“แบรนดอน เวรา” อดีตชายชาติทหารที่หันมาเอาดีในวงการต่อสู้ร่วม 2 ทศวรรษ
นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่บนสังเวียนการต่อสู้รุ่นเฮฟวีเวต อดีตเขาเคยเป็นชายชาติทหารจากกองทัพอากาศสหรัฐฯ แต่ชีวิตกับพลิกผันสู่จุดตกต่ำ จนทำให้เขาเรียนรู้ที่จะลุกขึ้นสู้กับความจริงที่ขมขื่น และพบกับเส้นทางใหม่ในฐานะพลเรือนนักสู้บนสังเวียนชีวิตและอาชีพ
ถ้าเอ่ยถึง “The Truth” แบรนดอน เวรา เจ้าของแชมป์โลก ONE รุ่นเฮฟวีเวต เขาคือหนึ่งในนักสู้รุ่นใหญ่ผู้
น่าเกรงขามที่มีประสบการณ์บนเส้นทางนักสู้มาเกือบสองทศวรรษ และน้อยคนนักจะสามารถล้มเขาได้ แต่กว่าที่เขาจะขึ้นสู่จุดสูงสุดบนเส้นทางการต่อสู้แบบผสมผสานเช่นทุกวันนี้ เขาก็เคยผ่านจุดที่ตกต่ำและขมขื่นในชีวิตมาแล้ว
แบรนดอน เติบโตมาในครอบครัวชาวฟิลิปปินส์ ที่เมืองนอร์ฟอล์ก รัฐเวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นรัฐที่มีกองทัพเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก และการทหารถือว่ามีความสำคัญมากสำหรับประเทศสหรัฐอเมริกา จึงทำให้เขาได้รับอิทธิพลไปโดยปริยาย และหลงใหลใฝ่ฝันที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพฯ มาตั้งแต่เด็ก ถึงขั้นลาออกจากมหาวิทยาลัยทั้ง ๆ ที่ได้ทุนเรียนจนจบการศึกษา
เขาตัดสินใจไปสมัครเข้าร่วมกับกองทัพอากาศสหรัฐฯ ซึ่งการใช้ชีวิตในค่ายทหารทำให้ แบรนดอน เปิดโลกทัศน์ที่กว้างกว่าการเรียนในมหาวิทยาลัย เขาทำหน้าที่ทหารและยังได้รับโอกาสให้เป็นหนึ่งในนักมวยปล้ำของกองทัพฯ และเป็นคนแรกของกองทัพฯ ที่ได้รับการคัดเลือกให้ร่วมแข่งขันในกีฬาโอลิมปิก
ชีวิตดูเหมือนจะสวยงามไปทุกด้าน จนกระทั่ง แบรนดอน ได้รับบาดเจ็บที่แขนอย่างรุนแรงในระหว่างการแข่งขันคัดตัว ทำให้เขาต้องเข้ารับการผ่าตัดและจำต้องยอมทิ้งความฝันในฐานะนักกีฬามวยปล้ำ รวมถึงอาชีพทหารในกองทัพฯ หลังถูกปลดจากราชการในปี 2542 เมื่ออายุ 22 ปี
“หลังจากได้รับการผ่าตัด อาการก็ยิ่งแย่ลง แล้วผมก็โดนปลดออกจากทหารด้วยสภาพร่างกายที่ไม่พร้อม
ผมเสียใจมาก จากชีวิตที่กำลังขึ้นสู่จุดสงสุด กลับกลายเป็นคนไร้ค่าในพริบตา ขนาดเข้าห้องน้ำด้วยตัวเองยังทำไม่ได้เลย”
ชีวิตในฐานะพลเรือนไม่ใช่เรื่องง่ายในช่วงเริ่มต้น แต่ความกล้าหาญในฐานะอดีตชายชาติทหารที่ต้องกล้าเผชิญกับความจริงที่ขมขื่นคือความท้าทายที่อยู่ตรงหน้า แบรนดอน ใช้เวลาหลังจากนั้น 3 ปีเพื่อเริ่มต้นเส้นทางนักสู้ของเขาอย่างแข็งแกร่งในเดือนกรกฎาคม 2545 โดยใช้พื้นฐานมวยปล้ำที่ได้จากกองทัพฯ มาปรับใช้ในการแข่งขันการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) โดยค่อย ๆ สั่งสมชื่อเสียง และเข้าร่วมสังกัดองค์กรการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ของอเมริกายาวนานถึง 12 ปี ก่อนที่จะข้ามมาสร้างชื่อเสียงในฝั่งเอเชียภายใต้ชายคาของ วัน แชมเปียนชิพ ในปี 2557
ในฐานะนักกีฬา แบรนดอน ย้ำเสมอว่าความอดทนและความมีระเบียบวินัยคือสิ่งจำเป็น แม้จะไม่มีใครมาคอยควบคุมกำกับ แต่นักกีฬาต้องรู้ว่าหน้าที่และความรับผิดชอบของตัวเองคืออะไร เมื่อไหร่คือเวลาซ้อม เมื่อไหร่ต้องคุมน้ำหนัก ฯลฯ สิ่งเหล่านี้เองที่เขาได้รับจากการฝึกฝนตั้งแต่ตอนที่เป็นทหาร
บนเส้นทางนักสู้ร่วม 2 ทศวรรษของ แบรนดอน กำลังดำเนินต่อไปในฐานะเจ้าบัลลังก์แชมป์โลก ONE รุ่นเฮฟวีเวต วัย 43 ปี เขากำลังจะขึ้นสังเวียนเพื่อป้องกันตำแหน่งเป็นครั้งที่สามในศึก ONE:DANGAL โดยมีผู้ท้าชิงจอมอหังการจากแดนภารตะ “อาร์จาน บูลลาร์” หวังกระชากเข็มขัดของเขาอยู่ วันเสาร์ที่ 15 พ.ค.นี้ เวลา 17.00 น. คงจะต้องได้รู้ว่า อดีตชายชาติทหารจะรักษาเข็มขัดเส้นนี้ของเขาไว้ได้หรือไม่?
อ่านเพิ่มเติม: