เปิดชีวิตนักสู้สาวแดนปลาดิบ “อิตซูกิ ฮิราตะ” เบื้องหลังไม่แบ๊วอย่างที่คิด
“อิตซูกิ ฮิราตะ” นักสู้สาวจากแดนซามูไร กลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในระยะเวลาไม่นาน ด้วยลีลาการต่อสู้ที่ดุดันและบุคลิกน่ารักสดใส ขวัญใจสายคิกขุ เธอกำลังเป็นที่จับตาในฐานะ 1 ใน 4 ของผู้ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ การแข่งขัน เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นอะตอมเวตหญิง ซึ่งเธอจะได้เผชิญหน้ากับ “ริตู โฟกาต” นักปล้ำสาวขวัญใจแดนโรตี ในศึก ONE: NEXTGEN ที่จะถ่ายทอดสดในวันศุกร์ที่ 29 ตุลาคม 2564
เส้นทางนักสู้ของนักสู้วัย 22 ปีคนนี้ ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย เพราะกว่าเธอจะมายืนจุดนี้ได้เรียกว่าต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ มามากมาย จนกระทั่งได้รับฉายา “Strong Heart Fighter” หรือแปลเป็นไทยได้ว่า “นักสู้หัวใจแกร่ง”
ก่อนที่ อิตซูกิ จะลงศึกโชว์ฝีมืออีกครั้ง เราอยากพาทุกท่านย้อนรอยไปดูแต่ละช่วงชีวิตของเธอว่าได้ผ่านอะไรมาบ้าง
#เด็กสาวจากแดนอาทิตย์อุทัย
อิตซูกิ เกิดและเติบโตที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เธอเริ่มหัดดูการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ตั้งแต่เด็กกับพ่อและพี่ชาย และเข้าคลาสฝึกวิชายูโดซึ่งเป็นศิลปะการป้องกันตัวของญี่ปุ่นตั้งแต่อายุ 6 ขวบ โดยมีความใฝ่ฝันว่าจะเป็นนักกีฬาโอลิมปิกให้ได้
“ฉันมักบอกใครต่อใครตั้งแต่เด็กแล้วว่า โตขึ้นฉันอยากเป็นนักกีฬายูโดโอลิมปิก และฉันชอบเทคนิคเกมภาคพื้นมาก มันให้ความรู้สึกยอดเยี่ยมไปเลยเวลาที่สามารถทุ่มคนลงพื้นได้”
ปกติแล้วในการฝึกยูโด ผู้เรียนจำเป็นต้องศึกษาเรื่องทักษะการต่อสู้ ควบคู่ไปกับการซึมซับวินัยแบบชาวญี่ปุ่น ซึ่งจะถูกปลูกฝังผ่านศิลปะการต่อสู้ และด้วยความที่โค้ชและพ่อของเธอนั้นเข้มงวดมาก เธอจึงต้องไว้ผมสั้น และถูกพูดกรอกหูเป็นประจำว่าการแข่งขันทุกนัดถือเป็นเรื่องจริงจัง
#ความเจ็บปวดของชีวิต
ความคาดหวังสูง ตลอดจนการถูกเคี่ยวกรำอย่างหนักจากการฝึกฝน 6 วันต่อสัปดาห์เยี่ยงนักกีฬาอาชีพ เป็นเสมือนดาบสองคม ด้านหนึ่งมันส่งผลให้ อิตซูกิ เป็นเด็กหญิงที่มีความแน่วแน่และมุ่งมั่นเกินเด็กหญิงวัยเดียวกัน แต่อีกด้านหนึ่งมันดูเหมือนจะเกินขีดจำกัดของร่างกายจนเกินจะรับไหว
ด้วยวัย 15 ปี สมัยที่เธอกำลังเริ่มเรียนชั้นมัธยมปลาย หัวเข่าของ อิตซูกิ เริ่มมีปัญหาและนำมาซึ่งความเจ็บปวดร้ายแรง จนอาจทำให้เธอถึงขั้นจบชีวิตนักกีฬา เธอจึงตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดและพักฟื้นในโรงพยาบาลเป็นเวลา 3 สัปดาห์
“ฉันต้องทำกายภาพบำบัด ซึ่งมันเจ็บมาก เจ็บตลอดเวลา แรก ๆ ฉันก็ไม่อยากทำ แต่เมื่อฉันยังมีความหวังที่จะกลับไปฝึกยูโด นั่นจึงเป็นสิ่งเดียวที่ฉันทำได้”
การพักรักษาตัวกินเวลาต่อเนื่องไปอีก 8 เดือน กว่าที่ อิตซูกิ จะสามารถกลับมาฝึกซ้อมได้แบบเบา ๆ และเข้าสู่การแข่งขันก็ราวหนึ่งปีหลังจากผ่าตัด แต่แล้วเธอก็ต้องพบกับความผิดหวังหลังจากที่ห่างสังเวียนไปนาน
“ฉันไม่มีแรงและกำลังใจ พอไม่ได้ซ้อมมาเป็นปี มันก็เหมือนสนิมเกาะ แรงกระตุ้นที่อยากจะเล่นยูโดไม่มี ฉันลืมทุกสิ่งอย่าง ทั้งการทุ่มและเกมภาคพื้น ฉันเหมือนต้องนับหนึ่งใหม่”
แม้รู้อย่างนั้นแต่ อิตซูกิ ก็ไม่ย่อท้อ เธอหวังที่จะกลับไปเป็น อิตซูกิ คนเดิม แต่ก็เหมือนโชคชะตากลั่นแกล้ง เมื่อหนึ่งปีให้หลัง ปรากฏว่าหัวเข่าของเธอบาดเจ็บอีกครั้ง คราวนี้เธอฝืนที่จะไม่ยอมผ่าตัด เพราะไม่ต้องการเสียเวลาอีกเป็นปี แต่สุดท้ายเธอก็ไม่มีทางเลือก
#เส้นทางเดินใหม่
การต้องเข้าออกโรงพยาบาลเพื่อรักษาหัวเข่าครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ความฝันในการเป็นนักกีฬาโอลิมปิกนั้นค่อย ๆ เลือนหายไป เช่นเดียวกับความหลงใหลในกีฬายูโด
เธอเริ่มคิดที่จะหันหลังให้ศิลปะการต่อสู้ แต่ด้วยแรงสนับสนุนจากครอบครัว และไฟในหัวใจที่ยังไม่สิ้นเชื้อ เธอจึงยังมองเห็นความหวังลาง ๆ หลังจากที่ได้พบกีฬาชนิดใหม่ที่ดูน่าสนใจอย่าง การต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) เธอจึงเปิดใจที่จะลองกีฬาชนิดนี้
“ฉันว่ามันดูสนุกดีนะ มีการเปิดตัวก่อนแข่งขัน และมีอิสระในการต่อสู้ ถ้าเป็นยูโดจะเข้มงวดมาก และจะฉลองชัยชนะแบบนี้ไม่ได้ ฉันจึงคิดว่าการต่อสู้แบบผสมผสานมันเจ๋งดีค่ะ”
หลังจากหายดี อิตซูกิ จึงตัดสินใจไปสมัครเรียนที่ยิมใกล้บ้าน ด้วยเหตุผลเดียวคือมันใช้เวลาปั่นจักรยานไม่ถึง 15 นาที ซึ่งที่นั่นทำให้เธอได้พบกับนักศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) ยอดฝีมือชาวญี่ปุ่นอย่าง “คาซูโนริ โยโกตะ” ซึ่งเป็นทั้งผู้ฝึกสอน และวางแผนเกมการแข่งขันให้กับเธอในเวลาต่อมา
#ยิ่งกว่าชัยชนะ
อิตซูกิ ใช้พื้นฐานยูโดต่อยอดในกีฬาการต่อสู้แบบผสมผสาน จนกระทั่ง คาซูโนริ เห็นแววของลูกศิษย์สาวจอมแกร่งวัย 19 ปีในขณะนั้น จึงใส่ชื่อเธอลงในการแข่งขัน Fighting Agent War ซึ่งเป็นรายการแข่งขันการต่อสู้แบบผสมผสานระดับสมัครเล่นในรูปแบบเรียลลิตีโชว์ ที่ออกอากาศทางช่อง AbemaTV
แม้เธอจะเพิ่งเริ่มต้นผันตัวมาจับกีฬานี้ได้เพียงไม่กี่เดือน แต่ อิตซูกิ ก็พาตัวเองลอยลำสู่เส้นชัย ด้วยการซับมิชชันคู่แข่งได้ถึงสามคนรวด ขึ้นแท่นแชมป์รายการนี้ในที่สุด
ทักษะการต่อสู้ที่เกินตัวของเธอไปเตะตาผู้จัดการแข่งขันระดับโลกอย่าง วัน แชมเปียนชิพ และทำให้เธอเห็นแสงสว่างบนเส้นทางอาชีพนักสู้อย่างชัดเจนขึ้น
#ยอดหญิงไร้พ่าย
อิตซูกิ เปิดตัวไฟต์แรกใน วัน แชมเปียนชิพ เมื่อเดือนมิถุนายน 2562 ที่เซี่ยงไฮ้ อย่างสวยงาม หลังปิดเกมคู่แข่งขันสาวชาวฟิลิปปินส์ “แองเจลี ซาบานาล” ด้วยการซับมิชชันตั้งแต่ยกแรก
อีก 4 เดือนหลังจากนั้น เธอก็ขึ้นสังเวียนกับนักสู้สาวลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่นอย่าง “ริกะ อิชิเกะ” ซึ่งเปรียบเสมือนศึกสายเลือดกราย ๆ โดยไฟต์นั้นจัดขึ้นที่บ้านเกิดของเธอที่กรุงโตเกียว ในเดือนตุลาคม 2562 และเธอสยบคู่แข่งสาวไทยด้วยการซับมิชชันในยกที่ 2
ต่อมาที่กรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2563 อิตซูกิ ได้สร้างสถิติปิดเกมแบบไม่ครบยกอีกครั้ง ด้วยการน็อกเอาต์คู่แข่งสาวชาวนิวซีแลนด์ “ไนเรน ครอว์ลีย์” ในยกสุดท้าย
หนึ่งปีให้หลัง อิตซูกิ เปิดศึกในบ้านกับรายการ Road to ONE และเป็นอีกครั้งที่เธอเผด็จศึกคู่แข่ง “มิกุ นากามูระ” ในยกสอง ก่อนที่จะลงสนาม เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นอะตอมเวตหญิง เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยจัดการนักสู้สาวอเมริกัน “Lil’ Savage” อลิส แอนเดอร์สัน ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง ด้วยคะแนนเอกฉันท์ สั่งสมสถิติไม่แพ้ใครต่อเนื่อง 5 ไฟต์
ด้วยหน้าตาน่ารักคิกขุสไตล์สาวญี่ปุ่น รวมทั้งบุคลิกสดใสร่าเริงที่เธอแสดงออกบนเวทีอยู่บ่อยครั้ง ทั้งยังแฝงด้วยความเซ็กซี่เล็ก ๆ จากเรือนร่างที่ฟิตแอนด์เฟิร์มสไตล์นักกีฬา ทำให้ อิตซูกิ กลายเป็นที่ถูกตาต้องใจของบรรดาหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่
หากใครได้ติดตามอินสตาแกรมส่วนตัวของ อิตซูกิ ก็จะเห็นได้ว่าจริง ๆ แล้ว เธอเป็นสาวหลายบุคลิก หวานคิกขุก็ได้ เท่ก็ดูดี แถมยังขี้เล่นและเฟรนลี่ ซึ่งใครเห็นเป็นต้องหลงเสน่ห์สาวเลือดซามูไรคนนี้แบบไม่รู้ตัว
แฟน ๆ ที่ชื่นชอบนักสู้สาว “อิตซูกิ” อย่าลืมส่งแรงใจเชียร์เธอได้ในศึก ONE: NEXTGEN ถ่ายทอดสดเริ่มคู่แรก เวลา 19.30 น. รับชมทาง
- แอปมือถือ ONE Super App
- ยูทูบ ONE Championship
- AIS Play (เฉพาะลูกค้า AIS)
- ไทยรัฐทีวี ช่อง 32 รับสัญญาณสด 22.40 น.
อ่านเพิ่มเติม: