“ราชากระสอบทราย” ฮิโรอากิ ซูซูกิ เผยชีวิตสุดรั้นที่หลอมให้เขาต้องอึดถึกทน
“ราชากระสอบทราย” นี่คือฉายาที่คนไทยตั้งให้ “ฮิโรอากิ ซูซูกิ” นักสู้จอมอึดแดนซามูไรที่แฟนหมัดชาวไทยคุ้นเคยจากคลิปที่เขาอวดความอึดด้วยการอาสาเป็นกระสอบทรายให้เพื่อนร่วมค่าย รวมถึงไฟต์ที่ท้าทายอำนาจแชมป์โลก ONE มวยไทย รุ่นแบนตัมเวต “น้องโอ๋ ไ่กย่างห้าดาว” ซึ่ง ซูซูกิ ยืนต่อกรกับเจ้ามวยไทยระดับตำนานจนครบ 5 ยกชนิดไม่สะทกสะท้าน
ความอึด ถึก ทน และหัวใจอันแข็งแกร่งของนักสู้เลือดซามูไรผู้นี้มาจากไหน เส้นทางนักสู้ก่อนจะคว้าแชมป์โลกชูตบ็อกซิ่งของประเทศญี่ปุ่นและก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในยอดฝีมือแถวหน้าของนักกีฬาชุด วัน ซูเปอร์ ซีรีส์ รุ่นแบนตัมเวต เป็นมาอย่างไร เราจะพาทุกท่านย้อนรอยเส้นทางชีวิตของเขากัน
#เด็กนอกกรอบ
ซูซกิ เป็นลูกคนสุดท้องในจำนวนพี่น้องสี่คน ซึ่งเติบโตที่เมืองโทโยฮาชิ จังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่น แม้ครอบครัวจะส่งเสริมให้เขาเรียนหนังสือตามค่านิยมในสังคมทั่วไป แต่ ซูซูกิ กลับมีความคิดว่า “ฉันเป็นเจ้าของชีวิต” จึงต้องการค้นหาสิ่งที่เขาเชี่ยวชาญมากกว่าการเรียน
วันหนึ่งมีเพื่อนชวนไปดูโรงฝึกคาราเต้ที่เพิ่งมาเปิดใหม่ในละแวกบ้าน เขาจึงตามไปดูและรู้ตัวทันทีว่านี่แหละคือสิ่งที่เขาต้องการ และตั้งเป้าว่าเขาจะต้องเป็นคนที่เก่งที่สุดให้ได้
#อุทิศชีวิตให้คาราเต้
ซูซูกิ ตกหลุมรักศิลปะการต่อสู้ประจำชาติอย่างคาราเต้ในทันที และตัดสินใจลาออกจากโรงเรียนมัธยม โดยออกจากบ้านไปฝากตัวเป็นศิษย์ที่โรงฝึกคาราเต้และอุทิศตัวให้กับกีฬาชนิดนี้ตั้งแต่อายุ 15 ปี
แม้จะต้องเผชิญกับสภาพความเป็นอยู่อันยากลำบากในโรงฝึกที่เป็นเพียงพื้นที่เช่าเก็บของ ต้องนอนหนาว และอาบน้ำเย็นยะเยือกโดยปราศจากเครื่องทำน้ำอุ่น แต่เขาก็ยังยินดีที่ได้ตัดสินใจสู่เส้นทางที่เขาเลือกเอง
#ต่อสู้กับความยากจน
นอกจากสภาพความเป็นอยู่ที่ต้องอาศัยความอดทนเป็นเลิศแล้ว ซูซูกิ ยังต้องรับมือกับความขัดสนทางการเงินอย่างหนัก มีเพียงความช่วยเหลือจากรุ่นพี่ที่พอประคับคองตัวมาได้ แต่สุดท้ายภาระหนี้สินก็ท่วมท้นจนเกินจะรับไหว เขาจึงถูกบีบให้เลิกเป็นนักกีฬาคาราเต้หลังจากที่ฝึกได้เพียงไม่กี่ปี
การเลิกฝึกคาราเต้หมายถึงความล้มเหลวในชีวิตของเขา แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้ พยายามกัดฟันใช้หนี้คืนได้ทั้งหมด และกลับไปตายรังที่บ้านเกิด โดยเขาเผยว่าจะไม่มีวันลืมความล้มเหลวนั้นและยังใช้มันเป็นแรงบันดาลใจของเขาจนถึงทุกวันนี้
#ก้าวสู่เวทีระดับโลก
เมื่อภาระหนี้สินหมดไป ภารกิจที่ยิ่งใหญ่เพื่อกลับมาสู่เส้นทางนักสู้อาชีพเริ่มต้นอีกครั้ง เมื่อ ซูซูกิ สมัครเข้าเรียนชูตบ็อกซิ่งท้องถิ่นเพื่อศึกษาทักษะการต่อสู้ใหม่ ๆ ที่เขาสามารถนำมาปรับใช้เพื่อสร้างอาชีพหาเลี้ยงตนได้
แม้จะไม่ใช่คาราเต้ที่เขารัก แต่เขาก็มุ่งมั่นฝึกฝนอย่างหนักเพื่อบรรลุเป้าหมายในการเป็นนักกีฬามืออาชีพ และแล้วความเพียรก็สัมฤทธิ์ผลเมื่อเขาสามารถกวาดเข็มขัดแชมป์ทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติจากหลายสถาบัน ซึ่งนำไปสู่การก้าวขึ้นเวทีระดับโลกอันยิ่งใหญ่อย่าง วัน แชมเปียนชิพ
แน่นอนว่าเป้าหมายสูงสุดของนักสู้จอมอึดวัย 37 ปี คนนี้ ก็คือการคว้าเข็มขัดแชมป์โลก ONE เหมือนนักกีฬาทุกคน แต่สิ่งที่ต่างไปคือ เขาไม่ได้ต้องการสร้างชื่อเพื่อตัวเองเท่านั้น แต่ยังหวังว่าความสำเร็จของเขาบนเวทีระดับโลกแห่งนี้จะช่วยจุดประกายแรงบันดาลใจให้ชาวญี่ปุ่นรุ่นใหม่ได้เดินตามความฝันในการเป็นนักกีฬาการต่อสู้ ตลอดจนความมีน้ำอดน้ำทนต่อความยากลำบากและล้มเหลว ซึ่งปลูกฝังอยู่ในจิตวิญญาณของ ซูซูกิ ดังที่เราเห็นได้ในวันนี้
อ่านเพิ่มเติม: