“เคียมเรียน อับบาซอฟ” อดีตเด็กปั๊ม พ่อแม่แยกทาง ไม่อาจขวางกั้นเส้นทางสำเร็จ
“Brazen” เคียมเรียน อับบาซอฟ เดินทางมาไกลเกินกว่าที่ฝันไว้ กว่าจะได้เป็นแชมป์โลก ONE รุ่นเวลเตอร์เวตในวันนี้ เขาผ่านความยากลำบากมาตั้งแต่ช่วงวัยเด็ก จากชีวิตครอบครัวที่แตกสลาย เขาต้องกลายไปเป็นเด็กปั๊ม ก่อนจะได้พบเจอกับความต้องการของตัวเอง และไล่ล่าความฝันจนปัจจุบันในวัย 27 ปีที่มองเห็นความสำเร็จอยู่ในมือ
ในฐานะของแชมป์โลก ONE รุ่นเวลเตอร์เวต ซึ่งกำลังจะป้องกันตำแหน่งครั้งแรกในศึก ONE: INSIDE THE MATRIX II วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายนนี้ เราอยากพาคุณไปทำความรู้จักฮีโร่นักสู้ชาวคีร์กีซสถานรายนี้กันให้มากขึ้น
#เด็กหนุ่มสู้ชีวิต
เคียมเรียน เกิดและเติบโตในหมู่บ้านเล็กๆ ห่างจากกรุงบิชเคก ซึ่งเป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศคีร์กีซสถาน ประมาณ 30 กิโลเมตร
เขาอาศัยอยู่กับแม่และน้องสาวตามลำพัง พ่อกับแม่ของเขาแยกทางกันตั้งแต่เขาอายุเพียง 3 ขวบ และไม่เคยให้ความช่วยเหลือหรือส่งเสียเลี้ยงดู
แม่ของเคียมเรียน “โนนา อาลิเอวา” ประกอบอาชีพพยาบาล เธอทำงานหามรุ่งหามค่ำ เพื่อหาเงินมาให้พอกับค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูลูกๆ เธอเป็นทั้งพ่อแม่ เพื่อน และคนที่ เคียมเรียน ให้ความไว้ใจที่สุดในชีวิต การทำงานหนักของแม่เป็นภาพติดตาที่ เคียมเรียน จดจำไว้เสมอๆ
“พอเข้าสู่วัยรุ่น ผลการเรียนของผมตกฮวบ ผมโดดเรียนประจำ แทบไม่ได้แตะหนังสือหนังหา ผมเห็นแม่เหนื่อยกลับบ้านทุกวัน จึงตัดสินใจออกจากโรงเรียนไปทำงานที่ปั๊มน้ำมัน ซึ่งมันก็ไม่ได้เงินอะไรเยอะแยะ แต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย แม้ว่าผมจะเป็นเพียงเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ แต่ก็เข้าใจภาระอันหนักหนาสาหัสของแม่ และผมก็แค่อยากจะช่วย”
“จริงๆ แล้วผมเป็นเด็กที่ชอบเล่นกีฬา เคยใฝ่ฝันอยากจะเป็นนักฟุตบอลที่มีชื่อเสียงอย่าง ซีเนดีน ซีดาน ผมทั้งฝึกเลี้ยงและยิงลูกฟุตบอลเป็นเวลาหลายชั่วโมงในแต่ละวัน แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อผมอายุ 14 ปี ผมมีโอกาสได้ดู ไมค์ ไทสัน กับ มูฮัมหมัด อาลี ชกมวย ตอนนั้นผมจึงได้รู้หัวใจตัวเองที่กำลังเต้นแรงและสูบฉีด ใช่ครับ ผมรักกีฬาการต่อสู้”
#MMA ตอบโจทย์
เคียมเรียน อาจจะเป็นเด็กที่ขาดพ่อ แต่ยังโชคดีที่เขามีลุง “ยาคุบ อาลิเอฟ” ซึ่งช่วยเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไป ยาคุบ เป็นคิกบ็อกเซอร์ที่ประสบความสำเร็จในเส้นทางอาชีพของตนเอง เมื่อรู้ว่าหลานชายหลงใหลในกีฬาการต่อสู้ เขาจึงให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่
“ชีวิตผมเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ผมเริ่มเรียนมวยปล้ำโดยมีลุงเป็นโค้ชคนแรก ตลอดสามปีผมใช้ชีวิตแบบทหาร ตื่นตีห้าครึ่ง นอนสี่ทุ่มครึ่ง ซ้อม 2-3 ครั้งต่อวัน วิ่งอีก 10-15 กิโลเมตร เป็นอย่างนี้ทุกวัน”
“ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่า ลุงแค่ต้องการให้ผมไม่มีเวลาว่างไปก่อเรื่อง เขาช่วยทำให้ผมเป็นผมได้ในวันนี้ และกีฬาการต่อสู้ก็ช่วยให้เด็กผู้ชายเติบโตเป็นลูกผู้ชายได้ไวขึ้น เหมือนกับการกระโดดสปริงบอร์ดที่ข้ามจากวัยเด็กไปสู่วัยผู้ใหญ่อย่างรวดเร็ว”
นอกจากการฝึกมวยปล้ำ เคียมเรียน ยังได้ฝึกมวยสากล และต่อมาเขาก็หันไปสนใจกีฬาการต่อสู้แบบผสมผสาน ซึ่งถือว่าเป็นกีฬาที่เติบโตอย่างรวดเร็วและได้รับความนิยมมากที่สุดในเอเชียกลาง
เคียมเรียน มีไอดอลคนสำคัญเป็นนักสู้ชาวรัสเซียระดับตำนานรุ่นเฮฟวีเวตนามว่า “เฟดอร์ อีเมลิอาเนนโก” ซึ่งเด็กหนุ่มถึงขั้นต้องเก็บเงินซื้อดีวีดีการแข่งขันของเขามาดู และร้องว้าวตลอดเวลาที่นั่งชม
“ผมติดงอมแงมเลยครับ ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะมีกีฬาที่สามารถผสมผสานทักษะทั้งการยืนและนอนสู้เข้าด้วยกัน และมันคือความท้าทายใหม่บนสังเวียนที่ผมปรารถนา เมื่อลุงรู้ว่าผมอยากลองกีฬานี้ เขาก็รีบติดต่อหาเพื่อนนักกีฬาที่รู้จักมาสอนให้ผมทันที”
#แจ้งเกิดบนสังเวียน
หลังจากฝึกฝนศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานอยู่หลายปี เคียมเรียน ในวัย 18 ปี จึงก้าวขึ้นสังเวียนเป็นครั้งแรก โดยฝึกซ้อมอย่างเต็มที่ร่วมสองเดือนก่อนการแข่งขัน และคว้าชัยชนะในไฟต์เปิดตัว พร้อมเลือดลมที่สูบฉีดพลุ่งพล่านจนแทบจะระเบิดออกมา
“มีหลายคนบอกว่ามันเร็วเกินไปสำหรับผมในตอนนั้น แต่ผมไม่สน โอกาสมาถึงแล้ว ผมต้องคว้าไว้ แล้วผมก็ชนะ ผมพยายามจะลงแข่งให้ได้มากที่สุด ผมกระหายที่จะสู้และคว้าชัยชนะ”
หลังจากนั้น เคียมเรียน ก็สั่งสมชัยชนะไปเรื่อยจนถึง 18 ไฟต์ เขากลายเป็นที่รู้จักในการแข่งขันระดับภูมิภาค โดยเฉพาะความสำเร็จที่ได้มาจากการน็อกเอาต์ถึง 9 ครั้ง และซับมิชชันอีก 3 ครั้ง ซึ่งส่งให้เขาได้รับตำแหน่ง “Master Of Sport” ในคีร์กีซสถาน และแชมป์ Prim Selection GP รุ่นเวลเตอร์เวต กลายเป็นนักกีฬาแม่เหล็กเนื้อหอมที่มีแรงดึงดูดบรรดาเหล่าโปรโมเตอร์จากทั่วโลกเข้ามาหาในเวลาต่อมา
#นั่งแท่นแชมป์โลก
และแล้วโชคชะตาก็นำพาให้ เคียมเรียน มาบรรจบพบกับ วัน แชมเปียนชิพ สังเวียนกีฬาการต่อสู้มืออาชีพ ยิ่งใหญ่ระดับโลก ซึ่งเขาสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วและประสบความสำเร็จต่อเนื่อง
โดยในเดือนธันวาคม 2561 เขาลงมือซับมิชชัน “อากิลัน ทานี” นักกีฬาแถวหน้าของมาเลเซียด้วยท่ารัดคอมหานิยม Rear Naked Choke ตั้งแต่นัดประเดิม ต่อเนื่องด้วยการสกัดทางดังนักสู้แดนปลาดิบ “ยูชิน โอกามิ” ในเดือนพฤษภาคม 2562 ด้วยชัยชนะทีเคโอ. ในยกที่สอง
จากนั้น เคียมเรียน ก็ได้สิทธิ์ท้าชิงแชมป์โลก ONE รุ่นเวลเตอร์เวต กับเจ้าบัลลังก์ “เซบาซเตียน คาเดสตัม“ ในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน ซึ่งตลอดทั้ง 5 ยก เขาห้ำหั่นกับแชมป์เก่าชาวสวีเดนอย่างถึงพริกถึงขิง ก่อนจะเป็นฝ่ายสอยเข็มขัดมาครองทั้งน้ำตา เวลาแห่งการเถลิงแชมป์โลกคนใหม่ที่เป็นชื่อของเขาเอง
“ถือเป็นช่วงเวลาที่น่าเหลือเชื่อมากๆ ผมรู้สึกเหมือนว่ากำลังได้รับสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากๆ ผมภูมิใจ มีความสุข และตื่นเต้น จนยากที่จะควบคุมความตื้นตันไว้ได้”
บางทีช่วงเวลาแห่งความอัดอั้นตันใจนี้ ถูกกดดันมาตั้งแต่สมัยวัยเด็กที่เขาได้เห็นความเหนื่อยยากลำบากของผู้หญิงคนหนึ่งที่ยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อเขา ผู้หญิงที่อยู่ในใจของเขาเสมอ และคอยเป็นแรงผลักดันที่ยิ่งใหญ่ให้เขามุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตตนเองให้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะต้องพบเจอกับอุปสรรคหนักหนาสาหัสเพียงใดก็ตาม
“ที่ผมสู้มาตลอดก็เพื่อแม่ของผม แรงกระตุ้นที่อยากจะฝึกซ้อมและแข่งขันให้ชนะก็เพื่อจะได้ช่วยเหลือจุนเจือแม่ แม่ทำงานหนักมาทั้งชีวิตเพื่อให้ผมได้มีหลังคาคุ้มหัว และมีอาหารตกถึงท้อง มันถึงเวลาที่แม่จะต้องมีความสุขได้แล้วครับ”
“เคียมเรียน อับบาซอฟ” กำลังจะสานต่อความสำเร็จของเขาในฐานะแชมป์โลก ONE รุ่นเวลเตอร์เวต โดยจะต้องรั้งเข็มขัดจากผู้ท้าชิงไร้พ่าย “เจมส์ นากาชิมา” ในศึก ONE: INSIDE THE MATRIX II วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายนนี้ ในรูปแบบบันทึกการแข่งขันจากประเทศสิงคโปร์
รับชมได้ทาง
- ONE Super App เวลา 19.30 น.
- YouTube ของ ONE Championship เวลา 19.30 น.
- AIS Play เวลา 19.30 น.
- ไทยรัฐทีวี ช่อง 32 เวลา 22.40 น.
อ่านเพิ่มเติม:
- “เคียมเรียน vs เจมส์” เปิดศึกชิงบัลลังก์ ONE: INSIDE THE MATRIX II 6 พ.ย.63
- วิธีรับชม ศึก ONE: INSIDE THE MATRIX II “เคียมเรียน vs เจมส์”
- “เคียมเรียน อับบาซอฟ” ยกความดีให้ “แม่” ความสำเร็จนี้เพราะเธออยู่เบื้องหลัง