รู้จัก “ครูตอง” ชนนภัทร นักสู้รุ่นบุกเบิกสมัยคนไทยแทบไม่รู้จัก MMA
ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน หรือ MMA (Mixed Martial Arts) เป็นกีฬาการต่อสู้ที่รวมศาสตร์การป้องกันตัวหลายแขนงไว้ด้วยกันได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในต่างประเทศมานาน แต่หากย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนยังเป็นเรื่องใหม่มาก โดยแทบไม่มีใครรู้จักหรือเข้าใจว่ากีฬาประเภทนี้เป็นอย่างไร
อย่างไรก็ตาม “OneShin” ชนนภัทร วิรัชชัย หรือเป็นที่รู้จักกันทั่วไปในวงการกีฬาการต่อสู้ “ครูตอง” เป็นหนึ่งในนักกีฬาเพียงไม่กี่คนที่สนใจกีฬาประเภทนี้และหันมาฝึกซ้อมอย่างจริงจัง จนกระทั่งได้รับการยอมรับว่าเป็นนักสู้ไทย “รุ่นบุกเบิก” ที่เข้าสู่วงการ MMA โดยได้โอกาสเปิดตัวกับ ONE ในยุคแรกเริ่มที่จัดการแข่งขัน MMA เพียงประเภทเดียว
แน่นอนว่า ในฐานะนักกีฬา MMA ชาวไทยเพียงไม่กี่คนในเวลานั้น “ชนนภัทร” ได้สร้างชื่อในเวทีระดับโลก ONE และขึ้นแท่นนักสู้ MMA แถวหน้าของไทยตั้งแต่นั้นมา
ก่อนที่เราจะได้เห็นฝีมือของ ชนนภัทร อีกครั้งหลังห่างสังเวียนไปกว่า 2 ปี กับนักสู้จากอิหร่าน “โพริยา กอลปูร์” ในศึก ONE ลุมพินี 3 ในวันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์นี้ เราจะพาไปทำความรู้จักเขาให้มากขึ้น และคุณจะรู้ว่าเส้นทางนักสู้ของเขานั้นไม่ง่ายเลย
#ชีวิตติดอยู่ในกรอบ
“ชนนภัทร” เป็นลูกคนเดียวของครอบครัวที่มีคุณพ่อเป็นอาจาร์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจชิ้นเนื้อ และแม่เป็นอาจารย์พยาบาล เขาถูกตีกรอบอย่างเข้มงวดภายใต้เรื่องของอนามัยและความปลอดภัย แม้เขาจะใช้ชีวิตคลุกคลีอยู่ในโรงพยาบาลและเห็นศพจนคุ้นชิน แต่เขาไม่เคยสนใจอาชีพหมอแม้แต่น้อย
วัยเด็กของ “ชนนภัทร” ส่วนใหญ่จะเล่นคนเดียวอยู่ที่บ้าน เขาถูกส่งเข้าเรียนในโรงเรียนชั้นนำของประเทศที่มุ่งเน้นเรื่องวิชาการมากกว่าเรื่องกิจกรรมหรือกีฬา แต่อย่างน้อย “ชนนภัทร” ก็ได้เรียนวิชาขลุ่ย ที่นอกเหนือจากวิชาการอันเคร่งเครียด
#ค้นพบแรงผลักดัน
กรอบชีวิตที่ถูกกำหนดไม่ใช่ตัวตนของ “ชนนภัทร” แต่เมื่อเขาได้ดูทีวีโชว์และภาพยนตร์ที่มีฉากบู๊ตามแบบฉบับลูกผู้ชาย จึงเป็นสิ่งที่จุดประกายเขาเข้าสู่เส้นทางนักสู้ เขาได้เห็นต้นแบบฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก “สมรักษ์ คำสิงห์” ที่นำแสดงภาพยนตร์เรื่อง “นายขนมต้ม” จนเขาอยากลองสัมผัสและศึกษาศาสตร์แขนงนี้ให้มากขึ้น แต่แทนที่ “ชนนภัทร” ในวัย 10 ขวบจะได้เรียนมวยไทยตามที่หวัง แม่ของเขากลับพาไปสมัครเรียนยูโด
แม้จะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยแต่ก็ทนเรียนได้ถึง 2-3 ปี และหยุดเรียนไปก่อนจะกลับมาเรียนอีกครั้งเมื่อเข้า ม.3 ในชมรมยูโดของโรงเรียน แต่ครั้งนี้ “ชนนภัทร” ให้ความสนใจกีฬาการต่อสู้มากขึ้นกว่าเดิม ถึงขั้นลองเรียนกังฟูตามเพื่อน และยังได้วิชาบราซิลเลียนยิวยิตสูจากรุ่นพี่ที่เพิ่งกลับมาจากอเมริกาด้วย
#แน่วแน่จนพ่อแม่โอนอ่อน
เมื่อเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัย “ชนนภัทร” เลือกศึกษาในคณะการโรงแรมและการท่องเที่ยวจีน ทำให้เขาสื่อสารภาษาจีนได้คล่องแคล่วเพื่อที่จะเอาใจพ่อแม่ แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยากประกอบอาชีพนี้ก็ตาม
พ่อแม่ของ “ชนนภัทร” ที่ทำอาชีพในสายสุขภาพ มองภาพลักษณ์อาชีพนักสู้ไม่ค่อยดีนัก พวกท่านได้เห็นคนบาดเจ็บมาตลอดชีวิต จึงไม่อยากเห็นลูกชายตัวเองตกอยู่ในสภาพแบบนั้น และอยากให้ “ชนนภัทร” มีแผนสำรองอื่นนอกจากอาชีพนักสู้
“ชนนภัทร” ยังมีความสุขกับการได้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ ขณะเดียวกันก็สอนภาษาไทยให้ชาวต่างชาติ และสอบผ่านคุณสมบัติการเป็นโค้ชสอนศิลปะการต่อสู้ แม้จะใช้เวลานานพอสมควร แต่ในที่สุดพ่อแม่ก็มองเห็นโอกาสและเริ่มสนับสนุนให้ “ชนนภัทร” เดินตามความฝันของตัวเอง
#ไอคอนของคนรุ่นใหม่
เมื่อ ONE เข้ามาจัดการแข่งขันในประเทศไทย “ชนนภัทร” ได้เข้ามามีส่วนร่วมในกีฬา MMA ไม่ว่าจะเป็นการให้สัมภาษณ์ นักวิจารณ์ (คอมเมนเตเตอร์) แต่ยังไม่ใช่การแข่งขันบนสังเวียน
ในปี 2554 เขาตัดสินใจลงแข่งในระดับอาชีพและเก็บชัยชนะได้ 2 ไฟต์ก่อนก้าวเข้าไปเป็นนักกีฬาของ วัน แชมเปียนชิพ และได้ฝากผลงานบนสังเวียน ONE ไว้ถึง 15 ไฟต์
การเข้ามาเป็นนักสู้ในสังกัด ONE สำหรับ “ชนนภัทร” นั้นไม่ใช่แค่เรื่องเงินทองหรือชื่อเสียง แต่เขาทำด้วยใจรัก และอยากให้กีฬาการต่อสู้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต เขายังอยากที่จะรู้จักมันให้มากขึ้นกว่านี้
สำหรับ ชนนภัทร ในวัย 34 ปี จะกลับมาโชว์ทักษะการต่อสู้แบบผสมผสานอีกครั้งในรอบ 2 ปี ในศึก ONE ลุมพินี 3 วันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์นี้ ณ สนามมวยเวทีลุมพินี แฟน ๆ ตามไปให้กำลังใจถึงขอบสังเวียนกันได้ โดยสามารถจองบัตรเข้าชมในสนามผ่านทาง http://bit.ly/3YWaao3 คู่แรกเริ่มเวลา 19.30 น. และถ่ายทอดสดทางช่อง 7 HD ตั้งแต่เวลา 20.30 น.