จากรากหญ้าสู่ผู้ท้าชิง “เรเน คาตาลัน” ต้นแบบของนักสู้ผู้มีความพยายามเป็นที่ตั้ง

Rene Catalan IMG_1476

“The Challenger” เรเน คาตาลัน เหมือนต้องเจอกับฝันร้ายหลังปราชัยใน 3 ไฟต์แรกเมื่อก้าวสู่สังเวียน วัน แชมเปียนชิพ แต่สุดท้ายนักสู้วัย 40 ปีก็พลิกวิกฤติด้วยการคว้าชัยชนะอย่างสวยหรูต่อเนื่อง 6 ไฟต์ติดต่อกัน จนได้ขยับเข้ามาถึงด่านสุดท้ายในฐานะผู้ท้าชิงบัลลังก์แชมป์โลก ONE รุ่นสตรอว์เวต กับนักสู้ร่วมชาติ “The Passion” โจชัว พาซิโอ ในศึก ONE: MASTERS OF FATE ณ สนาม มอลล์ ออฟ เอเชีย อารีนา กรุงมะนิลา อันเป็นประเทศบ้านเกิดของทั้งคู่

คาตาลัน เข้าสู่วงการศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานหลังประสบความสำเร็จมาแล้วในกีฬาวูซู ด้วยการครอบครองเข็มขัดแชมป์โลกวูซู, วูซูเวิลด์คัพส์, เหรียญทองเอเชียนเกมส์ และซีเกมส์ ทำให้เขากลายเป็นฮีโร่ของประเทศบ้านเกิด

ทว่า เขากลับมีปัญหาในการปรับตัวบนสังเวียนศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) ในช่วงแรกๆ โดยในช่วงเดือนธันวาคม 2557 และต่อจากนั้นอีกราวปีครึ่งหลังเปิดตัวในไฟต์แรก คาตาลัน แพ้ 2 ไฟต์ (ไม่มีผลการตัดสิน 1 ไฟต์) และยังไม่เคยได้รับชัยชนะเลย

ในฐานะเจ้าของยิม คาตาลัน ไฟติ้ง ซิสเต็ม (CFS) วัย 34 ปี เขาถือเป็นนักสู้ที่มีอายุค่อนข้างมากสำหรับ “บ้านแห่งศิลปะการต่อสู้ วัน แชมเปียนชิพ” ซึ่งอันที่จริงเขาสามารถแขวนนวม และผันตัวไปเป็นโค้ชได้สบายๆ แต่นั่นไม่ใช่ทางเลือก เพราะเขายังมีไฟในการแข่งขันอยู่


“ผมบอกกับตัวเองว่าการพ่ายแพ้เป็นเรื่องปกติ เพราะผมยังใหม่กับกีฬาศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน” 

“ผมต้องใช้ความผิดพลาดเหล่านั้นเป็นขั้นบันไดในการพัฒนาตัวเอง มองหาสิ่งที่ต้องแก้ไข และเพิ่มเติมสิ่งที่ขาดหายไป ซึ่งมันเป็นแรงกระตุ้นให้ผมต้องเดินหน้า”

“ผมไม่เคยมีข้อกังขาเรื่องอายุของตัวเอง ใช่อยู่ว่ามันได้เปรียบกว่าหากเริ่มตั้งแต่อายุน้อยๆ แต่ก็ไม่เสมอไป เพราะมันต้องอาศัยความมีวินัย ความมุ่งมั่น ทุ่มเท และต้องมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะประสบความสำเร็จ”

“ผมบอกตัวเองว่า อาชีพนักศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานของผมเพิ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้น ผมต้องเรียนรู้จากความล้มเหลวและแก้ไขปรับปรุง หลังจากที่ผมแพ้ติดต่อกัน ผมตัดสินใจที่จะโฟกัสในการฝึกฝนกับทีม แทนที่จะไปซ้อมที่อื่น  ผมจ้างโค้ชมาช่วยฝึกฝนเพื่อดึงศักยภาพของผมออกมาให้มากที่สุด”

การสูญเสียภรรยาเป็นอีกหนึ่งสถานการณ์ที่เข้ามากระทบจิตใจของเขาอย่างหนักในช่วงนั้น นอกจากจะต้องบริหารงานและสร้างความมั่นคงให้กับค่าย เขายังต้องพยายามเข้มแข็งเพื่อลูกๆ และลูกศิษย์ในยิม

Rene Catalan at the ONE MASTERS OF FATE Open WorkoutBBB_1425.jpg

โชคดีที่ทุกคนในทีม CFS อยู่เคียงข้างเขามาตลอด จนผ่านพ้นช่วงเวลาที่เจ็บปวดไปได้ และด้วยความช่วยเหลือจากพวกเขา คาตาลัน ยกระดับทักษะของตัวเองและสามารถไล่ล่าความสำเร็จในอีกสองปีต่อมาได้อย่างสบาย 

“เพื่อนร่วมทีม โค้ช และนักกีฬาในค่ายช่วยให้ผมผ่านพ้นช่วงเวลาเหล่านั้น พวกเขาพยายามผลักดันและตะโกนบอกผมให้ลุกขึ้นสู้ ในวันที่ผมรู้สึกไม่อยากไปต่อ และยังช่วยเรื่องอื่นๆ ในตอนที่ยิมของเรายังไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก มันยากที่จะหาสปอนเซอร์มาสนับสนุน และเราก็ไม่มีคอนเนกชันกับบริษัทใหญ่ๆ ด้วย”

“นักกีฬาและลูกศิษย์ที่ค่ายช่วยให้ผมโฟกัสในการฝึกซ้อมแทนที่จะกังวลเรื่องอื่นๆ ซึ่งช่วยให้ผมเอาชนะความท้าทายเหล่านั้นมาได้”

“โค้ช BJJ ของผม มาร์คัส วอลเตอร์ บอกว่า บางทีผมต้องเห็นแก่ตัวบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเตรียมตัวแข่งขัน ผมต้องคิดถึงตัวเองก่อนเป็นอันดับแรก ไม่ใช่นักกีฬาของผม และต้องโฟกัสกับการซ้อมของตัวเอง ซึ่งตอนนั้นยิมของเราเริ่มที่จะมั่นคง ผมจึงไม่ต้องกังลเรื่องการเงินอีก”

การแข่งขันครั้งแรกในกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย คาตาลัน เป็นฝ่ายได้รับการชูมือหลังจบการต่อสู้ครบ 3 ยก แม้เขาจะปลาบปลื้มกับชัยชนะ แต่ก็ยังรู้สึกไม่พอใจ เพราะเขามีเป้าหมายที่ใหญ่กว่า

“ตอนผมเป็นคู่ก่อนรายการ ผมมีความหวังที่จะได้เป็นคู่เอกเสมอ ผมบอกตัวเองว่า สักวันผมต้องไปถึงจุดนั้น เพราะการที่เราแข่งขันเป็นคู่แรกๆ ในสนามแทบจะไม่มีคนดูด้วยซ้ำ ซึ่งมันเป็นแรงขับเคลื่อนให้ผมไต่สู่อันดับสูงๆ และเป็นคู่เอกให้ได้”

“ผมเข้าใจว่าทำไมผมถึงอยู่ในสถานะนั้น เพราะผมยังใหม่กับกีฬาประเภทนี้ แต่ผมรู้ดีว่าถ้าเราทุ่มเทอย่างหนัก ในที่สุดแล้ว ผมจะสามารถขึ้นมาเป็นคู่เอกของรายการได้”

“The Challenger” ยังคงขึ้นสู้ในฐานะคู่ก่อนรายการอยู่อีก 2 ไฟต์โดยคว้าชัยชนะจากการซับมิชชัน “Papua Badboy” อาเดรียน มาเทอิส และชนะคะแนน “บู โฮ ยู กา” ก่อนจะได้ขยับเข้ามาเป็นคู่ในรายการในช่วงต้นปี 2561 ด้วยการโชว์ผลงานชนะ เพง ซือ เวน แบบไม่ครบยก และชนะแต้มดาวดังชาวอินโดนีเซีย “The Lion” สเตเฟอร์ เรฮาร์เดียน ต่อหน้าแฟนๆ ในบ้านเกิดของเขาเอง ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเขาเป็นหนึ่งในนักสู้ตัวท็อปของรุ่นนี้

“ผมแค่บอกตัวเองว่าพยายามรักษาชัยชนะให้ได้ เพื่อแสดงให้เห็นว่าผมสมควรที่จะเป็นผู้ท้าชิงแชมป์โลก ผมไม่สนใจหรอกว่าสถิติผมเท่าไหร่ และเคยโค่นใครมาบ้าง สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องพยายามก้าวขึ้นสู่แถวหน้า และทำให้เขาเห็นว่าผมคู่ควรกับตำแหน่งนี้”

อีกหนึ่งอุปสรรคที่ยังขวางหน้า นั่นคือ “Nobita” โยชิตากะ ไนโตะ อดีตแชมป์โลก ONE รุ่นสตรอว์เวต ซึ่งทั้งคู่พบกันในศึก ONE: REACH OF VALOR เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ที่ย่างกุ้ง ประเทศพม่า แม้ไฟต์นั้นจะเป็นบททดสอบยากที่สุดในอาชีพ แต่เขาก็ปิดจ็อบซูเปอร์สตาร์ชาวญี่ปุ่นได้ตั้งแต่ยกแรก

คาตาลัน ใช้เวลาถึงสามปีจากจุดเริ่มต้นมาถึงจุดที่เกือบสูงที่สุด โดยเขาเชื่อว่ากุญแจสำคัญของความสำเร็จคือ การไม่ละทิ้งเป้าหมาย มีความกระหาย ที่มาพร้อมกับความมุมานะพยายาม แม้จะพบกับความล้มเหลวมาแล้วกี่ครั้งก็ตาม

นอกจากนี้ เขายังเชื่อว่าความสำเร็จของเขาสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้นักสู้ปลายแถวคนอื่นๆ ไม่ว่าพวกเขาจะพบกับอุปสรรคและความยากลำบากเพียงใด จงมองนักสู้วัย 40 ปีรายนี้เป็นต้นแบบ เพราะมันไม่มีคำว่าสายเกินไป ตราบใดที่ยังมีความพยายาม

 “ถึงนักกีฬาทุกคนที่กำลังต่อสู้เพื่ออาชีพ จงมุ่งมั่นฝึกซ้อมและกำหนดเป้าหมายให้ตัวเอง”

 “ไม่มีนักกีฬาหรือบุคคลใดประสบความสำเร็จในชีวิตหากไร้ซึ่งวินัย มันเริ่มต้นด้วยสิ่งนี้ คุณต้องทุ่มเทและตั้งใจแน่วแน่ในการบรรลุเป้าหมาย ถ้ามันเป็นความปรารถนาของคุณ คุณจะมีแรงจูงใจที่จะผลักดันตัวเอง หากคุณรวมสิ่งเหล่านี้เข้าด้วยกัน คุณจะเห็นว่าตัวเองบรรลุความสำเร็จในที่สุด”

อ่านเพิ่มเติม:  “โรบิน คาตาลัน” พร้อมลุยยอดมวยปล้ำโอลิมปิก “กุสตาโว บาลาร์ต”

 MASTERS OF FATE | กรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์ | 8 พฤศจิกายน 2562 | ONE Super App ยิงสด 17.30 น. | ไทยรัฐทีวี ช่อง 32 เวลา 22.30 น. | บัตรเข้าชม: http://bit.ly/onefate19

ดูเพิ่มเติมในหมวด บทความ

11 Anatoly Malykhin VS Oumar Kane one 169 (33)
06 Rungrawee vs George Jarvis OL85 (2)
06 Parham Gheirati vs George Mouzakitis (32) OL84
OFN13 Marcus Almeida VS Oumar Kane (1)
OL75_03 Shir Cohen VS Francisca Vera (25)
youssef assouik 16 9
Thai champs cover update
OL58 Seksan vs Yutaro Asahi (62)
Jonathan Haggerty vs Felipe Lobo OFN19 (52)
Shadow Mom
Suablack Tor Pran49 vs Craig Coakley OL46 (17)
Saemapetch VS Felipe Lobo60