บทเรียนเมียนมา “ออง ลา” คือ “ฮีโร่ตลอดกาล” แม้ในวันที่ปราชัยหรือได้ชัยชนะ
บทเรียนชั้นดีที่เราไม่อาจมองข้ามจากสุดยอดกองเชียร์ชาวเมียนมาที่ยืนเคียงข้าง “ออง ลา เอ็น ซาง” ตลอดเส้นทางการต่อสู้จากจุดสูงสุดในฐานะแชมป์โลก ONE แม้กระทั่งในวันที่ไร้เข็มขัดพาดบ่า
ในศึก ONE FIGHT NIGHT 6 เมื่อช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา แฟน ๆ กีฬาคงได้เห็นภาพแฟนคลับเมียนมาแห่แหนไปยัง อิมแพ็ค อารีนา เพื่อรอชมรอเชียร์ “ออง ลา เอ็น ซาง” ฮีโร่ผู้สร้างแรงบันดาลใจและปักหมุด “เมียนมา” บนแผนที่โลกต่อสู้กันอย่างคับคั่ง ซึ่งเป็นภาพที่น่าสนใจต่อสายตาชาวไทย
โดยเฉพาะวินาทีที่ฮีโร่เมียนมา “ออง ลา” ปรากฏตัวบนสังเวียน ONE ด้วยเพลงที่เป็นเอกลักษณ์ แฟนคลับเมียนมาพากันแผดเสียงร้องตามจนดังลั่นสนั่นไปทั้งฮอลล์ ชวนให้บรรยากาศในการแข่งขันคึกคักและร้อนระอุยิ่งขึ้นกว่าเดิม
“ออง ลา” เกิดที่เมียนมา แต่ไปศึกษาและเติบโตอยู่ที่อเมริกานานหลายปี ก่อนจะกลับมาสร้างชื่อเสียงให้เมียนมาในฐานะแชมป์โลก ONE รุ่นมิดเดิลเวต (205 ป.) เมื่อมิ.ย.60 ด้วยการเอาชนะ “วิตาลี บิกแดช” ต่อหน้ากองเชียร์ชาวเมียนมานับหมื่นคนที่เข้ามาส่งเสียงเชียร์ให้กับ “ออง ลา” ในสนามกีฬาธุวันนา สเตเดียม ในกรุงย่างกุ้ง
ต่อจากนั้น “ออง ลา” ก็ล่าเข็มขัดโลก ONE รุ่นไลต์เฮฟวีเวต (225 ป.) มาพาดบ่าได้อีกหนึ่งเส้น โดยใช้เวลาเพียง 8 เดือนหลังจากครองเข็มขัดแรก ด้วยการปราบ “อเล็กซานเดร มาชาโด” ในยกแรก ขึ้นแท่นแชมป์โลกสองรุ่น ในเดือนก.พ.61 ความรักและศรัทธาที่ประชาชนมีต่อฮีโร่ของเขามากมายถึงขั้นก่อสร้างรูปปั้น “ออง ลา” ในจังหวัดบ้านเกิด
อย่างไรก็ตาม ความเข้มข้นของการแข่งขันบนเวทีนักสู้ระดับโลก นักกีฬาตัวท็อป ๆ ต่างมีฝีมือสูสีกัน ผลแพ้ชนะจึงเกิดขึ้นได้ทุกวินาที หลังจาก “ออง ลา” กอดเข็มขัดทั้งสองเส้นไว้ได้กว่าหนึ่งปี เส้นทางฮีโร่ของ “ออง ลา” ก็ต้องสะดุด เมื่อเขาเสียเข็มขัดทั้งสองเส้น (รุ่นมิดเดิลเวต และไลต์เฮฟวีเวต) ให้ผู้ท้าชิงคนเดียวกันคือ “ไรเนียร์ เดอ ริดเดอร์” ภายในระยะเวลาเพียง 6 เดือน เมื่อ ต.ค.63 และ เม.ย.64
“ออง ลา” อยู่ในสถานะไร้เข็มขัดแชมป์โลกบนบ่า ต้องล้มลุกคลุกคลาน พยายามตะเกียกตะกายกลับขึ้นไปสู่เส้นทางที่เคยรุ่งโรจน์ แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด เขากลับพ่ายแพ้ให้กับอดีตคู่ปรับ “วิตาลี” ในไฟต์ล้างตาภาค 3 เมื่อต้นปี 65 แม้ “ออง ลา” จะมีร่างกายที่กล้าแกร่ง แต่ก้อนเนื้อเล็ก ๆ อย่าง “หัวใจ” ก็เจ็บปวดได้ ร้องไห้เป็น
ในห้วงเวลาที่ผ่านไปได้ยาก ชีวิตที่เคยขึ้นสูง กลับมาถึงจุดตกต่ำ ไม่ต่างจากทุกชีวิต ทุกสาขาอาชีพ ที่ย่อมเคยผิดพลาด พ่ายแพ้ ไม่ได้ดังใจ แต่การมีใครสักคนยืนเคียงข้างกัน มันมีความหมายยิ่งใหญ่ บางครั้งยิ่งใหญ่ซะกว่าวันที่ยืนอยู่ในจุดสูงสุด และแวดล้อมไปด้วยคนที่ชื่นชมยินดีซะอีก
หลังได้รับชัยชนะเมื่อวันเสาร์ “ออง ลา” กล่าวขอบคุณชาวเมียนมาที่อาศัยอยู่ทุกแห่งหนทั่วโลก รวมถึงคนที่เก็บหอมรอมริบเพื่อซื้อบัตร และเดินทางมาชมเขาถึงในสนาม ทุกกำลังใจเป็นเสมือน “ลมใต้ปีก” เสมอมา คือพลังที่พยุงให้เขาลุกขึ้นสู้ และมีแรงกำลังอยากจะกลับมายิ่งใหญ่ให้ได้แม้จะอยู่ในวัย 37 ปีก็ตาม
สิ่งที่เราได้เห็นใน อิมแพ็ค อารีนา คือกรณีศึกษาที่ทำให้ต้องกลับมาขบคิดว่า เมื่อคนรอบข้าง คนที่เรารู้จัก หรือไม่ว่าใครก็ตามที่เราบังเอิญได้พบเห็น กำลังอยู่ในภาวะสิ้นหวัง พ่ายแพ้ หมดกำลังใจ เราจะเป็นหนึ่งคนที่ทับถม เหยียบย่ำ ซ้ำเติมเขาลงไปกว่าเดิม หรือจะเป็นหนึ่งคนที่ช่วยพยุงเขาให้ลุกขึ้นมา อย่างเช่นที่ชาวเมียนมาปฏิบัติต่อ “ออง ลา” ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
แฟน ๆ กีฬาสามารถติดตามอัปเดตโปรแกรมการแข่งขันของ ONE ได้ที่นี่ และโซเชียลมีเดียของ ONE ทุกช่องทาง ได้แก่ เฟซบุ๊ก ONE Championship Thailand, อินสตาแกรม ONEChampTh