ศิลปะการต่อสู้นำ “แด ซอง พาร์ค” ออกจากปัญหาและพาชีวิตสู่ความยิ่งใหญ่

Dae Sung Park IMGL0511

“Crazy Dog” แด ซอง พาร์ค คือหนึ่งในนักสู้ดาวรุ่งที่เชื่อว่าเส้นทางใน วัน แชมเปียนชิพ จะทำให้เขาก้าวสู่จุดสูงสุด

ในศึก ONE: MASTERS OF DESTINY เขามีโอกาสพิสูจน์ฝีมืออีกครั้งกับ “คิมิฮิโร เอโตะ” จากญี่ปุ่น ซึ่งในวันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคมนี้ เขารอคอยโอกาสที่จะได้ฉายแสงต่อหน้าผู้คนมากมาย แต่ใครบ้างจะเชื่อว่า เขาเคยเกือบที่จะมาไม่ถึงจุดนี้เมื่อในอดีต

ก่อนหน้าที่ พาร์ค จะขึ้นสู้ในศึกที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาทำความรู้จักเขาให้มากขึ้นกัน

จากบ้านมาไกล

พาร์คเติบโตมาในเมืองจอนจู ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศเกาหลีใต้กับพ่อแม่และพี่สาว เขาเป็นเด็กที่รักการเล่นกีฬา และเริ่มฝึกศิลปะการต่อสู้เทควันโดครั้งแรกเมื่อสมัยเรียนชั้นประถม กระทั่งจนถึงชั้นมัธยมปีที่ 2 เขาคือนักกีฬาตัวอย่างที่มีทั้งความมั่นใจและประสบความสำเร็จในทัวร์นาเมนต์ท้องถิ่น

ถึงกระนั้น จุดเปลี่ยนในชีวิตก็เกือบทำให้เขาไม่ได้มาถึงจุดนี้ เมื่อเขาเริ่มโตขึ้นและไม่สนใจการเล่าเรียน เหมือนอย่างเด็กวัยรุ่นเกาหลีคนอื่น

“ผมกลายเป็นคนขี้โมโห ฉุนเฉียว ผมเริ่มออกนอกลู่นอกทาง แล้วปัญหาก็ค่อยๆ ตามมา”

“ตอนมัธยมต้น ผมถูกพักการเรียนถึง 7 ครั้ง แต่ที่รอดจากการโดนไล่ออกมาได้ ก็เพราะโรงเรียนในระดับมัธยมต้นไม่สามารถไล่นักเรียนออกได้”

เริ่มต้นใหม่

Dae Sung Park IMGL0856.jpg

เมื่อเข้าสู่ชั้นมัธยมปลาย ชีวิตของ พาร์ค ก็ไม่ได้ดีขึ้นกว่าเดิมสักเท่าไหร่ เพราะขณะที่นักเรียนหลายคนคร่ำเคร่งกับการอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยอันแสนโหด แต่การเรียนยังคงเป็นปัญหาสำหรับเขา

“ผมปรับตัวเข้ากับชีวิตการเรียนไม่ได้เลย ผมจึงเลยตัดสินใจออกจากที่เดิม และไปสมัครเรียนในโรงเรียนกีฬา”

“โรงเรียนนั้นมีเป้าหมายในการฝึกฝนนักเรียนให้เป็นนักกีฬาโอลิมปิก มันเป็นโรงเรียนที่ยอดมาก และผมก็เริ่มฝึกมวยปล้ำสมัครเล่น”

เมื่อพาร์คเริ่มเข้าเรียนในวัย 18 ปี ปรากฏว่าเขามีอายุอานามแก่กว่าเพื่อนร่วมชั้นถึง  3 ปี แต่เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหากับเขา

เขาอยู่ภายในสภาพแวดล้อมที่ตื่นตัวกับการกีฬา ทำให้เขาตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า และซ้อมจนถึงพระอาทิตย์ตกดินทุกวัน จะมีเวลาพักก็แค่ช่วงทานอาหาร

“หลังจากผ่านการเรียนและฝึกซ้อมอย่างหนัก ประกอบกับได้เห็นเพื่อนร่วมชั้นทุกคนมีความมุ่งมั่นมุมานะ ผมก็เริ่มสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวเอง”

“ความโมโห ฉุนเฉียวในตัวผม ถูกขับออกมาในการฝึกซ้อม และสุดท้ายผมก็กลายเป็นคนใหม่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม”

เมื่อความจริงเรียกหา

Dae Sung Park IMGL0547.jpg

สิ่งที่ทำให้เจ้าของฉายา “Crazy Dog” เปลี่ยนจากการเล่นกีฬามวยปล้ำสมัครเล่น สู่ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน คือสิ่งที่ถูกปลูกฝังตั้งแต่สมัยเด็ก

“แม่ผมติดเคเบิลทีวีไว้ที่บ้าน สมัยผมเรียนมัธยมต้น แม่อยากให้ผมฝึกภาษาอังกฤษผ่านภาพยนตร์และละครจากต่างประเทศ”

“แล้วผมก็ไปถูกใจรายการที่มีนักสู้มาปะทะกันในวงกลมเหล็ก มันทำให้ผมตระหนักว่านี่คือสิ่งที่ผมอยากจะทำ ซึ่งตอนนั้นเป็นช่วงราวปี  2007 และยังไม่มีสถานที่ฝึกสอน Mixed Martial Arts แถวบ้านเลย”

เมื่อไม่มีที่เรียน เขาจึงเลือกที่จะฝึกในสิ่งที่ใกล้เคียงนั่นคือยูโด โดยมีแรงบันดาลใจจากนักสู้ที่เกิดในเกาหลีใต้อย่าง “โยชิฮิโร อากิยามา”

ที่สุดแล้ว เขาก็เจอสถานที่เรียน Mixed Martial Arts ในเมืองเกิด และทุ่มสุดตัวเพื่องานนี้

“ผมอยากที่จะแข็งแกร่งขึ้น และอยากสัมผัสประสบการณ์แบบเดียวกับที่เคยเห็นในทีวีด้วยตัวเอง”

ก้าวต่อไป

เจ้าของฉายา “Crazy Dog” ตัดสินใจเดินหน้าสู่ระดับอาชีพ และแม้จะพ่ายแพ้ต่อนักสู้มากประสบการณ์กว่าในไฟต์แรก แต่หลังจากนั้นเขาก็ฟอร์มแรงไม่หยุด

พาร์ค ชนะ 8 ไฟต์รวดหลังจากนั้น และฟอร์มของเขาก็ไปเข้าตา “ริช แฟรงคลิน” รองประธาน วัน แชมเปียนชิพ ที่กำลังหานักสู้ไปร่วมศึกแข่งขัน ONE WARRIOR SERIES (OWS) เพื่อค้นหานักศิลปะการต่อสู้ซูเปอร์สตาร์ชาวเอเชียคนต่อไป

เขาคือ 1 ใน 3 นักกีฬาที่ได้ทำสัญญาแข่งขันในศึก วัน แชมเปียนชิพ ด้วยตัวเลข 6 หลัก หลังน็อกเอาต์ “คิมิฮิโร เอโตะ” ตั้งแต่ยกแรก อีกทั้งยังพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาคู่ควรกับเวทีระดับโลกแห่งนี้ด้วยการคว้าชัยชนะในนัดเปิดตัว ในศึก ONE: PURSUIT OF POWER เมื่อเดือนกรกฎาคม 2018

แต่หลังจากนั้นเขาก็ประสบกับสิ่งที่ไม่คาดคิด เมื่อนักสู้วัย 25 ปีต้องหยุดพักรักษาตัวเกือบหนึ่งปีเต็ม

โชคดีที่ พาร์ค ได้ไฟเขียวให้กลับสู่สังเวียนได้อีกครั้ง ซึ่งในตอนนี้เขาเชื่อว่าการกลับมาของเขาจะดีกว่าเดิม เมื่อผ่านฝึกซ้อมที่ MOB Training Center ในกรุงโซล

การขึ้นสังเวียนกับ เอโตะ เป็นครั้งที่สอง จะเป็นไต่บันไดขึ้นไปสู่ความสำเร็จของรุ่นนี้

“หลังจากสงสัยมานานว่าผมจะสามารถกลับมาได้อีกหรือไม่ ผมเรียนรู้แล้วว่าผมต้องการที่จะเป็นนักกีฬาศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานของ ONE ให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”

“เป้าหมายสูงสุดคือการนำเข็มขัดแชมป์โลกกลับบ้าน แต่ผมไม่รีบร้อน ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ผมก็จะทำให้ได้”

ดูเพิ่มเติมในหมวด บทความ

11 Anatoly Malykhin VS Oumar Kane one 169 (33)
06 Rungrawee vs George Jarvis OL85 (2)
06 Parham Gheirati vs George Mouzakitis (32) OL84
OFN13 Marcus Almeida VS Oumar Kane (1)
OL75_03 Shir Cohen VS Francisca Vera (25)
youssef assouik 16 9
Thai champs cover update
OL58 Seksan vs Yutaro Asahi (62)
Jonathan Haggerty vs Felipe Lobo OFN19 (52)
Shadow Mom
Suablack Tor Pran49 vs Craig Coakley OL46 (17)
Saemapetch VS Felipe Lobo60