เผยโฉม “น้าแรม” ผู้ปลุกปั้นและเทรนเนอร์คู่บารมี “แสตมป์ แฟร์เท็กซ์”
ทำความรู้จัก “น้าแรม” เทรนเนอร์คู่ใจของ “แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” ที่ผู้อยู่เบื้องหลัง และคอยชักจูงนักสู้หญิงแกร่งจากระยองรายนี้ ให้ก้าวขึ้นมายิ่งใหญ่บนสังเวียนระดับโลก
สำหรับชีวิตของการเป็นนักกีฬาอาชีพ ปฏิเสธไม่ได้ว่านอกจากความเก่งกาจที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดแล้ว การมีเทรนเนอร์ที่ดีและรู้ใจ คืออีกหนึ่งองค์ประกอบหลัก ที่จะช่วยส่งเสริมให้ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย
เช่นเดียวกับ “แสตมป์ แฟร์เท็กซ์” สาวน้อยมหัศจรรย์แห่งวงการการต่อสู้ของเมืองไทย ที่กว่าจะก้าวขึ้นมายิ่งใหญ่เป็นแชมป์โลก ONE มวยไทยและคิกบ็อกซิ่ง รวมทั้งแชมป์เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นอะตอมเวต (MMA) ได้แบบทุกวันนี้ ก็เพราะมีเทรนเนอร์ที่ดีและรู้ใจอยู่ข้างกายมาโดยตลอด
โดยเทรนเนอร์คู่บารมีของ แสตมป์ ก็คือ “น้าแรม” สราวุธ ขุนคำดี เทรนเนอร์รุ่นบุกเบิกที่อยู่กับค่ายดังแห่งเมืองพัทยามานานกว่า 16 ปีแล้ว ซึ่งนอกจากจะทำหน้าที่คอยจับเป้าระหว่างการซ้อมแล้ว ยังเป็นคนชักจูงให้ แสตมป์ ได้เข้ามาอยู่กับ “แฟร์เท็กซ์” กระทั่งประสบความสำเร็จในปัจจุบัน
“น้าแรมเป็นคนที่ชักจูงหนูเข้ามาอยู่ที่ค่ายแฟร์เท็กซ์ค่ะ เพราะตอนนั้นทางค่ายอยากได้มวยหญิงมาปั้นในเป็นนักสู้ MMA น้าแรมก็เลยชวนหนูว่าอยากมาลองดูไหม ซึ่งช่วงนั้นหนูกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยค่ะ ตอนแรกคิดว่าอาจจะตัดสินใจเลิกชกแล้ว เพราะตอนนั้นมวยหญิงในไทยไม่ค่อยบูมเท่าไหร่”
“แต่พอรู้ว่าทางแฟร์เท็กซ์สนใจและมีข้อเสนอที่ดี หนูก็เลยตัดสินใจเข้ามา ซึ่งแรก ๆ อาจจะไม่ค่อยได้ซ้อมด้วยกันเท่าไหร่ เพราะน้าจะไปจับเป้าให้กับนักมวยผู้ชายมากกว่า จนกระทั่งหนูได้เข้ามาชกใน ONE น้าแรมจึงเริ่มมาจับเป้าให้หนูตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมาค่ะ”
ด้วยความรู้จักกันมานาน ทำให้รู้จักนิสัยใจคอกันเป็นอย่างดี เหตุนี่เองจึงเป็นจุดเด่นที่ทำให้ น้าแรม สามารถดึงเอาศักยภาพของ แสตมป์ ออกมาได้มากที่สุดระหว่างการซ้อม จนส่งผลดีโดยตรงกับการยกระดับฝีมือ กระทั่งมีผลงานบนสังเวียนที่ดีไปด้วย
“น้าแรมจะเป็นคนที่มีความหลากหลายค่ะ รู้จักผ่อนหนักผ่อนเบาระหว่างการซ้อม ไม่ได้เข้มงวดมาก สิ่งที่น้าแรมช่วยดึงศักยภาพของหนูออกมาให้ดีที่สุด ก็คือเรื่องของพละกำลัง ระบบการหายใจ รวมถึงการเตะเป้าที่แม่นยำและเข็มแรงค่ะ”
แม้จะพัฒนาฝีมือจนได้นั่งตำแหน่งแชมป์ แสตมป์ ก็ยังคงเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งในสายตาของ น้าแรม อยู่เสมอ จนทำให้มีคำพูดติดปากในเชิงหยอกล้อขำ ๆ ที่ช่วยกระตุ้นให้ แสตมป์ ต้องคอยพัฒนาขีดความสามารถของตัวเองอยู่ตลอดเวลา
“น้าแรมเขาจะมีคำพูดที่พูดกับหนูอยู่บ่อย ๆ ว่า ‘ทำให้น้าสบายใจบ้างเถอะ’ (หัวเราะ) เพราะในช่วงแรกที่มาอยู่ในค่าย หนูอาจจะเป็นเด็กดื้อบ้าง ขี้เกียจบ้าง น้าแรมก็เลยชอบพูดแบบนี้ แต่มันก็เป็นคำพูดแบบตลก ๆ ขำ ๆ นะคะ ไม่ได้ซีเรียสมาก”
“แม้ทุกวันนี้น้าแรมจะยังพูดอยู่บ้าง แต่หนูเองก็พยายามพัฒนาตัวเองขึ้นมาตลอด จนกระทั่งสามารถก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์ และทำให้น้าแรมรวมถึงทุกคนที่ค่าย ได้รู้สึกภูมิใจกับสิ่งที่หนูทำ”
ด้าน “น้าแรม” อดีตนักมวยไทยชื่อดังแห่งภาคตะวันออก ซึ่งหลายคนอาจรู้จักในนาม “ชาญชัย ศักดิ์ศรีผึ้ง” ได้เผยถึงสาเหตุที่ตัดสินใจชักชวน แสตมป์ เข้ามาอยู่ในค่ายแฟร์เท็กซ์เมื่อหลายปีก่อนว่า เป็นเพราะได้เห็นถึงอะไรบางอย่างที่อยู่ในตัวของเด็กรายนี้
โดยถึงแม้ส่วนตัวจะไม่เคยรู้จักกับ MMA มาก่อน แต่ด้วยพรสวรรค์และจุดเด่นบางอย่างที่เตะตา จึงทำให้เชื่อว่า แสตมป์ ดีพอที่จะนำมาปลุกปั้นให้กลายเป็นนักกีฬาระดับอาชีพในสาย MMA ได้
“แม้ผมจะไม่เคยมีประสบการณ์ในกติกา MMA มาก่อน แต่ผมก็พอมองออกว่ามันเป็นการต่อสู้แบบการปล้ำในท่านอน ซึ่ง แสตมป์ มีความแข็งแกร่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้คิดว่าน่าจะไปรุ่งในสายนี้”
“ตอนที่ผมพาเข้ามาที่ค่าย ผมไม่ได้มองว่าเขาจะเป็นแค่ไม้ประดับนะครับ แต่ผมมองว่าเขาจะไปไกลได้ในระดับนึงเลย เพราะเรื่องหัวจิตหัวใจและสภาพร่างกายเขาดีมาก อีกทั้งความตั้งใจระหว่างซ้อมก็ดีมากด้วย เขาซ้อมหนักไม่แพ้ผู้ชายเลยก็ว่าได้”
นอกจากนี้ เทรนเนอร์จอมเก๋าแห่งค่ายแฟร์เท็กซ์ยังชี้ว่า อีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้ แสตมป์ ก้าวขึ้นมาอยู่เหนือกว่านักสู้คนอื่น ๆ ในรุ่นเดียวกัน เป็นเพราะความใจสู้ เด็ดเดี่ยว รวมถึงการมี “พรแสวง” ที่เป็นองค์ประกบสำคัญในการประสบความสำเร็จ
“จากเด็กโนเนมในวันแรก จนถึงวันนี้เขาขึ้นมาเป็นนักกีฬาอาชีพ ผมก็เห็นว่าเขาพัฒนามาไกลมาก แต่สิ่งที่ผมอยากจะบอกคือ แสตมป์ ไม่ได้เป็นมวยพรสวรรค์แบบที่พระเจ้าสร้างขึ้นมาเหมือนกับคนอื่น ๆ แต่ที่เขาดังขึ้นมาได้ก็เพราะความขยัน พรแสวงที่เขามีในตัวมากกว่า เพราะอย่างที่บอกว่าเขาเป็นคนที่มีความมานะ อดทน เชื่อฟังหัวหน้าค่าย เทรนเนอร์ บอกให้ทำอะไรเขาก็ทำหมด ก็เลยทำให้เขาอยู่ตรงนี้ได้นานกว่าคนอื่น”
สุดท้าย น้าแรม ไม่ลืมที่จะทำนายถึงอนาคตของศิษย์รักรายนี้ว่า ยังสามารถพัฒนาความเก่งกาจในเชิงมวยไปได้อีกมาก รวมถึงหากมีโอกาสได้แก้มือกับ “แองเจลา ลี” ในการชิงแชมป์โลก ONE อีกครั้ง ก็เชื่อว่าผลลัพธ์จะต่างไปจากเดิมอย่างแน่นอน
“ถ้าในมุมมองส่วนตัว ผมก็คิดว่าเขาน่าจะไปได้อีกเรื่อย ๆ นะครับ เพราะถ้านับเฉพาะในรุ่นของเขาตอนนี้ นอกจาก แองเจลา ลี ที่เป็นแชมป์อยู่ เขาก็ยังไม่เคยแพ้ใครเลยนะครับ ฝีมือเขาก็ยังสามารถพัฒนาได้อีกมาก หลังจากที่แพ้มาในไฟต์ล่าสุด”
“ตอนนี้ผมสามารถพูดได้ว่า แสตมป์ สามารถไปได้ทุกที่ และทำได้ทุกอย่างเหมือนที่คนอื่น ๆ ทำ ผมเชื่อว่าเขามีสิทธิ์ที่จะเป็นแชมป์โลก 3 เส้นได้อย่างที่หวัง ถ้ามีโอกาสแก้มือกับ แองเจลา อีกสักครั้ง ผมคิดว่า แสตมป์ ยังมีไม้เด็ดที่จะสามารถเอาชนะคืนได้แน่นอนครับ”
อ่านเพิ่มเติม: