7 เรื่องเด็ด “สะเก็ดดาว” กับการกลับมาชกมวยไทยครั้งแรกในรอบกว่าครึ่งทศวรรษ
“ดาวมฤตยู” สะเก็ดดาว เพชรพญาไท เจ้าของรางวัลนักมวยไทยยอดเยี่ยมเวทีมวยลุมพินี และนักมวยไทยดีเด่นการกีฬาแห่งประเทศไทย 2 ปี นับจากแขวนนวมไปตั้งแต่ปี 2557 ก็ผันตัวไปเป็นครูมวยอยู่สิงคโปร์ และกลับขึ้นสังเวียนในฐานะนักกีฬาการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) ของ วัน แชมเปียนชิพ ก่อนที่จะตัดสินใจหวนคืนเวทีผืนผ้าใบ ชกกติกามวยไทยอีกครั้งในวันศุกร์ที่ 16 ตุลาคมนี้ ในศึก ONE: REIGN OF DYNASTIES II
แฟนๆ ศิลปะการต่อสู้รุ่นใหม่อาจไม่คุ้นหน้ากับยอดมวยวัย 33 ปีรายนี้นัก แต่สำหรับใครที่เกิดทันคงได้เห็นพิษสงเจ้าของฉายา “ดาวมฤตยู” อย่างจะแจ้ง เพราะเขาคือนักชกที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์มวยไทย และนี่คือเหตุผลสำคัญ 7 ประการ ที่จะทำให้คุณไม่อาจละความสนใจไปจากตำนานมวยไทยผู้นี้
#1 คว้าชัยมาแล้ว 162 ไฟต์
กว่าสองทศวรรษในอาชีพ สะเก็ดดาว สั่งสมสถิติชนะ 162 แพ้ 62 และเสมอ 1 แต่สิ่งที่ทำให้ชัยชนะทั้งหมดน่าประทับใจยิ่งขึ้นคือ เขาสามารถล้มนักมวยไทยที่มีชื่อเสียงและชื่อชั้นเหนือกว่ามาแบบนักต่อนัก อาทิ “น้องโอ๋ ไก่ย่างห้าดาว” ซึ่งตอนนี้เป็นถึงแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต, “เพชรบุญชู เอฟ.เอ.กรุ๊ป” เจ้าของแชมป์มวยไทย 14 เส้น หรือแม้กระทั่งเจ้ามวยไทยระดับตำนานอย่าง “แสนชัย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม” ตลอดจนอีกหลายรายที่ไม่ได้เอ่ยนามถึง จึงเป็นที่มาของฉายา “ดาวมฤตยู” ดาวซึ่งมีอานุภาพร้ายแรงถึงขนาดจัดว่าเป็น “เทพแห่งความตาย” ทีเดียว
#2 เจ้าของแชมป์มวยไทย 7 สมัย
ตลอดเส้นทางนักมวยไทยอาชีพของ สะเก็ดดาว เขาคว้าแชมป์มวยไทยสถาบันใหญ่มาครอบครองได้อย่างน่าทึ่งถึง 7 สมัย ทั้งแชมป์ช่อง 7 สี รุ่นพินเวต 102 ปอนด์, แชมป์ลุมพินี รุ่นเฟเธอร์เวต 126 ปอนด์, แชมป์ราชดำเนิน รุ่นเฟเธอร์เวต 126 ปอนด์, แชมป์สหพันธ์มวยไทยอาชีพโลก (WPMF) รุ่นซูเปอร์เฟเธอร์เวต 130 ปอนด์, แชมป์ลุมพินี รุ่นไลต์เวต 135 ปอนด์ 2 สมัย, แชมป์สภามวยโลก WBC มวยไทย รุ่นซูเปอร์ไลต์เวต 140 ปอนด์
แต่ยังมีอีกหนึ่งเข็มขัดเส้นสำคัญที่เขายังไม่เคยได้มาครอบครอง นั่นคือเข็มขัดแชมป์โลก ONE นี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้เขากลับมาโลดแล่นในวงการมวยไทยอีกครั้ง หลังจากร้างมือไปนานกว่าครึ่งทศวรรษ
#3 ศึกมวยไทยแรกในรอบ 6 ปี
สะเก็ดดาว ร้างเวทีแข่งขันมวยไทยไปตั้งแต่ปี 2557 และข้ามน้ำข้ามทะเลไปสอนศิลปะแม่ไม้มวยไทยที่ประเทศสิงคโปร์ที่ยิม Evolve MMA
แม้ว่าเขาจะกลับเข้าสู่สนามแข่งขันกับ วัน แชมเปียนชิพ ในปี 2560 แต่ก็หันเหเส้นทางไปเอาดีด้านศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) แทน ซึ่งเขาสามารถชนะน็อกคู่ต่อกรได้ถึง 3 ครั้งติดต่อกันตั้งแต่ยกแรกนับจากไฟต์เปิดตัว และที่สำคัญเขาปิดเกมไวด้วยอาวุธมวยไทยล้วนๆ
การปรากฏตัวในวันศุกร์ที่ 16 ตุลาคมนี้ สะเก็ดดาว ตัดสินใจหวนคืนสู่รากเหง้าวิชาการต่อสู้ของชาวไทยที่เขาร้างมือไปนานถึง 6 ปี แต่มวยไทยก็ไม่เคยห่างหายไปจากชีวิต มันแทรกซึมอยู่ในสายเลือดและสัญชาตญาณ พิษสงการต่อสู้ที่แท้จริงจากก้นบึ้งในสายเลือดของเขา แม้กาลเวลาก็ไม่อาจพรากไปได้
#4 เปิดตัวครั้งแรกใน วัน ซูเปอร์ ซีรีส์
ใน วัน แชมเปียนชิพ ได้แบ่งประเภทการแข่งขันออกเป็น ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA), มวยไทย และคิกบ็อกซิ่ง ซึ่งกีฬาสองประเภทหลังถูกเรียกรวมกันว่า “วัน ซูเปอร์ ซีรีส์” และนี่จึงนับเป็นครั้งแรกของ สะเก็ดดาว ที่มาเปิดตัวในฐานะนักกีฬา วัน ซูเปอร์ ซีรีส์ ด้วยการขึ้นเวทีในรูปแบบมวยไทย 3 ยก รุ่นเฟเธอร์เวต
เชื่อว่าได้เลยว่าการกลับมาของขุนเข่าดินระเบิดจากมหาสารคามผู้นี้ เขาจะเตรียมพร้อมดับเครื่องชนอย่างเกรี้ยวกราดในพิกัดน้ำหนักที่เขาเลือกว่าเหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด และจะโชว์ฟอร์มได้อย่างประทับใจแฟนๆ อย่างแน่นอน
#5 รุ่นเฟเธอร์เวตอุดมไปด้วยยอดฝีมือ
การแข่งขันมวยไทย รุ่นเฟเธอร์เวต (65.9 – 70.3 กก.) นี้ สะเก็ดดาว ย่อมมองการณ์ไกลไปถึงการคว้าแชมป์โลก ซึ่งปัจจุบันมีเจ้าครองบัลลังก์ที่เพิ่งป้องกันตำแหน่งครั้งที่สองสำเร็จไปหมาดๆ อย่าง “เพชรมรกต เพชรยินดีอะคาเดมี” และยังมีนักชกอันตรายในรุ่นนี้อีกมากมายที่หมายตาจะกระชากเข็มขัดมาครอง อาทิ ซุปเปอร์บอน บัญชาเมฆ, สิทธิชัย ศิษย์สองพี่น้อง, “Kherow” จามาล ยูซูพอฟ, “Smokin’ Jo” โจ ณัฐวุฒิ, “AK47” เซมี ซานา, “The Boxing Computer” ยอดแสนไกล ไอเว แฟร์เท็กซ์
ศึกนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นการไต่อันดับของ สะเก็ดดาว ซึ่งหากเขานำตัวเองเข้าสู่แรงกิงได้เมื่อไหร่ เขาจะคือภัยคุกตามสุดอันตรายสำหรับนักชกทุกคนของรุ่นนี้อย่างปฏิเสธไม่ได้
#6 ขุนเข่าที่ไร้ผู้ต่อกร
นอกจากฉายา “ดาวมฤตยู” ที่ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย อีกหนึ่งฉายาที่แฟนๆ รู้จักนั่นคือ “ขุนเข่าดินระเบิด” จากผลงานเข่าสะท้านคู่ต่อกรมานักต่อนัก ทั้งรุนแรงและเฉียบคม
มวยเข่ามักจะเป็นที่โปรดปรานของคนดู ชมเชียร์สนุก ถูกใจคอแฟนมวยไทย ดังที่เราจะได้ยินกันบ่อยๆ ในสนามมวยที่กองเชียร์ต่างส่งเสียง “ตีๆ” เป็นอีกหนึ่งอรรถรสที่ขาดไม่ได้ และนี่คือสิ่งที่ สะเก็ดดาว คาดหวังตั้งเป้าเอาไว้ในศึกวันศุกร์นี้
#7 ศึกแชมป์ชนแชมป์
ศึก ONE: REIGN OF DYNASTIES II วันศุกร์ที่ 16 ตุลาคมนี้ สะเก็ดดาว จะกลับขึ้นสังเวียนเพื่อเผชิญหน้ากับนักชกจีนผู้ชำนาญการมวยไทย “จาง ฉุนยู่” ซึ่งมีดีกรีแชมป์สหพันธ์มวยไทยอาชีพโลก (WPMF) ติดปลายนวม แม้จะมาเปิดตัวใน วัน แชมเปียนชิพ ครั้งแรก แต่เขาผ่านการชกมวยอาชีพมาแล้วร่วม 60 ไฟต์ แถมยังเป็นพี่เลี้ยงให้กับน้องชาย “จาง เฉิงหลง” ซึ่งเคยขึ้นชิงแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นแบนตัมเวต มาแล้ว
ถ้า จาง ฉุนยู่ จะลุยมาดื้อๆ ก็เตรียมจุกรับประทานไว้ให้พร้อม เพราะอาวุธเข่าหากินของ สะเด็ดดาว พร้อมเปิดใช้งานทันที และพร้อมจะดับแสงดาวรุ่งแดนมังกรรายนี้ได้ทุกเมื่อ “ดาวมฤตยู” สุดอันตรายกลับมาเฉิดฉายบนเวทีระดับโลก ทุกคนในรุ่นนี้ต้องระวังตัวกันไว้ให้ดี
ด้วยเหตุผลทั้ง 7 ประการ เชื่อว่าเป็นการตอกย้ำให้แฟนๆ จะหยุดทุกกิจกรรมแล้วนั่งพักบนเก้าอี้ตัวโปรด เพื่อรับชมการแข่งขันศึก ONE: REIGN OF DYNASTIES II วันศุกร์ 16 ตุลาคมนี้ ซึ่งจะเริ่มออกอากาศตั้งแต่เวลา 19.30 น.เป็นต้นไปตามเวลาประเทศไทย เลือกรับชมได้ตามช่องทางที่สะดวก ดังนี้
- ONE Super App เวลา 19.30 น.
- YouTube ONE Championship เวลา 19.30 น.
- AIS PLAY เวลา 19.30 น.
- ไทยรัฐทีวี ช่อง 32 เวลา 22.40 น.
อ่านเพิ่มเติม: