับลดน้ำหนักลงมาสู่รุ่นแบนตัมเวตที่เหมาะสม
โดย “ยอดภูผา” โชว์ฟอร์มได้ดี เก็บชัยชนะ 4 ไฟต์รวด ได้รับโบนัสไป 1 ครั้ง แต่ในช่วง 3 ไฟต์หลัง “ยอดภูผา” ยังหาทางออกไม่เจอ เมื่อต้องพบกับคู่แข่งที่มีรูปร่างช่วงตัวได้เปรียบกว่า อันเป็นอุปสรรคที่เขาจะต้องหาทางแก้เกมต่อไป
อย่างไรก็ตาม การที่นักกีฬาจะได้คิวขึ้นชกมากหรือน้อย เหตุผลหลักคือฟอร์มการชกบนเวที ซึ่งจะเริ่มกันตั้งแต่เรื่องการฝึกซ้อม การทำน้ำหนักที่จะต้องผ่านเกณฑ์และมาตรฐาน ตลอดจนการปรับปรุงและพัฒนาสไตล์การชกให้เหมาะสมกับผู้ชมของ ONE ซึ่งนักกีฬาจะต้องมีทั้งไหวพริบ ไอคิวมวย และการออกอาวุธต่อเนื่อง ทำให้การแข่งขันมีความสนุกและน่าติดตาม
อีกทั้งนักกีฬายังจะต้องรักษาสุขภาพร่างกายของตัวเองให้ดีอยู่เสมอ เพราะหากมีการบาดเจ็บหรือเจ็บป่วยบ่อย ๆ ทำให้ต้องพักฟื้นและไม่สามารถขึ้นชกได้บ่อยครั้งอย่างที่ตั้งใจ
นอกจากนี้การเตรียมความพร้อมอยู่ตลอดเวลา เมื่อมีมวยเปลี่ยน มวยถอนกะทันหัน นักกีฬาจะได้รับโอกาสในการขึ้นชกได้ทันที
ติดตามข่าวสารและความคืบหน้าของ ONE ได้ที่นี่ และโซเชียลมีเดียของ ONE ทุกช่องทาง ได้แก่ เฟซบุ๊ก ONE Championship Thailand และอินสตาแกรม ONEChampTh