“เคียมเรียน อับบาซอฟ” ยกความดีให้ “แม่” ความสำเร็จนี้เพราะเธออยู่เบื้องหลัง
มีคำกล่าวว่า “เบื้องหลังบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ มักมีสตรีคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง” ซึ่งในกรณีของ “Brazen” เคียมเรียน อับบาซอฟ ก็เช่นกัน ซึ่งเจ้าตัวเปิดใจ ชีวิตนี้เขาติดหนี้ความสำเร็จทั้งหมดกับแม่ สตรีผู้มีชื่อว่า “โนนา อาลิเอวา”
“ตลอดชีวิตที่ผ่านมา แม่คือแรงผลักดัน และเป็นแรงบันดาลใจของผม ชื่อเสียงไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้ผมมาเป็นนักกีฬาศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานระดับอาชีพ เหตุผลหลักที่แท้จริง คือผมอยากให้แม่มีชีวิตที่ดีขึ้น และตอบแทนที่ท่านให้การสนับสนุนผมแบบไม่เคยเหน็ดเหนื่อยมาตลอดหลายปี”
ครอบครัวของ เคียมเรียน แตกสลายตั้งแต่พ่อกับแม่แยกทางกัน พ่อทิ้งให้เขาซึ่งตอนนั้นมีอายุเพียง 3 ขวบอยู่กับแม่และน้องสาว
แม่ของเขา โนนา ต้องรับงาน 2-3 อย่างในเวลาเดียวกันเพื่อให้มีรายได้เพียงพอกับค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูลูกๆ
“ท่านเป็นทั้งแม่ เป็นทั้งพ่อ เป็นเพื่อนที่ดีที่สุด เป็นคนที่ทำให้ผมมีความมั่นใจ และเป็นแรงบันดาลใจของผม เราไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจากพ่อเลยแม้แต่ครั้งเดียว แม่ต้องสู้ชีวิตและทำงานหนักเพื่อผม และตอนนี้ถึงเวลาที่ผมต้องสู้เพื่อท่านบ้าง”
เนื่องจากภาระอันหนักอึ้ง ทำให้ โนนา ไม่สามารถที่จะดูแลลูกอย่างใกล้ชิด เคียมเรียน จึงออกนอกลู่นอกทาง โดยเริ่มโดดเรียนและปิดบังแม่ไม่ให้รู้เรื่องนี้
“จริงๆ ผมเรียนไม่จบนะ ผมเข้าไปที่โรงเรียนตอนเช้า แล้วก็โดดออกมาช่วง 2-3 คาบท้ายเพื่อไปทำงาน”
ที่สุดแล้ว โนนา ก็รู้จนได้ว่าลูกชายของเธอแอบไปทำงานที่ปั๊มน้ำมัน และทำให้เธอผิดหวังมากๆ แต่สิ่งที่ เคียมเรียน ทำลงไปเพียงเพื่อต้องการช่วยเหลือแม่ ซึ่งนั่นทำให้ผู้ให้กำเนิดถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
“ตอนนั้นโทรศัพท์ของแม่ผมเก่ามาก แล้วมันก็มักจะเสียอยู่บ่อยๆ ผมอยากจะทำอะไรตอบแทนท่าน เลยตัดสินใจนำเงินที่หามาได้ ไปซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ให้แม่”
แม้ โนนา จะไม่เคยคาดหวังว่าลูกชายจะเป็นนักกีฬาการต่อสู้อาชีพ แต่เธอก็ไม่ได้ขัดขวาง อันที่จริงแล้วเธอมีความสุขด้วยซ้ำเมื่อได้เห็นน้องชายของตัวเองช่วยดูแล เคียมเรียน ด้วยการสอนวิชามวยปล้ำให้
“ทุกอย่างเกี่ยวกับกีฬา ผมได้มาจากอาของผม ยาคุบ อาลิเอฟ เขาเป็นคิกบ็อกเซอร์และโค้ชมวยปล้ำที่เก่งมาก แม่อาจจะรู้ว่าผมอยากมีพ่อมาเป็นต้นแบบของชีวิต และอาก็ให้ในสิ่งที่ผมไม่เคยได้จากพ่อ”
แม้ โนนา จะให้การสนับสนุน เคียมเรียน มาตลอดเส้นทางการเป็นนักสู้ที่ดีสุดในโลก แต่ด้วยหัวอกคนเป็นแม่จึงไม่อาจทนเห็นลูกชายเจ็บตัว ทำให้เธอไม่เคยดูการแข่งขันของ เคียมเรียน เลยสักครั้ง
“เวลามีการถ่ายทอดสด แม่จะออกไปนอกห้อง และจะกลับมาเมื่อการแข่งขันจบลงเพื่อฟังว่าผลเป็นยังไง”
เคียมเรียน ซาบซึ้งใจในความรักของแม่เสมอมา แต่เขาเพิ่งรู้ถึงแรงขับเคลื่อนที่ทำให้คนเราทำอะไรได้มากมาย ก็ตอนที่เขามีครอบครัวของตัวเอง
ภรรยาและลูกสาวของ เคียมเรียน
หลังย้ายมาอยู่ที่ประเทศรัสเซียเพื่อร่วมทีม Novorosfight ในปี 2558 เขาตัดสินใจแต่งงาน และหนึ่งปีหลังจากนั้นลูกสาวของเขา ‘แจสมิน’ ก็ถือกำเนิด ซึ่งทุกอย่างก็เหมือนกระจกสะท้อน เพราะตอนนี้ เคียมเรียน ก็กำลังพยายามทำทุกอย่างเพื่อลูกสาวของเขา เหมือนอย่างที่แม่พยายามทำทุกอย่างเพื่อเขา
“สมัยผมเป็นเด็ก แม่เคยบอกว่า ผมจะเข้าใจเธอมากขึ้น เมื่อตอนที่ผมมีลูก เมื่อ แจสมิน ลืมตาดูโลก ผมจึงรู้ซึ้งถึงสิ่งที่แม่ของผมพูด เรื่องความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ที่จะทำให้ลูกได้รับสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อเริ่มต้นชีวิต”
“ตอนนี้ผมมีแรงผลักดันยิ่งขึ้นกว่าเดิม ผมจะทำให้ผู้หญิงทุกคนในชีวิตของผมมีความสุข ทั้งแม่ ภรรยา และลูกสาวของผม”
อ่านเพิ่มเติม: