รู้จัก “เปาเก่ง” ผู้ชี้ขาดชายไทยคนที่สองของ ONE ลุมพินี ต่อจาก “เปาป้อม”
เปิดเส้นทางชีวิต “เปาเก่ง” สิบเอกกฤษฎา พลตื้อ อดีตแชมป์มวยไทย สู่บทบาทการเป็นผู้ชี้ชาดบนเวทีให้กับศึก ONE ลุมพินี
สิบเอก กฤษฎา พลตื้อ หรือ “เปาเก่ง” วัย 31 ปี ผู้ชี้ขาดชายไทยคนที่สองของศึก ONE ลุมพินี ต่อจาก “เปาป้อม” สิบตำรวจเอก วัชรินทร์ รัชนิพนธ์ โดยก่อนที่ได้มารับหน้าที่ห้ามมวย “เปาเก่ง” เคยประสบความสำเร็จในฐานะนักกีฬามาแล้ว ด้วยการคว้าตำแหน่งแชมป์ช่อง 7 รุ่น 122 ป.
“เปาเก่ง” เป็นชาวจังหวัดกาฬสินธุ์ ปัจจุบันกำลังรับราชการทหาร สังกัดกองการกีฬา กรมสวัสดิการทหารบก ซึ่งก่อนหน้านั้น “เปาเก่ง” เคยอยู่ในวงการมวยในฐานะนักมวยมาก่อน โดยใช้ชื่อในการชกว่า “แสนเก่ง กีล่าสปอร์ต”
และเริ่มไต่เต้าขึ้นมาเรื่อย ๆ จนประสบความสำเร็จคว้าตำแหน่งแชมป์ช่อง 7 รุ่น 122 ป. มาครองจนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ ก่อนจะตัดสินใจแขวนนวม ตอนอายุ 26 ปี เนื่องจากได้รับบาดเจ็บที่มือจนไม่สามารถชกมวยต่อได้
หลังตัดสินใจอำลาวงการไปได้ไม่นาน “เปาเก่ง” ได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ที่เคารพ ให้ไปเข้ารับการอบรมเพื่อเป็นผู้ตัดสินที่จัดขึ้นในจังหวัดเชียงใหม่ ในช่วงปี 2562 ซึ่งภายหลังการอบรมจึงได้รับโอกาสให้เข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้ตัดสินมวยไทยให้กับสนามมวยเวทีลุมพินี
กระทั่งได้รับการผลักดันให้ขึ้นทำหน้าที่ห้ามมวยในรายการมวยตู้ชั้นนำของประเทศไทย และด้วยการทำหน้าที่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง “เปาเก่ง” จึงได้รับโอกาสครั้งสำคัญ ให้เข้ามามีบทบาทเป็นผู้ชี้ขาดบนเวทีในรายการ ONE ลุมพินี ที่จัดขึ้น ณ สนามมวยเวทีลุมพินี ที่ตนเองสังกัดอยู่
แต่กว่าที่ “เปาเก่ง” จะได้ชื่อว่าเป็นผู้ชี้ขาดบนสังเวียนให้กับรายการระดับโลก ONE ลุมพินี ต้องใช้เวลานานกว่า 2 สัปดาห์ ในการเข้าอบรมและเรียนรู้งานจากทีมงานผู้ตัดสินผู้ทรงคุณวุฒิของ ONE ที่มาจากทั่วโลกเพื่อศึกษาการปฏิบัติงานในแต่ละขั้นตอนอย่างละเอียด ก่อนได้รับหน้าที่ขึ้นเป็นผู้ชี้ขาดบนเวทีอย่างเป็นทางการครั้งแรกในศึก ONE ลุมพินี 24
“ผมใช้เวลาฝึกอยู่กับทีมงานผู้ตัดสินของ ONE ประมาณสองอาทิตย์ได้ครับ ในช่วงฝึกงานได้ไปนั่งอยู่ที่ข้างเวที เพื่อดูการปฏิบัติของกรรมการอย่างใกล้ชิด เพื่อเรียนรู้การปฏิบัติตัวของกรรมการ ONE ว่าเวลาขึ้นเวทีมาต้องทำยังไงบ้าง รวมทั้งยังเข้ารับการอบรมเรื่องการปฏิบัติทุกอย่างบนเวทีอย่างละเอียด แล้วจึงได้ขึ้นตัดสินจริงครับ”
ในส่วนของการทำหน้าที่บนเวที “เปาเก่ง” ยอมรับว่าการตัดสินมวยไทย 3 ยกมีความง่ายกว่ามวยไทย 5 ยก เพราะนักมวยจะออกอาวุธปะทะกันอยู่ตลอด ทำให้ไม่เกิดปัญหานักมวยไม่ชกกันบนเวที เหมือนที่มักจะเจอเป็นประจำในช่วงยก 1-2 ของมวยไทย 5 ยก
“สำหรับผมมวยไทยห้ายก ตัดสินยากกว่าครับ เพราะยก 1-2 นักมวยจะไม่ค่อยชกกัน ทำให้กรรมการจะต้องคอยสับมือให้นักมวยเข้ามาชกกันตลอด แต่นักมวยเขาก็ไม่สนใจครับ เขาฟังแต่พี่เลี้ยงที่สั่งให้เต้นดูเชิงมากกว่า เลยเป็นความยากในการทำหน้าที่ เพราะมักจะเกิดปัญหานักมวยไม่ชกกันอยู่ตลอดครับ ส่วนมวยสามยก นักมวยจะออกอาวุธตลอด กรรมการจะมีหน้าที่แค่คอยแยก และคอยป้องกันไม่ให้นักมวยทำผิดกติกา ทำให้ไม่ยากในการทำหน้าที่เท่าไหร่ครับ”
“เปาเก่ง” ถือว่าเป็นผู้ชี้ขาดชายไทยคนที่ 2 ที่ได้ทำหน้าที่ห้ามมวยในศึก ONE ลุมพินีต่อจาก “เปาป้อม” โดยรับหน้าที่นี้ครั้งแรกให้กับคู่ของ “ใจสิงห์ ศิษย์นายกพันศักดิ์” และ “อาเมียร์ อับดุลมุสลิมอฟ” ในศึก ONE ลุมพินี 24 เมื่อวันศุกร์ที่ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา และได้ทำหน้าที่ต่อเนื่องอีกหลายไฟต์จนถึงปัจจุบัน โดยเจ้าตัวเปิดใจถึงการทำหน้าที่นี้ว่า
“ผมรู้สึกตื่นเต้น และกดดันพอสมควรครับ เพราะก่อนหน้านี้ “พี่ป้อม” (วัชรินทร์ รัชนิพนธ์) ทำไว้ดีมาก ต้องยอมรับครับว่าการห้ามมวยของผมยังสู้ “พี่ป้อม” ไม่ได้ แต่ผมก็จะพยายามเรียนรู้ให้มากขึ้น และทำหน้าที่ให้ดีที่สุดทุกครั้งที่ได้รับโอกาสครับ”
ติดตามข่าวสารและความคืบหน้าได้ที่นี่และและโซเชียลมีเดียของ ONE ทุกช่องทาง ได้แก่ เฟซบุ๊ก ONE Championship Thailand และอินสตาแกรม ONEChampTh