รู้จัก “ชิงกิซ อัลลาซอฟ” นักล่าผู้กระชากเข็มขัด “ซุปเปอร์บอน” ในบ้าน
เรื่องราวสะท้อนตัวตนของ “ชิงกิซ อัลลาซอฟ” แชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวตคนใหม่ ผู้กระชากเข็มขัดแชมป์เก่า “ซุปเปอร์บอน สิงห์มาวิน” ถึงถิ่นเจ้าภาพ
ในศึก ONE FIGHT NIGHT 6 เมื่อวันเสาร์ที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา “Chinga” ชิงกิซ อัลลาซอฟ นักคิกบ็อกซิ่งยอดฝีมือจากเบลารุส สร้างผลงานช็อกโลกเมื่อสามารถโค่นแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต (155 ป.) ชาวไทย “ซุปเปอร์บอน สิงห์มาวิน” ที่ได้ชื่อว่าเป็นเบอร์หนึ่งของโลกด้วยการน็อกเอาต์ และผงาดเหนือบัลลังก์ในฐานะราชันคนใหม่ของรุ่นนี้ทันที
โดยขณะนี้ “ชิงกิซ” ได้ครอบครองทั้งเข็มเข็ดสีเงินในฐานะแชมป์ ONE คิกบ็อกซิ่ง เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ และเข็มขัดเส้นหลักสีทองคล้องอยู่บนสองบ่า ส่งให้เขาได้ชื่อว่าเป็นที่หนึ่งของรุ่นอย่างไร้ข้อกังขา
เชื่อแน่ว่าผลงานอันยอดเยี่ยมครั้งนี้จะทำให้ชื่อของ “ชิงกิซ” เป็นที่จดจำของแฟนหมัดมวยชาวไทยไปอีกนาน วันนี้เราจึงขออาสาพาไปรู้จักตัวตนของแชมป์โลก ONE ป้ายแดงรายนี้ให้ดียิ่งขึ้นผ่านแง่มุมต่าง ๆ ที่คุณอาจยังไม่เคยรู้มาก่อน
#เคยเป็นนักมวยไทยอาชีพ
เมื่อ “ชิงกิซ” อายุได้ 13 ปี เขาใช้เวลาช่วงหนึ่งเดินทางมาเรียนวิชามวยไทยต้นตำรับที่เมืองไทยและมีโอกาสได้ลงแข่งขันในเวทีมวยไทยระดับอาชีพด้วย แต่ต่อมาไม่นานเขาก็ตัดสินเบนเข็มมาเอาดีในสายคิกบ็อกซิ่ง และเริ่มตระเวนแข่งขันในหลาย ๆ ประเทศและเริ่มมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก
#สร้างแรงบันดาลใจ
แม้ “ชิงกิซ” จะรับบทจอมโหดบนสังเวียน แต่นอกสังเวียนนั้นเขาจะช่วยฝึกให้กับเยาวชนที่มาเรียนใน Gridin Gym กรุงมินสค์ ประเทศเบลารุส ที่เขาร่วมเป็นหุ้นส่วนกับโค้ชของเขาเอง โดยเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ และเยาวชนเข้ามาฝึกซ้อมคิกบ็อกซิ่งและมอบรางวัลให้แก่นักกีฬามากพรสวรรค์ รวมทั้งสนับสนุนการแข่งขันในระดับท้องถิ่น เพื่อช่วยเป็นกำลังใจให้กับนักสู้รุ่นต่อไปให้พวกเขาไปถึงฝันที่วาดไว้
#เจ้าพ่อแฟชั่น
“ชิงกิซ” อาจเป็นคนที่ทำให้คู่ต่อสู้ร่างพังในการแข่งขัน แต่เขาไม่ใช่คนที่จะแต่งตัวพัง ๆ ออกจากบ้านอย่างแน่นอน การแต่งตัวนอกสังเวียนของ “ชิงกิซ” มาในรูปแบบเสื้อโปโลแบบมีกระดุม ผ้าพันคอ นาฬิกา จั๊มสูทลายพราง รองเท้าผ้าใบ กางเกงสแล็ก มิกซ์ แอนด์ แมตช์กันได้อย่างมีสไตล์
#ทักษะรอบตัว
นอกจากจะเป็นนักชกคิกบ็อกซิ่งแล้ว “ชิงกิซ” ยังชื่นชอบกิจกรรมที่เรียกว่า “จั๊กกลิง” ซึ่งช่วยให้เขาพัฒนาทักษะการทำงานประสานกันระหว่างมือกับตา ซึ่งอาจเป็นได้ว่า “ชิงกิซ” จะนำทักษะนี้ไปปรับใช้ในการออกอาวุธหมัดได้อย่างคล่องแคล่วว่องไวจนกลายเป็นอาวุธไม้ตายที่คู่แข่งทุกคนต่างขยาดและออกปากเป็นเสียงเดียวกันว่า “ชิงกิซ” คือนักชกที่มีหมัดอันตรายที่สุดคนหนึ่งของรุ่นเฟเธอร์เวต
#ขึ้นแท่นคิกบ็อกเซอร์ที่เก่งสุดระดับโลก
หลังจากสั่งสมชื่อเสียงในกีฬาคิกบ็อกซิ่งมานานหลายปี “ชิงกิซ” ประสบความสำเร็จในการแข่งขันระดับโลกโดยคว้าแชมป์โลกคิกบ็อกซิ่งจากหลายสถาบัน โดยก่อนหน้าที่จะได้เข้าสังกัด ONE เขาเคยเอาชนะนักชกไทยมาแล้วมากหน้าหลายตา ไม่ว่าจะเป็น สุดสาคร กลิ่นมี (พี่ชายของ สินสมุทร กลิ่นมี), ไทรโยค พุ่มพันธ์ม่วง และ โบวี ส.อุดมศร
จนกระทั่งได้เข้าร่วมสังกัด ONE และได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมในศึก ONE คิกบ็อกซิ่ง เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นเฟเธอร์เวต (155 ป.) ในฐานะนักชกคิกบ็อกซิ่งชั้นหัวกะทิ โดยสามารถเอาชนะน็อกนักมวยไทยสายดุ “โจ ณัฐวุฒิ” ในการแข่งขันรอบรองชนะเลิศ และล้างตาเอาชนะคู่ปรับเก่าอย่าง “สิทธิชัย ศิษย์สองพี่น้อง” ในรอบชิงชนะเลิศ และสามารถ คว้าเข็มขัดสีเงินมาครอบครองได้ในที่สุด
ล่าสุด “ชิงกิซ” ตอกย้ำความเก่งกาจในฐานะนักชกคิกบ็อกซิ่งระดับโลกอีกครั้งเมื่อเขาสามารถนั่งบัลลังก์แชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต ซึ่งถือเป็นตำแหน่งแชมป์โลกที่มอบให้คนเก่งที่สุดของที่สุดเท่านั้น
ในฐานะแชมป์โลก ONE คนใหม่ “ชิงกิซ” ออกมาเปิดใจว่า
“ตอนนี้ผมมีความสุขมาก ๆ ครับ ผมชนะ ซุปเปอร์บอน ในยกสอง บางทีผมอาจจะชนะเขายกแรกก็ได้ ผมมาเปลี่ยนแผนในยกที่สอง ไม่ว่ายังไง ซุปเปอร์บอน ก็ต้องแพ้ผมก่อนถึงยกที่ห้า แต่ผมไม่พูดแบบนี้ออกไป ผมทำให้เขาเห็นพลัง และเทคนิคของผมแทน และผมก็น็อก ซุปเปอร์บอน ได้อย่างที่เห็น ซึ่งผมดีใจมาก ทั้งหมดเป็นเพราะแผนการชกของผม แผนของทีมของผม และผมทำมันได้ ขอบคุณที่สนับสนุนครับ
ผมขอขอบคุณทาง ONE และ ซุปเปอร์บอน ผมนับถือเขามาก ผมนับถือทีมของซุปเปอร์บอน แต่ผมเองก็ต้องทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ขอให้เขาหายดีเร็ว ๆ และกลับมาขึ้นชกอีก แล้วเจอกันครับ”
อ่านเพิ่มเติม: