“แจ็กกี” อดีตเด็กบ้านรวยที่ชีวิตพลิกตกต่ำ แต่ได้ “มวยไทย” เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ
หลายคนอาจคุ้นชื่อ “แจ็กกี บุนตัน” ในฐานะคู่ชกคนต่อไปของ “วันเดอร์เกิร์ล แฟร์เท็กซ์” แต่เชื่อว่าน้อยคนนักที่จะรู้ประวัติอันน่าเศร้าของเธอ
จากเด็กสาวที่ฐานะทางบ้านมีอันจะกิน แต่โชคชะตากลับเล่นตลก ครอบครัวตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่ พ่อแม่ต้องขายบ้าน ขายรถ และสูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง
แม่และ แจ็กกี ในวัยเด็ก
แจ็กกี เป็นน้องคนสุดท้องในบรรดาพี่น้อง 4 คน พี่ ๆ ของเธอเกิดในเมืองมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ก่อนที่พ่อแม่ของเธอ “เจสซี บุนตัน” และ “โรซาลี ซาเอนซ์” จะย้ายไปตั้งรกรากที่ประเทศสหรัฐอเมริกา และให้กำเนิด แจ็กกี ที่แคลิฟอร์เนียตอนใต้ เมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2540
สาวน้อยชาวเอเชีย-อเมริกัน เติบโตท่ามกลางอิทธิพลของพี่สาว ช่วงแรก ๆ เธอได้ทดลองเล่นลองบอร์ด (คล้าย ๆ กับสเก็ตบอร์ด) ตามอย่างพี่สาวคนโตและแฟนของพี่
หลังจากที่ แจ็กกี ได้เห็นแฟนของพี่ (ซึ่งปัจจุบันกลายมาเป็นพี่เขยของเธอ) โชว์ลูกเตะที่ทำให้เธอต้องอึ้ง แม้จะเป็นแค่การฝึกเป็นงานอดิเรก แต่นั่นก็กลายเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ถูกหว่านให้กับความหลงใหลของ แจ็กกี ที่มีต่อ “มวยไทย” ในเวลาต่อมา
“ตอนนั้นฉันเพิ่งอายุราว ๆ 11 ขวบ ฉันคิดว่ามันเจ๋งที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา และฉันก็อยากจะลองมันบ้าง”
แจ็กกี ค้นหายิมฝึกมวยไทยจากอินเตอร์เน็ตจนได้พบกับ “Boxing Works” ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านไปประมาณ 9-10 กิโลเมตร และได้รู้จักหัวหน้าโค้ช “ไบรอัน โปปจอย”
โชคดีมากที่เธอเติบโตในครอบครัวที่ค่อนข้างมีฐานะ โดยอาศัยอยู่กับแม่ พี่สาว และพ่อเลี้ยง “คริส” อย่างไม่มีปัญหาใด ๆ ในเรื่องการเงิน
จนกระทั่งช่วงที่เธอเรียนอยู่ราว ๆ ชั้น ม.2 ครอบครัวของเธอก็เริ่มประสบกับปัญหาการเงินอย่างหนัก ถึงกับลงเอยด้วยการเก็บข้าวของออกจากบ้าน ขายรถ และความรู้สึกสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง
“ฉันอาจไม่เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด แต่ตอนนั้นฉันขลุกอยู่แต่โรงยิมตั้งแต่อายุ 11-13 มวยไทยทำให้อารมณ์ฉันคงเส้นคงวา เพราะต้องทำทุกอย่างตามตารางเหมือน ๆ กันทุกวัน”
“พ่อแม่พี่ของฉันเขาโตกว่า และเรื่องนี้มันกระทบจิตใจพวกเขาอย่างมาก ขณะที่ตัวฉันเองยังเด็ก ฉันรู้สึกแค่ว่ามวยไทยคือทางออกเดียวที่ฉันมี”
ขณะที่ครอบครัวของ แจ็กกี กำลังมีปัญหา เธอยังคงจดจ่ออยู่กับการฝึกมวยไทยต่อไป โดยที่โค้ชและเพื่อน ๆ ในยิมไม่มีใครระแคะระคายเรื่องนี้
แม้สถานการณ์รอบ ๆ ตัว แจ็กกี จะไม่เป็นใจ แต่ในการขึ้นสังเวียนครั้งแรกโดยมี โค้ชไบรอัน เป็นพี่เลี้ยง แจ็กกี ผ่านมันไปพร้อมกับได้รับชัยชนะ และนั่นทำให้ความผูกพันของเธอกับโค้ชแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
แจ็กกี และ โค้ชไบรอัน
“เขาไม่ได้เป็นแค่โค้ชเท่านั้น แต่ยังเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับฉันด้วย ฉันนึกภาพไม่ออกเลยว่าถ้าไม่มีโค้ช ฉันจะเป็นยังไง มันไม่ง่ายเลยที่จะหาคนที่เข้าใจเราได้ทุกอย่าง”
จุดสำคัญที่ทำให้ โค้ชไบรอัน ประสบความสำเร็จในฐานะโค้ชมืออาชีพ คือความสามารถในการดึงศักยภาพของลูกศิษย์ออกมา
โค้ชทำหน้าที่พิจารณาจุดอ่อน จุดแข็ง และสไตล์การต่อสู้ของลูกศิษย์แต่ละคน โดยพยายามขัดเกลาพวกเขาให้เจอกับเวอร์ชันที่ดีที่สุดของตัวเอง
ความสำเร็จของ แจ็กกี ในฐานะนักกีฬาโดยมี โค้ชไบรอัน สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ทำให้เธอสามารถไต่อันดับแรงกิงมวยไทยได้อย่างที่ตั้งใจ ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่การเป็นนักกีฬา วัน ซูเปอร์ ซีรีส์ ใน วัน แชมเปียนชิพ
การเปิดตัวของ แจ็กกี สู่สายตาแฟน ๆ กีฬาการต่อสู้กว่า 150 ประเทศทั่วโลก กำลังจะเกิดขึ้นในวันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์นี้ ในศึก ONE: FISTS OF FURY ซึ่งอาจกล่าวได้ว่า เธอกำลังเดินเข้าใกล้ความฝันอันยิ่งใหญ่ในฐานะนักกีฬาอาชีพ
แจ็กกี จะต้องรับศึกที่โหดหินที่สุดกับนักชกสาวไทยเจ้าของสถิติไร้พ่ายและน็อกเอาต์สองไฟต์ใน วัน แชมเปียนชิพ “วันเดอร์เกิร์ล แฟร์เท็กซ์”
“เป้าหมายอันดับ 1 ของฉันคือตำแหน่งแชมป์โลก และเพื่อจะไปให้ถึงจุดนั้น ฉันจะไม่ใช้ทางลัด ฉันต้องพิสูจน์ตัวเองให้เห็นว่าฉันคู่ควรที่อยู่บนบัลลังก์”
อ่านเพิ่มเติม: