เส้นทางนักมวยของ “อัลมา” ถูกพ่อสั่งห้าม แถมเพื่อนในโรงเรียนมองเป็นแค่ “ตัวตลก”
“อัลมา ยูนิคู” นักมวยสาวสวยจากแดนจิงโจ้ วัย 20 ปี เป็นหนึ่งในนักมวยหญิงดาวรุ่งพุ่งแรงมากที่สุดคนหนึ่งบนเวที วัน แชมเปียนชิพ ด้วยฝีไม้ลายมือที่ดีไม่แพ้หน้าตา อัลมา สร้างชื่อด้วยการเป็นคู่ท้าชิงแชมป์โลกมวยไทยกับ “แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” ในการเปิดตัวครั้งแรก เมื่อมิถุนายน 2562 แม้จะพ่ายให้แก่ตัวแม่ของไทย แต่ อัลมา ก็กลายเป็นขวัญใจแฟนหมัดมวยเพียงชั่วข้ามคืน
กว่าเธอจะมาเจิดจรัสบนเวทีระดับโลกนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอเป็นผู้หญิงที่ตัดสินใจเลือกเดินบนเส้นทางนักสู้ ซึ่งเป็นสิ่งที่แปลกแยกจากค่านิยมของสังคมที่เธออยู่อาศัย แต่เธอกลับยืนหยัดและยึดมั่นในความฝันของตัวเองว่าจะเป็นนักมวยหญิงที่ประสบความสำเร็จให้ได้
ย้อนไปเมื่อสมัยยังเด็ก อัลมา เติบโตมาในเมืองบริสเบน ประเทศออสเตรเลีย โดยพ่อและแม่ของเธอเป็นผู้อพยพจากแอลเบเนียมาตั้งรกรากที่นั่นตั้งแต่เธอยังไม่เกิด พวกเขาอาศัยอยู่ในย่านที่ไม่ค่อยดีนัก ทำให้ อัลมา เติบโตมาท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่บังคับให้เธอต้องเข้มแข็งเกินวัย
https://www.instagram.com/p/BL8XM7dhUKt/
อัลมา ต้องหาวิธีเรียนรู้ที่จะป้องกันตัวเองจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้นในย่านที่เธออยู่ เพื่อนบ้านจึงแนะนำให้เธอไปฝึกมวยไทยตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ซึ่งนั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอพบกับ “ศาสตร์แห่งอาวุธทั้ง 8” และตกหลุมรักกีฬานี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น
พ่อของ อัลมา ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะต้องการให้ลูกสาวเจริญรอยตามการเป็นนักฟุตบอลอาชีพเหมือนตนเอง แต่ความมุ่งมั่นตั้งใจของ อัลมา ก็สามารถเอาชนะใจพ่อได้ เธอจึงได้รับการสนับสนุนให้ฝึกฝนมวยไทยอย่างจริงจัง เพียงหนึ่งปีให้หลัง เธอก็ก้าวขึ้นสังเวียนสมัครเล่นเป็นครั้งแรกและได้รับชัยชนะ ก่อนจะขยับขึ้นเป็นแชมป์เยาวชนระดับประเทศอย่างรวดเร็ว
https://www.instagram.com/p/CCqO9LBDzF_/
พรสวรรค์และพรแสวงของ อัลมา นำเธอสู่ความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย แต่มันกลับเป็นสิ่งที่ทำให้เธอถูกเพื่อนที่โรงเรียนล้อและมองเป็นตัวตลก ที่เป็นผู้หญิงแต่กลับมาชกมวยไทย ซึ่งขณะนั้นยังไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายในออสเตรเลีย
วัยเด็กที่ต้องอยู่ท่ามกลางเสียงหัวเราะและการบูลลีด้วยคำพูดจาถากถาง ไม่ใช่เรื่องง่ายกับการต้องใช้ชีวิตแต่ละวันในโรงเรียน แต่เพราะการฝึกมวยไทยต้องใช้ความอดทนอดกลั้น ทำให้ อัลมา ผ่านช่วงเวลานั้นมาได้อย่างเข้มแข็ง ด้วยการไม่ให้ความสำคัญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ และมุ่งมั่นไปสู่เป้าหมายที่จะพิสูจน์ตัวเองว่า เธอสามารถเอาดีในการเป็นนักมวยหญิงได้
อัลมา พัฒนาตัวเองจากการเป็นนักกีฬาเยาวชน สู่ระดับมืออาชีพในวัย 17 ปี เธอคว้าแชมป์ระดับประเทศมาครอง ก่อนที่จะขึ้นแท่นแชมป์มวยไทย IPCC ตามมาด้วยแชมป์โลก WBC มวยไทย ซึ่งเธอสามารถกระชากเข็มขัดมาได้จากนักชกสาวไทยชื่อดัง “ซาซ่า ศ.อารีย์” ด้วยการชนะทีเคโอ.ในยกสุดท้าย เมื่อเดือนธันวาคม 2561 ที่ประเทศฮ่องกง ส่งผลให้เธอได้รับรางวัลนักมวยยอดเยี่ยมแห่งปี 2018 จาก WBC อีกด้วย
ผลงานดังกล่าวทำให้ อัลมา ได้มีที่ยืนบนเวทีการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่อย่าง วัน แชมเปียนชิพ ในฐานะตัวแทนประเทศออสเตรเลีย ที่สำคัญเธอคือตัวแทนของผู้หญิงที่มีความใฝ่ฝันอันยิ่งใหญ่
“มันเป็นแรงผลักดันที่ทำให้ฉันต้องต่อสู้กับคนที่คิดว่าฉันไม่เก่งหรือดีแค่พูด ฉันรู้ว่าสักวันต้องทำได้ การถูกล้อเรื่องการฝึกมวยไทยในตอนนั้น มันเป็นแรงผลักให้ฉันดีขึ้นและเก่งขึ้นในวันนี้”
การเปิดศึกใน วัน แชมเปียนชิพ 3 ไฟต์ที่ผ่านมา แม้ อัลมา จะยังไม่สามารถตีไข่แตกได้ แต่เธอก็ได้รับประสบการณ์อันคุ้มค่าจากการเจอนักกีฬาตัวเป้ง ๆ ทั้ง แสตมป์ และ เจเน็ต ท็อดด์ ที่ต่างก็มีดีกรีเป็นถึงแชมป์โลก ONE โดยเธอไม่ปฏิเสธที่จะเลือกคู่ชกเพื่อผลของชัยชนะ
เชื่อว่าแฟน ๆ คงได้เห็นฝีมือด้านมวยไทยของเธอ และจดจำความน่ารักสดใสของนักมวยสาวแดนจิงโจ้วัย 20 ปีคนนี้ได้ ในฐานะนักมวยไทยหญิงที่มีหัวใจนักสู้เต็มร้อย และยังคงยึดมั่นที่จะทำฝันให้เป็นจริงต่อไป แม้จะต้องล้มลุกคลุกคลานอีกกี่ครั้งก็ตาม
“ฉันหวังว่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงทุกคนเดินหน้าล่าฝันของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬาการต่อสู้หรืออะไรก็ตาม จงสู้ให้ถึงที่สุด”
อ่านเพิ่มเติม: