วิสัยทัศน์ “เปรม” สานต่อภารกิจ ONE หลังนั่งเก้าอี้ MD ประเทศไทย
เปิดวิสัยทัศน์ “เปรม-อริยะวัฏ บุษราบวรวงษ์” ในการรับบทบาทใหม่ กรรมการผู้จัดการ (MD) วัน แชมเปียนชิพ ประเทศไทย, โปรเจ็กต์ศึก ONE ลุมพินี และแผนการที่จะผลักดันมวยไทยระดับรากหญ้าเพื่อสร้างระบบนิเวศมวยไทยที่แข็งแรง
บทสัมภาษณ์ครั้งแรกของ “เปรม-อริยะวัฏ บุษราบวรวงษ์” ในฐานะกรรมการผู้จัดการ (MD) วัน แชมเปียนชิพ ประเทศไทย กับเหตุผลที่ตัดสินใจเข้าร่วมงานกับองค์กรยิ่งใหญ่ระดับโลก, ความเป็นกลางในศึก ONE ลุมพินี, สนามมวยที่ไร้การพนัน และแผนการสร้างโอกาสให้นักมวยระดับรากหญ้า
#เหตุผลที่ตัดสินใจร่วมงานกับ วัน แชมเปียนชิพ ประเทศไทย และบทบาทในอนาคตกับองค์กร
เปรม: “ในความเป็นจริงแฟร์เท็กซ์ ค่ายมวยที่ผมบริหาร กับ วัน แชมเปียนชิพ เป็นพาร์ตเนอร์ทำงานร่วมกันมานานกว่า 10 ปีแล้ว ผมมีโอกาสได้รู้จักคุณชาตรี จากการที่นำนักมวยของแฟร์เท็กซ์ เดินทางไปชกในรายการของ วัน แชมเปียนชิพ ที่สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ อยู่หลายครั้ง ทำให้เราเริ่มมีการพูดคุยถึงโอกาสที่จะยกระดับมวยไทย เพื่อให้คนทั่วโลกยอมรับมากขึ้น จนทำให้เกิดโปรเจ็กต์ ONE ลุมพินี ขึ้นมา”
“สำหรับบทบาทของผมใน วัน แชมเปียนชิพ จะเข้ามาเป็นกรรมการผู้จัดการ วัน แชมเปียนชิพ ประเทศไทย เพื่อร่วมกับคุณปลาย (จิติณัฐ อัษฎามงคล ประธาน วัน แชมเปียนชิพ ประเทศไทย) ในการบริหารทั้งด้านการตลาด, การจัดอีเวนต์ และโปรเจ็กต์สำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้นคือ ONE ลุมพินี ในเดือนมกราคมปีหน้า ผมจะเข้ามาเพื่อช่วยทำให้แบรนด์ของ วัน แชมเปียนชิพ เติบโตขึ้นในประเทศไทย สนับสนุนนักมวยคนไทยให้ไปถึงระดับโลกให้สำเร็จครับ”
#มีส่วนร่วมอย่างไรบ้างในการจัดคู่มวยขึ้นชกใน ONE ลุมพินี
เปรม: “สิ่งหนึ่งที่ผมได้บอกกับคุณชาตรี และทีมงานทุกคนของ วัน แชมเปียนชิพ ประเทศไทย หลังจากตัดสินใจเข้าร่วมงานคือผมจะไม่ขอมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดคู่มวยหรือทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขัน โดยเหตุผลข้อแรกคือผมต้องปกป้อง วัน แชมเปียนชิพ ประเทศไทย”
“ข้อสองคือผมต้องปกป้องแฟร์เท็กซ์ หากทาง วัน แชมเปียนชิพ ให้อภิสิทธิ์กับแฟร์เท็กซ์ ในเรื่องใดก็ตาม จะทำให้ภาพลักษณ์ออกมาดูไม่ดีทั้ง 2 ฝ่าย ในส่วนนี้ผมยืนยันว่าสบายใจได้เลยว่าการตัดสิน และการจัดคู่มวย แฟร์เท็กซ์ จะไม่มีความได้เปรียบ ผมไม่ยอมรับอย่างแน่นอน เพราะสิ่งสำคัญของ วัน แชมเปียนชิพ คือแฟร์เกม แฟร์เพลย์ครับ”
#คิดอย่างไรกับเสียงวิจารณ์ต่อ ONE ที่เลือกเฉพาะนักมวยที่มีชื่อเสียง และความสำคัญของกลุ่มนักมวยระดับรากหญ้า
เปรม: “ในศึก วัน แชมเปียนชิพ เราต้องค้นหานักกีฬาที่เป็นสุดยอดของที่สุดจากทั่วโลกเพื่อมาแข่งขันบนเวที ไม่ใช่แค่นักกีฬาในประเทศไทยเท่านั้น ทำให้ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เราจะต้องเลือกนักกีฬาที่เก่งที่สุดของประเทศไทยเพื่อเจอกับนักกีฬาต่างชาติที่เก่งที่สุดของแต่ละประเทศเพื่อตัดสินหาแชมป์โลก”
“ขณะเดียวกันถ้าเราพูดถึง ONE ลุมพินี เป็นเหมือนเวทีที่เราค้นหานักมวยที่เป็นสุดยอดของที่สุดในเมืองไทย เพื่อเราจะได้ผลักดันสู่เวทีใหญ่ของวัน แชมเปียนชิพ เพื่อให้มีนักกีฬาหมุนเวียนต่อเนื่อง โดยที่เราต้องไม่ลืมนักกีฬาระดับรากหญ้าเช่นกัน เพราะอีกสิ่งสำคัญคือเราจะต้องปั้นนักกีฬารุ่นใหม่ขึ้นมาสู่ระดับประเทศ และก้าวไปสู่ระดับโลกต่อไป เพื่อสร้างระบบนิเวศมวยไทยขึ้นมาครับ”
#แผนการจัด Road To ONE Thailand เวทีค้นหามวยไทยดาวรุ่งต่อไปจะเป็นอย่างไร
เปรม: “หลังจากความสำเร็จในปีแรก คุณชาตรี ตัดสินใจว่า แฟร์เท็กซ์ ไฟต์ ในปีหน้าจะใช้ชื่อ Road To ONE ตลอดทั้งปี เหมือนเป็นจุดเริ่มต้นของนักมวยตั้งแต่ระดับรากหญ้า เราจะนำนักกีฬาที่เก่งที่สุดของทุกภาค และในจังหวัดต่าง ๆ เรามีการวางแผนว่าปีหน้าจะทำอย่างไรเพื่อพัฒนานักกีฬาตั้งแต่รุ่นเด็ก หรือนักกีฬาที่มีฝีมือแต่ไม่ได้รับโอกาสให้ชกบนเวที”
“ผมเชื่อว่าในจังหวัดต่าง ๆ มีนักกีฬาที่เก่งเยอะ แต่ไม่มีเวทีใหญ่ ๆ ให้แสดงฝีมือ โดยจะให้โอกาสทุกคนไม่ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิง ทั้งการชกมวยไทย และการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) เราพยายามเปิดโอกาสให้กับเด็กรุ่นใหม่อย่างแท้จริง แฟร์เท็กซ์ ไฟต์ จะเข้ามาดูแลตรงจุดนี้เพื่อค้นหานักกีฬาหน้าใหม่เพื่อส่งเข้าสู่ศึก ONE ลุมพินี จากนั้นถ้าพิสูจน์ตัวเองได้ว่าคุณมีความสามารถหรือทำผลงานได้ดีในระดับประเทศ คุณก็สามารถขึ้นไปเวทีระดับ วัน แชมเปียนชิพ ต่อไปในอนาคต”
#โอกาสเติบโตของ ONE ในการจัดมวยโดยห้ามเล่นการพนันในสนามจะเป็นอย่างไร
เปรม: “ตอนนี้ผมคิดว่าคนเริ่มเห็นโอกาสเติบโตของ วัน แชมเปียนชิพ คุณชาตรี ให้สัมภาษณ์ว่าเขาไม่ได้ต่อต้านการพนันหรือห้ามเล่นการพนัน เพราะกีฬาทุกประเภทที่เราติดตามชมในทุกวันนี้ก็มีการเล่นพนันทั้งหมด แต่ต้องไม่ใช่การพนันที่เกิดขึ้นในสนามมวย อาจจะเป็นการพนันออนไลน์หรือรูปแบบอื่น เพียงแต่คุณชาตรี ไม่อยากให้การพนันมีอิทธิพลต่อกรรมการ, นักกีฬา หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขัน”
“ประเด็นนี้ผมมองว่าคนรุ่นใหม่เริ่มยอมรับมากขึ้น ทำให้หลายคนอยากมาที่สนามเพื่อดูมวยที่มีความเป็นกีฬา ผมคิดว่าการดูกีฬาในสนามแล้วได้รับความสนุกเป็นจุดเริ่มต้นเหมือนกับฟุตบอล เราไม่เคยเห็นนักพนันในสนาม พวกเขาจะเล่นพนันออนไลน์เท่านั้น เราควรยกระดับมวยไทยขึ้นมา เป็นเหมือนเอนเตอร์เทนเมนต์ที่มอบความสนุกแก่ผู้ชม และนักกีฬาจะชกได้เต็มที่ไม่มีแรงกดดันจากเรื่องราคาต่อรอง”
อ่านเพิ่มเติม:
