เรื่องจริงของอดีตนักมวยปล้ำโอลิมปิกไซส์มินิ “กุสตาโว บาลาร์ต”
หากเอ่ยถึง “กุสตาโว บาลาร์ต” เชื่อว่ามีหลายท่านอาจไม่คุ้นชื่อของเขาเลยสักนิด แต่หากใบ้ว่านักสู้รุ่นฟลายเวตของ วัน แชมเปียนชิพ ผู้มีความสูงเพียง 150 ซม. สู้กับใครเสียเปรียบเรื่องช่วงตัวทุกราย เชื่อว่าหลายท่านน่าจะเคยผ่านหูผ่านตาการแข่งขันของเขามาบ้าง
เห็นเขาตัวเล็กๆ แบบนี้ กุสตาโว มีดีกรีเป็นแชมป์แพนอเมริกัน มวยปล้ำเกรโก-โรมัน 3 สมัย และยังเป็นนักกีฬาทีมชาติคิวบา ผู้มีลีลาการต่อสู้ที่ดุเด็ดเผ็ดมัน น่าเกรงขาม ผิดกับรูปร่างไซส์มินิ ซึ่งหากจะให้นิยามว่า “หัวใจใหญ่กว่าตับ” ก็ไม่น่าจะผิดอะไร
#ลูกชายนักมวยปล้ำ
กุสตาโว และ พ่อ
กุสตาโว บาลาร์ต เกิดในประเทศคิวบา โดยมีพ่อซึ่งเป็นนักกีฬามวยปล้ำทีมชาติ ผู้มีบทบาทสำคัญที่สุดในชีวิตของเขา พ่อเป็นแรงบันดาลใจ และเป็นครูคนแรกผู้ถ่ายทอดวิชามวยปล้ำให้กับลูกชายอย่างหมดเปลือก
วัยเด็กของ กุสตาโว มีความซุกซน สดใส และแอ็กทีฟมาก เขาชอบออกไปเล่นนอกบ้าน เหมือนกับเด็กผู้ชายคิวบาทั่วไป
“ผมเห็นพ่อเล่นมวยปล้ำมาตลอดในฐานะนักกีฬาทีมชาติคิวบา ผมมักติดสอยห้อยตามพ่อไปดูการแข่งขัน ซึ่งนั่นคือแรงบันดาลใจให้ผมเดินตามรอยของพ่อ ผมอยากทำให้พ่อภูมิใจที่ได้เห็นผมเป็นนักมวยปล้ำ และอาจจะทำได้ดีกว่าเขา”
“ผมเริ่มฝึกมวยปล้ำตอนอายุ 7 ขวบ ในคลาสมวยปล้ำเกรโก–โรมันสำหรับเยาวชน และพ่อก็ได้เห็นแววในตัวผม เขาจึงตัดสินใจฝึกสอนผมด้วยตัวเอง”
ด้วยการสนับสนุนจากพ่อ กุสตาโว สามารถบรรลุเป้าหมายด้วยการคว้าแชมป์แพนอเมริกัน มวยปล้ำเกรโก-โรมัน 3 สมัย และได้เป็นตัวแทนของประเทศในฐานะนักกีฬาทีมชาติคิวบา ที่ลงแข่งขันในกีฬาโอลิมปิก ปี 2012 ซึ่งเขายอมรับว่า เขาอาจจะเดินทางมาไม่ถึงจุดนี้หากไม่มีพ่อเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง
“มันต้องใช้ความเสียสละ มุมานะ พยายามอย่างมาก ผมผ่านมันมาได้เพราะมีพ่อคอยผลักดันในวันที่ผมท้อแท้ พ่อมาเติมเต็มความเข้มแข็งให้ผม และอยู่เคียงข้างผมมาตลอดเส้นทางอาชีพ”
#ยอมห่างลูกเมียเพื่อสร้างอนาคต
แม้จะประสบความสำเร็จในฐานะนักมวยปล้ำมือสมัครเล่น แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอที่จะเลี้ยงดูลูกและภรรยาของเขาได้
กุสตาโว จึงตัดสินใจเบนเข็มไปสู่กีฬาการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) โดยใช้พื้นฐานการปล้ำจับล็อกที่แข็งแกร่ง ซึ่งติดตัวมาตั้งแต่สมัยเป็นนักมวยปล้ำให้เป็นประโยชน์
เขารู้อยู่เต็มอกว่าการเลือกเส้นทางสายนี้หมายถึงการต้องทิ้งลูกและภรรยาไว้ที่คิวบา เพื่อไปหาความก้าวหน้าในสหรัฐอเมริกา แต่มันก็จำเป็น
“ผมเดินทางผ่าน โคลัมเบีย ปานามา เม็กซิโก จนกระทั่งถึงชายแดนสหรัฐอเมริกา มันทำใจยากมากที่ต้องทิ้งภรรยาและลูกสาวไว้ข้างหลัง ซึ่งตอนนั้นภรรยาของผมกำลังท้องอยู่ด้วย แต่ผมไม่มีทางเลือกถ้าต้องการที่จะเดินทางสายนี้”
“ผมนึกถึงครอบครัว และอยากมอบอนาคตที่ดีให้พวกเขา ซึ่งที่สหรัฐอเมริกามีโอกาสก้าวหน้าในอาชีพมากกว่า และมันสำคัญมากกับการสร้างอนาคตและความเป็นอยู่ที่ดีของพวกเขา”
กุสตาโว ได้พักอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา และฝึกฝนวิชาการต่อสู้แบบผสมผสานภายใต้ทีม American Top Team ในไมอามี เขาได้ร่วมฝึกกับนักกีฬาคิวบาหลายคน รวมถึงนักกีฬาโอลิมปิกอย่าง “โยเอล โรเมโร”
#ความสำเร็จมีไว้พุ่งชน
กุสตาโว มีน้ำหนักอยู่ในรุ่นฟลายเวตซึ่งไม่ค่อยเป็นที่นิยมนักในอเมริกา เพราะหาตัวนักกีฬายาก จึงทำให้เขาไม่ค่อยได้ลงสนามนักในช่วงแรก
แต่หลังจากที่รุ่นน้ำหนักของเขาถูกบรรจุลงในการแข่งขัน เขาก็เริ่มต้นเป็นนักกีฬาอาชีพทันที และสร้างสถิติอันน่าประทับใจด้วยการลงแข่งขัน 9 ครั้ง ชนะ 8 (น็อก 2) แพ้ 1
ความสำเร็จในช่วงระยะเวลา 4 ปี ส่งผลให้ กุสตาโว ได้ร่วมสังกัด วัน แชมเปียนชิพ โดยเปิดตัวในฐานะ 1 ใน 8 นักสู้ยอดฝีมือของทัวร์นาเมนต์ ONE เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นฟลายเวต แต่ฝันของเขาก็สลายเมื่อเขาแพ้คะแนนและตกรอบแรกของทัวร์นาเมนต์
ด้วยความสูงเพียง 150 ซม. ไม่ว่าสู้กับใครก็ค่อนข้างเสียเปรียบเรื่องช่วงตัวอยู่เสมอ แต่มันก็เป็นข้อดีอย่างหนึ่งที่ทำให้ผู้ชมจดจำเขาได้ง่าย เมื่อบวกกับสไตล์การต่อสู้ที่บู๊ดุดัน เดินหน้าบุก สู้ไม่ถอย จึงทำให้ผู้ชมแทบทุกสนามชื่นชอบกับการแข่งขันที่ตื่นเต้นเร้าใจของเขา แถมยังส่งเสียงเชียร์เป็นกำลังใจให้เขาอย่างล้นหลาม
จัน โรธนะ vs กุสตาโว บาลาร์ต 16 ส.ค.62 ที่ อิมแพ็ค อารีน่า
แม้ กุสตาโว จะยังไม่เคยได้รับชัยชนะสักครั้งในการแข่งขัน 3 ไฟต์ใน วัน แชมเปียนชิพ แต่เขาก็ยังไม่สิ้นหวัง และมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าต่อไป เพื่อก้าวสู่จุดสูงสุดของอาชีพเหมือนอย่างที่เขาเคยทำมาแล้ว
“เป้าหมายต่อไปของผมคือการได้เป็นแชมป์โลกรุ่นฟลายเวตในกีฬาการต่อสู้แบบผสมผสาน เพื่อพิสูจน์ว่าผมเป็นคนที่เก่งที่สุดของรุ่นนี้ และผมยังอยากจะแสดงให้เด็กๆ เห็นว่า ไม่ว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร ถ้ามีความเสียสละและมุ่งมั่น ทุกอย่างล้วนเป็นไปได้”
อ่านเพิ่มเติม: