“ยูรี ลาปิคัส” จากวิถีผู้อพยพชาวมอลโดวา สู่นักสู้สุดร้อนแรงแห่งเมืองมิลาน
เปิดปูมชีวิต “ยูรี ลาปิคัส” นักสู้หนุ่มจากมอลโดวา ผู้อาศัยอยู่ในอิตาลีในฐานะผู้อพยพ ก่อนที่เขาจะลงหลักปักฐานสร้างความรุ่งเรืองเป็นคลื่นลูกใหม่สุดร้อนแรงแห่งวงการต่อสู้อย่างทุกวันนี้
“ยูรี ลาปิคัส” นักสู้หนุ่มวัย 24 ปีผู้มีความโดดเด่นน่าจับตาที่สุดในรุ่นไลต์เวตของ วัน แชมเปียนชิพ เขาเป็นชาวมอลโดวา แต่อพยพจากบ้านเกิดมาเติบโตและใช้ชีวิตอยู่ต่างบ้านเมืองตั้งแต่ช่วงวัยรุ่น โดยมีศิลปะการต่อสู้ช่วยนำทางในการค้นหาตัวตนของเขาเองจนเจอและสร้างความสำเร็จในดินแดนที่ให้ชีวิตใหม่
วันนี้ในฐานะคลื่นลูกใหม่ไฟแรงแห่งวงการต่อสู้ เขากำลังก้าวขึ้นไปสู่ความยิ่งใหญ่กว่าครั้งใดที่เคยผ่านมา เมื่อต้องเผชิญหน้าคู่แข่งระดับตำนานแห่งอเมริกาเหนือผู้มีชื่อเสียงเกรียงไกรอย่าง “The Underground King” เอ็ดดี อัลวาเรซ ในศึก ONE on TNT I ซึ่งจะมีการถ่ายทอดสดในวันพุธที่ 7 เมษายนนี้ในช่วงเวลาไพรม์ไทม์ของอเมริกา หรือเวลา 07.30 น.ของวันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายนตามเวลาประเทศไทย
แต่ก่อนที่ศึกหยุดโลกครั้งนี้จะระเบิดขึ้น เราจะพาไปย้อนดูชีวิตของ ยูรี บนเส้นทางนักสู้อพยพ ก่อนที่จะกล้าแกร่งบนโลกแห่งการต่อสู้อย่างทุกวันนี้
จากมอลโดวาสู่อิตาลี
ยูรี เกิดในสาธารณรัฐมอลโดวา ซึ่งอยู่ทางยุโรปตะวันออกและเคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต แต่ตอนนี้เป็นที่รู้จักกันในนามสถานที่ผลิตไวน์ชั้นดี เขาอาศัยอยู่กับพ่อแม่ ลูรี และ วาเลนตินา และพี่ชาย มาร์ซิน โดยมีชีวิตวัยเด็กอย่างแสนสุขอยู่ที่นั่น
ชีวิตในมอลโดวานั้นเรียบง่ายและสนุก ยูรี มีความทรงจำดี ๆ ในวัยเด็กกับการใช้ชีวิตท่ามกลางสัตว์และธรรมชาติ ในฤดูร้อนเขาไปเล่นที่แม่น้ำ บางครั้งเพลินจนลืมเวลากินข้าว ในฤดูใบไม้ร่วงเขากับพี่ชายช่วยพ่อเก็บองุ่นไปทำไวน์ ส่วนฤดูหนาวก็เล่นหิมะทั้งวันทั้งคืนโดยไม่หวั่นความหนาว
เขาได้ทำความรู้จักกีฬาการต่อสู้เป็นครั้งแรก ด้วยการเริ่มเรียนวิชายูโดในวัย 9 ขวบ แม้จะฝึกบนพื้นไม้แข็ง ๆ เนื่องจากขาดแคลนเงินทุนในการซื้อหาอุปกรณ์ เพราะความยากจนที่ระบาดไปทั่วประเทศถึงขั้นเป็นประเทศที่มีค่า GDP ต่ำที่สุดในยุโรป ต่อมาพ่อแม่ของเขาจึงตัดสินใจพาครอบครัวและเขาซึ่งตอนนั้นอายุ 15 ปีอพยพไปอยู่ที่อิตาลีเพื่อชีวิตที่ดีกว่า
ความหลงใหลที่มีต่อ MMA
แม้ ยูรี ในวัยหนุ่มจะย้ายสำมะโนครัวมาสู่ดินแดนแห่งโอกาส แต่การเสาะแสวงหาลู่ทางใหม่ในต่างแดนไม่ใช่เรื่องง่าย
“การเป็นคนต่างด้าวคือบททดสอบที่หนักหนาสาหัสที่สุดที่ผมต้องเผชิญ การที่คุณต้องใช้ชีวิตวัยรุ่นอยู่ในประเทศที่ไม่คุ้น พูดภาษาท้องถิ่นไม่ได้ มันลำบากจริง ๆ ครับ”
ในเวลานั้นกีฬาและศิลปะการต่อสู้ช่วย ยูรี ได้มาก มันเป็นเครื่องมือในการระบายความอัดอั้นตันใจ ช่วยสร้างวินัยและความภูมิใจในตนเอง การย้ายมาอยู่ในอิตาลีไม่ได้ช่วยปลุกใจรักในการต่อสู้ให้กลับมาอีกครั้งเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เขาค้นพบโลกใบใหม่ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตเขาไปตลอดกาล
“ตอนนั้นเพื่อนนักเรียนของผมแนะนำให้ผมรู้จักกีฬาการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) เขาชวนให้ผมไปที่ยิม และมันก็กลายเป็นรักแรกพบของผมทันที ผมอยากรู้จักแง่มุมต่าง ๆ ของกีฬานี้ให้มากขึ้น และตัดสินใจว่าจะเดินสู่เส้นทางนักสู้”
ยูรี หันมาเอาดีทางด้านกีฬาการต่อสู้แบบผสมผสานอย่างจริงจัง หลังจากใช้ความพากเพียรฝึกฝนวิชานับพันนับหมื่นชั่วโมง เขาก็สามารถคว้าชัยด้วยซับมิชชันตั้งแต่ยกแรกในการเปิดตัวระดับมืออาชีพ เมื่ออายุราว 19 ปี
สองผู้มีอิทธิพล
(จากซ้าย) ยูรี, เทรนเนอร์, จอร์จิโอ และ อาร์เมน
ช่วงที่หนุ่มมอลโดวาอยู่ในระหว่างฝึกปรือวิทยายุทธ โชคดีที่เขาได้เข้ามาอยู่ใต้ปีกอันแข็งแกร่งของสองพี่น้องนักชกตัวท็อปของวงการคิกบ็อกซิ่งระดับโลกอย่าง “The Doctor” จอร์จิโอ เปโตรเซียน และ “อาร์เมน เปโตรเซียน” น้องชาย ซึ่งทั้งคู่เข้าใจหัวอก ยูรี เป็นอย่างดี เพราะเคยตกอยู่ในฐานะผู้อพยพเช่นเดียวกัน
“ทั้ง จอร์จิโอ และ อาร์เมน ไม่ได้เป็นเพียงแชมป์ผู้ยิ่งใหญ่ แต่ยังมีมนุษยสัมพันธ์ดีมาก พวกเขาช่วยเหลือผมในหลายเรื่องทั้งในและนอกสังเวียน เขาเปรียบเสมือนครอบครัวของผม”
“บทเรียนล้ำค่าที่ผมได้รับจากพวกเขาคือ จงถ่อมตนอยู่เสมอ ต่อให้คุณประสบความสำเร็จบนเส้นทางอาชีพนี้แค่ไหน แต่หากขาดซึ่งความเสียสละและอดทนแล้ว คุณก็ไม่มีวันประสบความสำเร็จได้จริง ๆ”
ภายใต้สำนัก “เปโตรเซียน” สองพี่น้องได้ถ่ายทอดความรู้วิชาคิกบ็อกซิ่งให้แก่ศิษย์น้องจน ยูรี เติบโตขึ้นเป็นจอมบู๊ผู้เต็มไปด้วยพิษสงรอบด้านทั้งเกมยืนและนอนสู้ โดย 4 ปีแรก ยูรี สร้างสถิติสุดทึ่งไปทั่วสังเวียนในอิตาลี ด้วยการเก็บชัยชนะในกีฬาการต่อสู้แบบผสมผสานแบบไม่ครบยกตั้งแต่ไฟต์แรกต่อเนื่อง 12 ไฟต์รวด โดยเป็นการน็อกเอาต์ 4 ไฟต์ และซับมิชชัน 8 ไฟต์
อนาคตบนเวทีระดับโลก
การเป็นดาวจรัสแสงในอิตาลีไม่เพียงพอสำหรับ ยูรี อีกต่อไป เขามองหาโอกาสที่ยิ่งใหญ่ บวกกับความสำเร็จที่ผ่านมาได้นำมาเขามาสู่เวทีระดับโลก วัน แชมเปียนชิพ
ในเดือนพฤษภาคม 2562 ยูรี เปิดตัวบนเวทีแห่งนี้ครั้งแรกในศึก ONE: ENTER THE DRAGON โดยเจอกับนักสู้ชาวไทย “ครูตอง” ชนนภัทร วิรัชชัย แม้ต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ตัวฉกาจมากประสบการณ์ผู้คร่ำหวอดในรุ่นไลต์เวตของ “บ้านแห่งศิลปะการต่อสู้” แต่นักสู้จากมิลานก็สามารถรักษาสถิติชนะไม่ครบยกไว้ได้อีกครั้ง ด้วยการซับมิชชันปิดฉาก ชนนภัทร ในยกที่ 3 ทำให้เขากลายเป็นดาวรุ่งหน้าใหม่ที่น่าจับตามองทันที
ชัยชนะนั้นสร้างความโดดเด่นให้กับ ยูรี ถึงขั้นได้รับโอกาสขึ้นเทียบชั้นอดีตแชมป์โลก ONE รุ่นเฟเธอร์เวต “Cobra” มารัต กาฟูรอฟ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2563 และศึกนี้ได้สร้างความประทับใจให้ ยูรี อย่างที่สุด หลังปิดฉากเจ้าตำนาน มารัต ด้วยเวลาเพียง 67 วินาที ในฐานะนักสู้คนแรกที่สามารถเอาชนะซับมิชชัน มารัต ได้ด้วยท่าไม้ตาย rear naked choke ของ มารัต เอง
ยูรี vs มารัต (7 ก.พ.63)
ฟอร์มสุดโต่งส่งให้ ยูรี ได้ท้าชิงตำแหน่งแชมป์โลก ONE รุ่นไลต์เวตกับ “The Warrior” คริสเตียน ลี แม้ว่าเขาจะทำให้แชมป์โลกชาวสิงคโปร์-อเมริกันตกที่นั่งลำบากในช่วงแรก ๆ แต่สุดท้าย ยูรี ก็ไม่อาจกระชากเข็มขัดมาได้ในคืนนั้น แถมยังถูกปิดเกมตั้งแต่ยกแรกด้วยซ้ำ
“แน่นอนมันทำให้ผมปวดใจ เพราะผมหวังที่จะคว้าแชมป์โลกให้ได้ แต่ชีวิตก็เป็นแบบนั้นแหละครับ บางครั้งคุณชนะ บางครั้งคุณก็แพ้ ตอนนี้ผมต้องค่อย ๆ ทำทีละอย่าง และผมให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันครั้งต่อไปอย่างเต็มที่”
รวมผลงาน ยูรี – เอ็ดดี ใน วัน แชมเปียนชิพ
คู่แข่งรายต่อไปของนักสู้ชาวมอลโดวา คือเจ้าตำนานผู้ยิ่งใหญ่จากอเมริกาเหนือเจ้าของเข็มขัดสององค์กรใหญ่แห่งวงการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) “เอ็ดดี อัลวาเรซ” ผู้เป็นไอคอนของวงการ ผ่านนักสู้มือฉมังมาแล้วทั่วโลก
“เอ็ดดี เป็นหนึ่งในนักกีฬาที่มีชื่อเสียงระดับตำนานที่สุด ผมเติบโตมากับดูเขาสู้ แต่ผมมั่นใจว่าคราวนี้ผมจะเป็นคนที่ปิดฉากอาชีพของเขา และผมจะเอาชนะเขาแบบไม่ครบยกในวันที่ 7 เมษายนนี้”
และนี่คือปูมหลังชีวิตของนักสู้หนุ่มไฟแรงจากมอลโดวา “ยูรี ลาปิคัส” ส่วนอนาคตบนสังเวียนข้างหน้าจะปรากฏสู่สายตาแฟน ๆ ชาวไทยในวันพฤหัสบดีที่ 8 เมษายนนี้ ตามเวลาประเทศไทย ในศึก ONE on TNT I ซึ่งจะชี้ชะตาว่า “คลื่นลูกใหม่”อย่าง ยูรี จะผงาดเหนือ “เจ้าตำนาน” ได้อย่างที่พูดหรือไม่?
อ่านเพิ่มเติม:
- เผยที่มาฉายาสุดห่าม “The Underground King” ของ “เอ็ดดี อัลวาเรซ”
- “ยูรี ลาปิคัส” ยกเครดิตลมใต้ปีก สองพี่น้องตระกูล “เปโตรเซียน”
- ชีวิตเหมือนเกิดใหม่ของ “ยูรี ลาปิคัส”