เปลือยชีวิตติดลบ “เปโตรเซียน” กว่าจะมาเป็นคิกบ็อกเซอร์เก่งกาจที่สุดตลอดกาล
หากเอ่ยถึงคิกบ็อกเซอร์ชาวอิตาลี “จอร์จิโอ เปโตรเซียน” เชื่อว่าแฟนหมัดมวยชาวไทยคงคุ้นเคยเป็นอย่างดี จากการที่เขาผ่านนักมวยไทยมาหลายคน รวมถึงซูเปอร์สตาร์แห่งวงการมวยอย่าง “บัวขาว บัญชาเมฆ” ตั้งแต่สมัยที่ยังใช้ ป.ประมุข เดิม
การผ่านร้อนผ่านหนาวบนเส้นทางนักสู้กว่าร้อยไฟต์ของ เปโตรเซียน โดยคว้าชัยชนะมาได้ถึง 95% ทำให้เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นนักชกที่เก่งกาจที่สุดตลอดกาล มีคู่แข่งที่กำราบเขาได้เพียงไม่กี่คน
กว่าจะเดินทางมาถึงจุดสูงสุด เปโตรเซียน ผ่านความยากลำบากโดยเริ่มจากต้นทุนชีวิตติดลบ หนีสงครามในประเทศบ้านเกิด ต้องนอนข้างถนน จนแทบไม่น่าเชื่อเลยว่า เขาจะมีวันนี้ได้
#หนีสงคราม นอนข้างถนน
เปโตรเซียน เกิดที่ประเทศอาร์เมเนีย เมื่อ 10 ธันวาคม 2528 แต่ด้วยปัญหาสงครามภายในประเทศ ทำให้ครอบครัวของเขาต้องอพยพหลบหนีเพื่อเอาชีวิตรอด โดยไปอาศัยอยู่ประเทศอิตาลีในฐานะผู้ลี้ภัย เมื่อปี 2542 ซึ่งขณะนั้นเขามีอายุ 13 ปี
การไปอยู่ที่อิตาลีแบบผู้อพยพ เปรียบเสมือนชีวิตติดลบ ไม่มีที่อยู่อาศัย ต้องซุกหัวนอนตามสถานีรถไฟบ้าง ข้างถนนบ้าง ช่วงเวลานั้นเขาจินตนาการไม่ออกเลยว่า อนาคตจะมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นในชีวิตหรือเปล่า
โชคดีที่ยังมีองค์กรการกุศลยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ทำให้เขาและครอบครัวมีงานทำ ค่อย ๆ สร้างหลักปักฐาน และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นตามสมควร
#ฝันอยากเป็นฮีโร
หนุ่มน้อย เปโตรเซียน เป็นแฟนตัวยงของภาพยนตร์การต่อสู้ มีไอดอลคือ “บรูซ ลี” และ “ฌอง-คล็อด แวนแดมม์” เขาต้องการเก่งเหมือนฮีโร่ยอดนักสู้ เขาสนใจเรียนคิกบ็อกซิ่ง แต่การหายิมในเมืองกอริเซียซึ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ ในอิตาลี ไม่ใช่เรื่องง่าย
“ตอนสมัยที่ผมอาศัยอยู่บ้านพักของศูนย์บรรเทาทุกข์ พ่อบอกผมว่า ระหว่างนี้เราต้องฝึกกันเองไปก่อน และพ่อจะพยายามหายิมให้ พวกเราพันหมอนไว้กับเสาบาสเก็ตบอล ใช้ซ้อมเตะซ้อมต่อยเป็นประจำ จนกระทั่งพ่อหาที่เรียนได้ โดยเริ่มแรกผมเรียนมวยไทยเมื่อสมัยอายุ 14 ปี”
#ฉายา “The Doctor”
หลังจากเรียนมวยไทยได้ราว 2 ปี เปโตรเซียน ก้าวขึ้นสังเวียนครั้งแรกตอนอายุ 16 ปี และเริ่มตระเวนเดินสายชกมวยไทยเป็นอาชีพควบคู่ไปกับการเป็นคนงานก่ออิฐสร้างบ้าน
ในปี 2547 เปโตรเซียน ได้ขึ้นชกกับนักมวยชาวฝรั่งเศส และน็อกคู่ต่อสู้ตั้งแต่ยกแรกด้วยการเตะตัดขา 4 ครั้ง กรรมการคนหนึ่งพิจารณาดูภาพถ่ายก็พบว่า การเตะทั้ง 4 ครั้งแม้มันจะดูเหมือนกัน แต่จริง ๆ แล้วมันไม่เหมือนกันเลย
“ตั้งแต่การชกครั้งนั้นเป็นต้นมา ผมก็ได้รับฉายาว่า ‘The Surgeon (ศัลยแพทย์)’ เพราะมันเหมือนเป็นการเตะเพียงครั้งเดียว แต่ที่จริงแล้ว มันเป็นการเตะ 4 ครั้ง แต่ย้ำลงไปที่จุดเดิม ระยะเดิม และเทคนิคเดิม”
“และจากฉายา The Surgeon ก็กลายมาเป็น “The Doctor (คุณหมอ)” เพื่อต้องการสื่อว่า ผมมีความแม่นยำและเฉียบขาดในการออกอาวุธ ซึ่งผมใช้ฉายานี้มาตลอดจนปัจจุบัน”
ความแม่นยำในการออกอาวุธเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักสู้ เพราะมันไม่มีคำว่า “ฟลุก” บนสังเวียน เช่นเดียวกับหมอที่ต้องรักษาคนไข้ หมอจึงมีความเชี่ยวชาญในเครื่องไม้เครื่องมือ และสามารถแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้อย่างทันท่วงที การชกบนเวทีก็เหมือนกัน
#จากมวยไทยสู่คิกบ็อกซิ่ง
หลังจากตระเวนสร้างชื่อและคว้าชัยชนะในการแข่งขันมวยไทยในเวทีต่าง ๆ ทั่วยุโรป เปโตรเซียน ตัดสินใจหันมาชกคิกบ็อกซิ่งที่ตนเองชอบ และออกล่าฝันการเป็นนักกีฬาคิกบ็อกซิ่งระดับโลก จนกระทั่งประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์ K-1 World MAX, แชมป์ Glory Slam Tournament และอีกมากมาย
เปโตรเซียน เป็นผู้สร้างปรากฏการณ์ในวงการคิกบ็อกซิ่งระดับโลกด้วยฟอร์มการชกอันยอดเยี่ยมโดยสร้างสถิติอันน่าเหลือเชื่อ ด้วยชัยชนะกว่าร้อยไฟต์ โดยเป็นความพ่ายแพ้เพียง 2 ครั้งในชีวิต (เสมอ 2 ไม่มีผลการตัดสิน 2) จนทั่วโลกยกย่องให้เขาเป็นนักชกคิกบ็อกซิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล
“ผมพยายามเปลี่ยนสไตล์การชกของตัวเองอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้คู่ต่อสู้จับทางได้ แต่ย้ำอีกครั้งว่า ถ้าเรามีความเร็วและทักษะการต่อสู้ที่ดี มันจะเป็นข้อได้เปรียบมาก ผมเรียนรู้เทคนิคเหล่านี้ตอนที่ผมเริ่มชกมวยไทย และเมื่อผมได้ชก K-1 ผมก็ต้องเปลี่ยนสไตล์เป็นคิกบ็อกซิ่ง”
“ผมใส่เทคนิคการป้องกันตัวแบบมวยไทยเข้าไป บวกกับการปล่อยหมัดสไตล์คิกบ็อกซิ่ง ผมรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน และเหมือนแฟนๆ จะชื่นชอบและสนุกไปด้วย ผมเก่งในเรื่องการดวลหมัด แต่ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับว่า คู่แข่งที่ผมกำลังเผชิญหน้าเป็นใคร”
#ใต้ชายคา ONE
หลังกวาดแชมป์ระดับโลกมามากมาย เปโตรเซียน ตัดสินใจก้าวเข้าสู่ชายคา ONE เพื่อสานต่อความสำเร็จในระดับโลกในฐานะนักกีฬาชุด วัน ซูเปอร์ ซีรีส์ (มวยไทย/คิกบ็อกซิ่ง) ในปี 2561
เขาเปิดตัวอย่างงดงามด้วยการเอาชนะ “โจ ณัฐวุฒิ” ตามด้วย “เซราะกราว เพชรยินดีอะคาเดมี” ก่อนเข้าสู่การแข่งขัน ONE คิกบ็อกซิ่ง เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นเฟเธอร์เวต และทะลวงด่านคู่แข่งอย่าง “เพชรมรกต เพชรยินดีอะคาเดมี” และภาคสองกับ “โจ ณัฐวุฒิ” ที่คราวนี้เขาเอาถึงน็อก ก่อนจะไปถึงรอบสุดท้ายกับนักมวยฝรั่งเศส “เซมี ซานา” และคว้าเข็มขัดแชมป์เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ โกยเงินรางวัลกว่า 31 ล้านบาท
เปโตรเซียน กำลังจะได้โอกาสยกระดับความสำเร็จอีกครั้ง เมื่อได้เปิดศึกชิงแชมป์โลก ONE คิกบ็อกซิ่ง รุ่นเฟเธอร์เวต ซึ่งถือเป็นตำแหน่งสูงสุดที่นักกีฬาในรุ่นนี้ต่างหมายปอง
โดยจะลงฟาดปากกับ “ซุปเปอร์บอน” คิกบ็อกเซอร์ตัวท็อปของไทยในศึก ONE: FIRST STRIKE ที่จะถ่ายทอดสดในวันศุกร์ที่ 15 ตุลาคม 2564
หากเขาสามารถคว้าชัยในศึกครั้งนี้ ก็เท่ากับว่าเขาจะสร้างประวัติศาสตร์การควบแชมป์โลกสองเข็มขัดของ ONE และตอกย้ำว่าเขาคือนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาลตัวจริง
อ่านเพิ่มเติม: